ช่วงนี้ “บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย” สถานการณ์ธุรกิจดีสุดๆครับ ยอดจอง ยอดขาย ถล่มทลาย ส่วนหนึ่งเพราะแผนการเสริมโปรดักต์อันหลากหลาย แถมทำราคาได้น่าสนใจ อย่างล่าสุด “แมทธิอัส พฟาลซ์” ประธานใหญ่ บอกว่าหลังผ่านไป7เดือน (ม.ค.-ก.ค.2556) ยอดขายยังฉลุย หรือมีอัตราเติบโตถึง 39% ที่สำคัญยังแอบกระซิบว่า จากการตอบรับของตลาดที่ดีเกินคาด ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูต้องมานั่งปรับเป้าหมายการขายใหม่อีกด้วย
อย่าง“ซีรีย์6” ที่ผู้เขียนเพิ่งนำมาลองขับ แม้จะไม่ใช่ตัวทำยอดขายแบบเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนพี่น้องในอนุกรมอื่น แต่รถยนต์รุ่นนี้สามารถสร้างภาพลักษณ์พร้อมแสดงออกถึงแนวทางและวิถีคิด ของค่ายใบพัดสีฟ้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับ“ซีรีย์6”ใช้พื้นฐานการพัฒนาเดียวกับ “ซีรีย์5” และมีถึง 3 ตัวถังในการทำตลาด โดยประเทศไทยนำเข้ามาขายครบ ไล่ตั้งแต่ 640i Convertible เปิดประทุน (F12) ราคา 9.499 ล้านบาท 640i Coupe ตัวถังสองประตู 4 ที่นั่ง (F13) ราคา 8.599 ล้านบาท และคันที่ผู้เขียนนำมาทดสอบ 640i Grand Coupe ซึ่งเป็นตัวถังแบบ 4 ประตู 4 ที่นั่ง (F6) ราคา 9.299 ล้านบาท
โดย “640i แกรนด์ คูเป้” เปิดตัวที่หลังสุดในบรรดาสามตัวถัง แต่ถือเป็นตัวเด่นเน้นขายมากกว่า ด้วยความที่มี 4 ประตูเหมาะกับการใช้งานจริง ถ้าจะซื้อขับเองก็หล่อ หรือถ้ามีคนขับแล้วนั่งข้างหลังก็เท่ไปอีกแบบ ซึ่งรูปทรงสปอร์ตปราดเปรียวของรถ สามารถสะท้อนบุคลิกของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างแน่นอน
ด้านมิติตัวถังยาว5,007 มม. กว้าง 1,894 มม. สูง1,392 มม. และระยะฐานล้อ 2,968 มม. ถือเป็นรถยาวระดับ 5 เมตรที่ออกแบบได้ลงตัว แม้การเข้าออกอาจจะลำบากนิดหน่อยจากการเป็นรถเตี้ยหลังคาต่ำ แต่ภายในห้องโดยสารต้องบอกว่ากว้างขวางนั่งสบาย ส่วนของผู้โดยสารด้านหลังแบ่งเป็น 2 ที่นั่งชัดเจน โดยมีคอนโซลพร้อมช่องแอร์กั้นกลาง
อย่างที่บอกครับถ้าเป็นรถสำหรับผู้บริหาร พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายถือมีความจำเป็นกับการวางถุงกอล์ฟ ซึ่ง “640i แกรนด์ คูเป้” คันนี้ ใต้ฝากระโปรงหลังมีปริมาตรความจุ 460 ลิตร และสามารถเพิ่มได้ถึง 1,265 ลิตร เมื่อพับเบาะด้านหลังลง (เชื่อมต่อเข้ามาภายในห้องโดยสาร) ดังนั้นจะมีถุงกอล์ฟกี่ใบ หัวไม้กี่อันก็ไม่เป็นปัญหาครับ
ในตำแหน่งผู้ขับ พอมุดหัวเข้าไปนั่งแล้วปรับเบาะให้ถนัดถนี่ พบว่าทัศนวิสัยด้านหน้าค่อนข้างจำกัด จากการออกแบบเสาเอพิลลาร์ที่ลาดเอียง พื้นที่มองผ่านกระจกบานหน้าบีบแคบ ขณะที่ปุ่มสั่งงานต่างๆจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทั้งฝังบนพวงมาลัยและปุ่มไอ-ไดร์ฟข้างๆคันเกียร์
สำหรับออปชันเด่นๆที่เห็นแล้วโดนใจ ไล่ตั้งแต่ซันรูฟบานโต ระบบ Head up Display แสดงความเร็วและข้อมูลการขับขี่แบบย่อๆ ขึ้นมาที่กระจกบังลมหน้าของรถ รวมถึงระบบความคุมการถอยจอด ซึ่งมีลูกเล่นน่ารักด้วยการซ้อนกล้องมองหลังไว้ที่โลโก้บีเอ็มดับเบิลยูตรงฝากระโปรงท้าย กรณีที่เราเข้าเกียร์ R โลโก้ที่ว่าจะเปิดแย้มให้กล้องได้ทำงานและส่งภาพกลับมาที่หน้าจอแสดงผลด้านหน้า
