หลังจากไปลองขับ “บริโอ้ อเมซ” ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สนามแข่งแก่งกระจานเซอร์กิต ซึ่งครานั้นอีโคคาร์รุ่นที่สองของฮอนด้า ยังถูกพรางหน้าปิดตาด้วยสติกเกอร์ 3M ม้วนละ 9 หมื่นบาทรอบคัน พร้อมกับปล่อยข้อมูลทางเทคนิคให้ผู้สื่อข่าวได้รับรู้เพียงเล็กน้อย
….เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ “ฮอนด้า ออโตโมบิล” จัดทริปทดสอบ “บริโอ้ อเมซ” (Brio Amaze) ขับกันขำๆระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร โดยยกขบวนนักข่าวไปลองกันแถวๆอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ก่อนการลองขับ “สมภพ ปฏิภานธาดา” ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด คุยให้ฟังว่า “บริโอ้ อเมซ” สร้างปรากฏการณ์อันน่า“ตื่นเต้น”ให้ฮอนด้า 3 ประการ คือหนึ่งเรื่องของตัวรถที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างวิศวกรชาวไทยกับญี่ปุ่น ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาฮอนด้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศไทย
โดยรวบรวมความต้องการของลูกค้าคนไทยและชาวเอเชีย พร้อมช่วยกันคิดช่วยกันออกแบบ หาจุดลงตัวในการพัฒนาเก๋งเล็กตัวถังซีดานความยาวไม่เกิน 4 เมตร ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย ประหยัดน้ำมัน...และผลก็ออกมาเป็น “บริโอ้ อเมซ” อย่างที่เห็น
ประการที่สอง เหตุจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ส่งผลให้ทุกผู้ทุกฝ่ายในฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย อันหมายรวมถึงคนในโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ประสานใจเร่งวันผลิตจนสามารถเปิดตัวรถได้เร็วกว่ากำหนดเดิมถึง 6 เดือน...และผลก็ได้โกยยอดกันสมใจ
ประการสุดท้าย หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมแบ่งการทำตลาดเป็นสองเกรดคือ S กับ V โดย S เกียร์ธรรมดา ราคา 454,000 บาท เกียร์อัตโนมัติ ราคา 493,000 บาท ส่วนเกรด V เกียร์ธรรมดา 482,000 บาท เกียร์อัตโนมัติราคา521,000 บาท และจนถึงวันนี้“บริโอ้ อเมซ” ได้กระแสตอบรับดีเกินคาด...ผลคือยอดจองทะลุ 10,000 คันไปเรียบร้อย
...นั่นเป็น 3 ปรากฏการณ์ ที่ทำให้ฮอนด้าชื่นมื้นกันทั้งบริษัท ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานหนัก และดูประสานสามัคคีมากขึ้น หลังจากผ่านวิกฤตน้ำท่วมใหญ่มาด้วยกัน
กลับมาในส่วนของตัวรถ “บริโอ้ อเมซ” ถือว่าสร้างปรากฏการณ์ตื่นเต้นให้ผู้เขียนเช่นกัน เพราะทีมวิศวกรฮอนด้าได้พัฒนาและเก็บรายละเอียดดีขึ้นกว่า“บริโอ้ ตัวถังแฮทช์แบ็ก” ในหลายๆจุด
เริ่มจากตัวถังซีดานที่มีความยาว 3,990 มม. หรือยาวกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก 380 มม. ส่วนความกว้าง 1,680 มม. และสูง 1,485มม.เท่ากัน ขณะที่ระยะฐานล้อ 2,405 มม.ยาวกว่าบริโอ้ 60 มม.
