ข่าวในประเทศ-ค่ายรถภารตะ “ทาทา” ย้ำตลาดไทยสำคัญทางกลยุทธ์ นายใหญ่คนใหม่บริษัทแม่ “คาร์ล สลิม” บินมายืนยันกับดีลเลอร์ สถาบันการเงิน และผู้ถือหุ้นในไทย หลังเกิดกระแสข่าวขาดสภาพคล่อง พร้อมประกาศเข้ามาดูแลใกล้ชิดนั่งควบตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และเตรียมเปิดตัว “ทาทา นาโน” ในไทย เผยหากทำตัวเลขขายรวมพุ่งทะลุ 20,000 คันต่อปี ลงทุนตั้งโรงงานประกอบรถเองทันที
นายคาร์ล สลิม กรรมการผู้จัดการ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดีย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในการเดินทางเดินทางมาประเทศไทย นอกจากมาดูงานและพบปะกับตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ สถาบันการเงิน และเยี่ยมชมโรงงานแล้ว ยังจะร่วมประชุมกับคณะกรรมบริหารของทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะเป็นประธานบอร์ดด้วย เพื่อชี้แจงแนวทางและกำหนดกลยุทธ์การทำงานต่อไป
“หลังจากรับตำแหน่งในทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดีย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงวางแนวทางการบริหารต่างๆ ยังได้กำหนดกลยุทธ์ของทาทาจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตลาด และผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตลอดจนการคาดการณ์ล่วงหน้าที่แม่นยำ ซึ่งทาทาจะเน้นธุรกิจในตลาดต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะตลาดที่กำลังเติบโตอย่างประเทศไทย อินโดนีเซีย เกาหลี จีน และแอฟริกาใต้ โดยตนได้เข้ามาดูแลและเป็นประธานบอร์ดบริหารในไทยและเกาหลีใต้เอง พร้อมกันนี้ได้แจ้งกับพันธมิตรทุกๆ ฝ่าย ถึงความสำคัญและโอกาสของตลาดไทย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะทำให้ทาทาเติบโตและแข็งแกร่งต่อไปในระยะยาว”
ทั้งนี้เกี่ยวกับเรื่องผลิตภัณฑ์ในไทย ทาทายังคงจะเน้นที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ แต่ต่อไปจะมีรถยนต์นั่งเข้ามาทำตลาดเพิ่ม โดยในช่วงไตรมาสสามของปีนี้จะแนะนำเก๋งขนาดเล็ก “ทาทา นาโน” สู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากได้มีการนำรถจำนวนหนึ่งมาทดลองตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี และไม่มีคู่แข่งในตลาดปัจจุบัน เพราะนาโนมีจุดเด่นมีขนาดเล็กคล่องตัว และประหยัดน้ำมัน ขณะที่ราคายังไม่เปิดเผยได้แต่จะมีความเหมาะสมแน่นอน
นายสลิมเปิดเผยว่า รถรุ่นนาโนจะเป็นการนำเข้าสำเร็จรูป(CBU) จากประเทศอินเดียมาทำตลาด แต่ได้มีการปรับสเปกรถให้เหมาะสมกับตลาดไทยโดยเฉพาะ แต่อนาคตมีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะประกอบรถรุ่นนาโนในไทย หรือในภูมิภาคนี้ แต่ปัจจุบันไทยจะเน้นประกอบปิกอัพทาทา ซีนอนเป็นหลัก โดยว่าจ้างโรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ ในฐานะผู้ถือหุ้น(10%) ดำเนินการประกอบให้
“แน่นอนเมื่อทาทามียอดขายในระดับ 20,000 คัน คงจำเป็นที่ทาทาจะต้องตั้งโรงงานประกอบเอง แต่จุดประสงค์เพื่อการรองรับตลาดนั้นๆ เป็นหลัก และปัจจุบันทาทา มอเตอร์ส ได้ประกาศจับมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจในอินโดนีเซีย ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยทาทาในไทยและอินโดนีเซียจะเป็นการสนับสนุนกันและกัน เพื่อที่จะช่วยให้ทาทาในภูมิภาคนี้มีความแข็งแกร่งขึ้น”
ในส่วนของกระแสข่าวเรื่องปัญหาสภาพคล่อง และคุณภาพรถยนต์ทาทาที่เกิดขึ้นในไทย นายสลิมระบุว่าไม่มีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องแต่อย่างใด อาจจะมีปัญหาที่เกิดกับรถยนต์ทาทาบ้าง แต่ปัจจุบันได้มีการแก้ไขเรียบร้อย ขณะเดียวกันที่ผู้บริหารไทยลาออก เป็นเรื่องของสุขภาพและความต้องการทำงานใหม่ๆ จะไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของทาทาในไทย และพร้อมที่จะเปิดรับบุคลากรทุกเชื้อชาติมาร่วมงานต่อไปในอนาคต โดยมีนายซานเจย์ มิชรา เป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของทาทา มอเตอร์ส ในประเทศไทย แทนนายอาจิต เวนทาคารามัน ที่จะย้ายกลับไปยังประเทศอินเดีย
“การเข้ามาดูแลตลาดด้วยการเป็นประธานกรรมบริหารของทาทา มอเตอร์ส ในประเทศไทย สิ่งนี้น่าจะยืนยันกับดีลเลอร์ สถาบันการเงิน และพันธมิตรได้ดี ถึงความคาดหวังและมุ่งมั่นของทาทาต่อประเทศไทยอย่างไร ในฐานะที่เป็นตลาดสำคัญไม่ใช่เพราะกระแสข่าวปัญหาที่เกิดขึ้น และที่สำคัญไทยจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจทาทาในต่างประเทศ มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้เศรษฐกิจในอินเดียและยุโรปจะชะลอตัวก็ตาม” นายสลิมกล่าว