อย่างไรก็ตามระบบ Head up Display กับระบบกล้องมองหลังเป็นออปชันที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 1 ล้านบาท ซึ่งจะมาเป็นแพกเกจพร้อมกับระบบไฟหน้า LED ปรับลำแสงตามความโค้งของถนน (Adaptive LED Headlight) และระบบแผนที่นำทาง 3 มิติ รวมถึงออปชันเพื่อความบันเทิงในห้องโดยสารอีก 2-3 รายการ
ด้านขุมพลังเบนซิน บล็อก 6สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรงเข่าสู่ห้องเผาไหม้ (Direct Injection) รีดกำลังด้วยเทอร์โบแบบ twin-scrollพร้อมระบบ Valvetronic ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 5,800-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,300-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
เรื่องพละกำลังนั้นหายห่วง เรียกเป็นมา กดเป็นหาย หรือเร่งแรงระดับหลังติดเบาะเลยทีเดียว อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ทำได้เพียง5.4 วินาที ถือว่าไม่ธรรมดา ขณะที่ความเร็วสูงสุดทำได้ 250 กม./ชม.
ขณะเดียวกันยังถือเป็นมาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยู ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก ซึ่งระบบจะสั่งงานเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และพวงมาลัย ให้ตอบสนองกับบุคลิกที่เราอยากได้ ทั้งขับแบบประหยัด ECO PRO ขับแบบติ๋มๆ NORMAL ไล่ไปถึงSPORT และSPORT + ที่จะตัดระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวออกไป
ดังนั้นหากพูดถึงสมรรถนะในภาพรวม “640i แกรนด์ คูเป้”แรงดีไม่มีที่ติ ช่วงล่างหนึบแน่น ขณะที่พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า(ใช้ไฟที่เก็บไว้จากระบบBrake Energy Regeneration) น้ำหนักกำลังดี ช่วยผ่อนแรงในการขับความเร็วต่ำ และหนักหน่วงขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง การสั่งงานซ้าย-ขวาแม่นยำ แต่กระนั้นด้วยความยาวเทอะทะของรถ และโอเวอร์แฮงหลังที่ยื่นมาพอสมควร ย่อมส่งผลให้ช่วงสาดใส่ในโค้งแรงๆ จะรู้สึกถึงอาการหน่วงดึงในด้านท้ายอยู่นิดๆ
ส่วนช่วงล่างหนึบจริง เกาะถนนมั่นใจ แต่ความนุ่มนวลก็อาจจะด้วยกว่า “ซีรีย์5” หรือ “ซีรีย์7” ส่วนหนึ่งเพราะล้ออัลลอยด์วงโต ประกบยางรันแฟลตแก้มเตี้ย สะท้านแรงจากพื้นถนนเข้ามาให้รับรู้ ซึ่งจริงๆก็แบบนี้ละครับถ้าเลือกเท่ก็ต้องสูญเสียความสบายด้านอื่นไปบ้าง
ด้านอัตราบริโภคน้ำมันจากการขับในสภาพจราจรหนาแน่นในเมือง ได้ตัวเลขประมาณ7-8 กม./ลิตร แต่ถ้าขับนอกเมืองใช้ความเร็วระดับ 120-130 กม./ชม. มี 11 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขของบีเอ็มดับเบิลยูเอง เคลมเฉลี่ยไว้ 13 กิโลเมตรต่อลิตร
รวบรัดตัดความ...เป็นความสง่างาม พร้อมสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมที่ต้องแลกด้วยเงินเกือบ 10 ล้านบาท (ถ้าไม่ซื้อออปชันเพิ่ม) ซึ่งหากมองคู่แข่งอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 250CDI แม้ไม่แรงเท่า แต่ราคาขายก็อยู่แถวๆ 5 ล้านบาท เมื่อมองประเด็นนี้อาจจะทำใจซื้อ “640i แกรนด์ คูเป้” ลำบาก เว้นว่าคุณจะเป็นสาวกบีเอ็มดับเบิลยูตัวจริงเท่านั้น
อย่าง“ซีรีย์6” ที่ผู้เขียนเพิ่งนำมาลองขับ แม้จะไม่ใช่ตัวทำยอดขายแบบเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนพี่น้องในอนุกรมอื่น แต่รถยนต์รุ่นนี้สามารถสร้างภาพลักษณ์พร้อมแสดงออกถึงแนวทางและวิถีคิด ของค่ายใบพัดสีฟ้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับ“ซีรีย์6”ใช้พื้นฐานการพัฒนาเดียวกับ “ซีรีย์5” และมีถึง 3 ตัวถังในการทำตลาด โดยประเทศไทยนำเข้ามาขายครบ ไล่ตั้งแต่ 640i Convertible เปิดประทุน (F12) ราคา 9.499 ล้านบาท 640i Coupe ตัวถังสองประตู 4 ที่นั่ง (F13) ราคา 8.599 ล้านบาท และคันที่ผู้เขียนนำมาทดสอบ 640i Grand Coupe ซึ่งเป็นตัวถังแบบ 4 ประตู 4 ที่นั่ง (F6) ราคา 9.299 ล้านบาท
โดย “640i แกรนด์ คูเป้” เปิดตัวที่หลังสุดในบรรดาสามตัวถัง แต่ถือเป็นตัวเด่นเน้นขายมากกว่า ด้วยความที่มี 4 ประตูเหมาะกับการใช้งานจริง ถ้าจะซื้อขับเองก็หล่อ หรือถ้ามีคนขับแล้วนั่งข้างหลังก็เท่ไปอีกแบบ ซึ่งรูปทรงสปอร์ตปราดเปรียวของรถ สามารถสะท้อนบุคลิกของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างแน่นอน
ด้านมิติตัวถังยาว5,007 มม. กว้าง 1,894 มม. สูง1,392 มม. และระยะฐานล้อ 2,968 มม. ถือเป็นรถยาวระดับ 5 เมตรที่ออกแบบได้ลงตัว แม้การเข้าออกอาจจะลำบากนิดหน่อยจากการเป็นรถเตี้ยหลังคาต่ำ แต่ภายในห้องโดยสารต้องบอกว่ากว้างขวางนั่งสบาย ส่วนของผู้โดยสารด้านหลังแบ่งเป็น 2 ที่นั่งชัดเจน โดยมีคอนโซลพร้อมช่องแอร์กั้นกลาง
อย่างที่บอกครับถ้าเป็นรถสำหรับผู้บริหาร พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายถือมีความจำเป็นกับการวางถุงกอล์ฟ ซึ่ง “640i แกรนด์ คูเป้” คันนี้ ใต้ฝากระโปรงหลังมีปริมาตรความจุ 460 ลิตร และสามารถเพิ่มได้ถึง 1,265 ลิตร เมื่อพับเบาะด้านหลังลง (เชื่อมต่อเข้ามาภายในห้องโดยสาร) ดังนั้นจะมีถุงกอล์ฟกี่ใบ หัวไม้กี่อันก็ไม่เป็นปัญหาครับ
ในตำแหน่งผู้ขับ พอมุดหัวเข้าไปนั่งแล้วปรับเบาะให้ถนัดถนี่ พบว่าทัศนวิสัยด้านหน้าค่อนข้างจำกัด จากการออกแบบเสาเอพิลลาร์ที่ลาดเอียง พื้นที่มองผ่านกระจกบานหน้าบีบแคบ ขณะที่ปุ่มสั่งงานต่างๆจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทั้งฝังบนพวงมาลัยและปุ่มไอ-ไดร์ฟข้างๆคันเกียร์
สำหรับออปชันเด่นๆที่เห็นแล้วโดนใจ ไล่ตั้งแต่ซันรูฟบานโต ระบบ Head up Display แสดงความเร็วและข้อมูลการขับขี่แบบย่อๆ ขึ้นมาที่กระจกบังลมหน้าของรถ รวมถึงระบบความคุมการถอยจอด ซึ่งมีลูกเล่นน่ารักด้วยการซ้อนกล้องมองหลังไว้ที่โลโก้บีเอ็มดับเบิลยูตรงฝากระโปรงท้าย กรณีที่เราเข้าเกียร์ R โลโก้ที่ว่าจะเปิดแย้มให้กล้องได้ทำงานและส่งภาพกลับมาที่หน้าจอแสดงผลด้านหน้า