นายคาร์ล สลิม กรรมการผู้จัดการ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดีย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในการเดินทางเดินทางมาประเทศไทย นอกจากมาดูงานและพบปะกับตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ สถาบันการเงิน และเยี่ยมชมโรงงานแล้ว ยังจะร่วมประชุมกับคณะกรรมบริหารของทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะเป็นประธานบอร์ดด้วย เพื่อชี้แจงแนวทางและกำหนดกลยุทธ์การทำงานต่อไป
“หลังจากรับตำแหน่งในทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดีย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงวางแนวทางการบริหารต่างๆ ยังได้กำหนดกลยุทธ์ของทาทาจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตลาด และผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตลอดจนการคาดการณ์ล่วงหน้าที่แม่นยำ ซึ่งทาทาจะเน้นธุรกิจในตลาดต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะตลาดที่กำลังเติบโตอย่างประเทศไทย อินโดนีเซีย เกาหลี จีน และแอฟริกาใต้ โดยตนได้เข้ามาดูแลและเป็นประธานบอร์ดบริหารในไทยและเกาหลีใต้เอง พร้อมกันนี้ได้แจ้งกับพันธมิตรทุกๆ ฝ่าย ถึงความสำคัญและโอกาสของตลาดไทย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะทำให้ทาทาเติบโตและแข็งแกร่งต่อไปในระยะยาว”
ทั้งนี้เกี่ยวกับเรื่องผลิตภัณฑ์ในไทย ทาทายังคงจะเน้นที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ แต่ต่อไปจะมีรถยนต์นั่งเข้ามาทำตลาดเพิ่ม โดยในช่วงไตรมาสสามของปีนี้จะแนะนำเก๋งขนาดเล็ก “ทาทา นาโน” สู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากได้มีการนำรถจำนวนหนึ่งมาทดลองตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี และไม่มีคู่แข่งในตลาดปัจจุบัน เพราะนาโนมีจุดเด่นมีขนาดเล็กคล่องตัว และประหยัดน้ำมัน ขณะที่ราคายังไม่เปิดเผยได้แต่จะมีความเหมาะสมแน่นอน
นายสลิมเปิดเผยว่า รถรุ่นนาโนจะเป็นการนำเข้าสำเร็จรูป(CBU) จากประเทศอินเดียมาทำตลาด แต่ได้มีการปรับสเปกรถให้เหมาะสมกับตลาดไทยโดยเฉพาะ แต่อนาคตมีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะประกอบรถรุ่นนาโนในไทย หรือในภูมิภาคนี้ แต่ปัจจุบันไทยจะเน้นประกอบปิกอัพทาทา ซีนอนเป็นหลัก โดยว่าจ้างโรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ ในฐานะผู้ถือหุ้น(10%) ดำเนินการประกอบให้
“แน่นอนเมื่อทาทามียอดขายในระดับ 20,000 คัน คงจำเป็นที่ทาทาจะต้องตั้งโรงงานประกอบเอง แต่จุดประสงค์เพื่อการรองรับตลาดนั้นๆ เป็นหลัก และปัจจุบันทาทา มอเตอร์ส ได้ประกาศจับมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจในอินโดนีเซีย ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยทาทาในไทยและอินโดนีเซียจะเป็นการสนับสนุนกันและกัน เพื่อที่จะช่วยให้ทาทาในภูมิภาคนี้มีความแข็งแกร่งขึ้น”
ในส่วนของกระแสข่าวเรื่องปัญหาสภาพคล่อง และคุณภาพรถยนต์ทาทาที่เกิดขึ้นในไทย นายสลิมระบุว่าไม่มีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องแต่อย่างใด อาจจะมีปัญหาที่เกิดกับรถยนต์ทาทาบ้าง แต่ปัจจุบันได้มีการแก้ไขเรียบร้อย ขณะเดียวกันที่ผู้บริหารไทยลาออก เป็นเรื่องของสุขภาพและความต้องการทำงานใหม่ๆ จะไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของทาทาในไทย และพร้อมที่จะเปิดรับบุคลากรทุกเชื้อชาติมาร่วมงานต่อไปในอนาคต โดยมีนายซานเจย์ มิชรา เป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของทาทา มอเตอร์ส ในประเทศไทย แทนนายอาจิต เวนทาคารามัน ที่จะย้ายกลับไปยังประเทศอินเดีย
“การเข้ามาดูแลตลาดด้วยการเป็นประธานกรรมบริหารของทาทา มอเตอร์ส ในประเทศไทย สิ่งนี้น่าจะยืนยันกับดีลเลอร์ สถาบันการเงิน และพันธมิตรได้ดี ถึงความคาดหวังและมุ่งมั่นของทาทาต่อประเทศไทยอย่างไร ในฐานะที่เป็นตลาดสำคัญไม่ใช่เพราะกระแสข่าวปัญหาที่เกิดขึ้น และที่สำคัญไทยจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจทาทาในต่างประเทศ มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้เศรษฐกิจในอินเดียและยุโรปจะชะลอตัวก็ตาม” นายสลิมกล่าว