อย่างไรก็ตามระบบ Head up Display กับระบบกล้องมองหลังเป็นออปชันที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 1 ล้านบาท ซึ่งจะมาเป็นแพกเกจพร้อมกับระบบไฟหน้า LED ปรับลำแสงตามความโค้งของถนน (Adaptive LED Headlight) และระบบแผนที่นำทาง 3 มิติ รวมถึงออปชันเพื่อความบันเทิงในห้องโดยสารอีก 2-3 รายการ
ด้านขุมพลังเบนซิน บล็อก 6สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรงเข่าสู่ห้องเผาไหม้ (Direct Injection) รีดกำลังด้วยเทอร์โบแบบ twin-scrollพร้อมระบบ Valvetronic ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 5,800-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,300-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
เรื่องพละกำลังนั้นหายห่วง เรียกเป็นมา กดเป็นหาย หรือเร่งแรงระดับหลังติดเบาะเลยทีเดียว อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ทำได้เพียง5.4 วินาที ถือว่าไม่ธรรมดา ขณะที่ความเร็วสูงสุดทำได้ 250 กม./ชม.
ขณะเดียวกันยังถือเป็นมาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยู ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก ซึ่งระบบจะสั่งงานเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และพวงมาลัย ให้ตอบสนองกับบุคลิกที่เราอยากได้ ทั้งขับแบบประหยัด ECO PRO ขับแบบติ๋มๆ NORMAL ไล่ไปถึงSPORT และSPORT + ที่จะตัดระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวออกไป
ดังนั้นหากพูดถึงสมรรถนะในภาพรวม “640i แกรนด์ คูเป้”แรงดีไม่มีที่ติ ช่วงล่างหนึบแน่น ขณะที่พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า(ใช้ไฟที่เก็บไว้จากระบบBrake Energy Regeneration) น้ำหนักกำลังดี ช่วยผ่อนแรงในการขับความเร็วต่ำ และหนักหน่วงขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง การสั่งงานซ้าย-ขวาแม่นยำ แต่กระนั้นด้วยความยาวเทอะทะของรถ และโอเวอร์แฮงหลังที่ยื่นมาพอสมควร ย่อมส่งผลให้ช่วงสาดใส่ในโค้งแรงๆ จะรู้สึกถึงอาการหน่วงดึงในด้านท้ายอยู่นิดๆ
ส่วนช่วงล่างหนึบจริง เกาะถนนมั่นใจ แต่ความนุ่มนวลก็อาจจะด้วยกว่า “ซีรีย์5” หรือ “ซีรีย์7” ส่วนหนึ่งเพราะล้ออัลลอยด์วงโต ประกบยางรันแฟลตแก้มเตี้ย สะท้านแรงจากพื้นถนนเข้ามาให้รับรู้ ซึ่งจริงๆก็แบบนี้ละครับถ้าเลือกเท่ก็ต้องสูญเสียความสบายด้านอื่นไปบ้าง
ด้านอัตราบริโภคน้ำมันจากการขับในสภาพจราจรหนาแน่นในเมือง ได้ตัวเลขประมาณ7-8 กม./ลิตร แต่ถ้าขับนอกเมืองใช้ความเร็วระดับ 120-130 กม./ชม. มี 11 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขของบีเอ็มดับเบิลยูเอง เคลมเฉลี่ยไว้ 13 กิโลเมตรต่อลิตร
รวบรัดตัดความ...เป็นความสง่างาม พร้อมสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมที่ต้องแลกด้วยเงินเกือบ 10 ล้านบาท (ถ้าไม่ซื้อออปชันเพิ่ม) ซึ่งหากมองคู่แข่งอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 250CDI แม้ไม่แรงเท่า แต่ราคาขายก็อยู่แถวๆ 5 ล้านบาท เมื่อมองประเด็นนี้อาจจะทำใจซื้อ “640i แกรนด์ คูเป้” ลำบาก เว้นว่าคุณจะเป็นสาวกบีเอ็มดับเบิลยูตัวจริงเท่านั้น