การตกแต่งภายในอารมณ์แทบไม่มีต่างจากบริโอ้ แฮทช์แบ็ก แต่จุดเด่นอยู่ตรงพื้นที่ผู้โดยสารด้านหลัง กว้างขวางนั่งสบายกว่าชัดเจน ขณะที่ตัวเบาะนั่งหนาและใหญ่กว่า เสียแต่ว่าพับราบลงมาแบบบริโอ้ แฮทช์แบ็กไม่ได้ ส่วนแผงประตูด้านในทั้ง 4 บานมีวัสดุปิดเรียบไม่เห็นเนื้อสีตัวถัง พร้อมออกแบบให้วางขวดน้ำขนาดใหญ่ได้อีกด้วย (หรือถ้านับที่วางแก้ว-ขวดน้ำรอบคันมีถึง 9 จุด)
นอกจากนี้“บริโอ้ อเมซ” ยังติดไล่ฝ้ากระจกหลังมาให้ ส่วนใบปัดน้ำฝนหลังคงไม่จำเป็น เพราะมีช่วงกระโปรงท้ายกันน้ำกระเด็นเอาไว้ตามโครงสร้างอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามพื้นที่เก็บสัมภาระตรงนี้ยังจุถึง 400 ลิตร และฮอนด้าย้ำว่าสามารถรองรับถุงกอล์ฟได้ 2 ใบ
ด้านสมรรถนะจากเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร i-VTEC SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ต้องยอมรับว่าตอบสนองการขับขี่ดีที่สุดในบรรดาอีโคคาร์ด้วยกันอยู่แล้ว
โดยเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ยกชุดมาจากบริโอ้ แฮทช์แบ็ก ไม่ได้ปรับทั้งเรี่ยวแรงและอัตราทดเกียร์ แม้ตัวท็อปรุ่น V เกียร์อัตโนมัติน้ำหนักตัวจะมากกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก (รุ่นเดียวกัน)อยู่ 15 กิโลกรัม บวกกับรูปทรงที่ยืดยาวกว่า แต่การขับขี่รวมๆยังกระฉับกระเฉงพอสมควร
...จังหวะออกตัวไร้อาการอืดอาด จังหวะเร่งแซงพริ้วหายห่วง อย่างการขับในทริปนี้ใช้ถนนมิตรภาพเป็นหลัก พร้อมเพื่อนร่วมทางเต็มไปด้วยรถบรรทุก พละกำลังช่วงเร่งแซงนั้นมาแบบนุ่มเนียนต่อเนื่อง บดบี้คันเร่งลงไปนิด รถจะไปตัดเปลี่ยนเกียร์แถวๆ 4,000 รอบ เรียกว่าขับได้สบายไม่เครียด
สำหรับรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.6 เมตร มากกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก 10 เซนติเมตร ซึ่งความต่างนี้มีผลน้อยในการใช้งานจริง ส่วนการควบคุมผ่านพวงมาลัยแรคแอนด์พิเนียนผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เบามือในความเร็วต่ำ แต่เมื่อขับความเร็วสูง 120 กม./ชม. ยังนิ่งใช้ได้ ขณะที่การบังคับสั่งงานซ้าย-ขวา อาจมีระยะฟรีนิดๆและไม่แม่นยำเท่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก
โครงสร้างการรองรับหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นคานแข็งทอร์ชันบีม ถ้าฟังจากคำอธิบายของวิศวกรผู้พัฒนาว่า ปรับให้หนึบกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก และใช้สปริงหลังที่แข็งกว่าเพื่อรองรับกับโครงสร้างและน้ำที่เพิ่มขึ้น ซึ่งครั้งแรกที่ได้ลองขับตัว“พรีโปรดักต์ชัน” ที่สนามแก่งกระจานเซอร์กิต ผู้เขียนรู้สึกจริงตามนั้น แต่พอมาขับตัวขายจริงในทริปทดสอบนี้กลับรู้สึกว่า ช่วงล่างนุ่มลงมาเล็กน้อย
ในเรื่องช่วงล่าง วิศวกรคงปรับให้สมดุลกับโครงสร้างใหม่ของรถ แต่ในภาพรวมยังอิงการรองรับที่นุ่มสบายเอาไว้ บวกกับล้ออัลลอยด์ขนาด 14 นิ้ว ประกบยาง 175/65 R14 ความหนึบแน่นก็ทำได้ตามสภาพละครับ
อย่างไรก็ตามการนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง ที่นอกจากจะยืดแข้งขาสบาย ระยะห่างช่วงหัวเหลือๆแล้ว การซับแรงสะเทือนจากพื้นยังทำได้ดี เมื่อรวมกับความรู้สึกว่ามีกระโปรงท้ายอยู่ด้านหลัง ยิ่งให้ความรู้สึกมั่นใจและหลับได้เต็มตากว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก เยอะ
...พูดถึงเรื่องความปลอดภัย ผู้เขียนว่าระบบเบรกของ“บริโอ้ อเมซ” เซ็ทมาหนึบแน่นตอบสนองยอดเยี่ยม ขณะเดียวกัน ฮอนด้าจัดระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า(คนขับ-ผู้โดยสาร) มาเป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย
ปิดท้ายด้วยอัตราบริโภคน้ำมันจากการขับทางตรงบนถนนมิตรภาพ บนความเร็วนิ่งๆ100-120 กม./ชม. และมีช่วงเร่งไปเตะ 140 กม./ชม.บางครั้ง ยังเห็นตัวเลขหน้าจออัจฉริยะแสดงอยู่ 18 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...ด้วยรูปทรงตัวถังซีดาน ออกแบบสัดส่วนลงตัว ภายในเก็บงานละเอียด เรียกว่าดูถูกลูกค้าคนไทยน้อยลง ส่วนพื้นที่สำหรับผู้โดยสารด้านหลังนั่งสบาย ขยับขยายได้จริง ช่วงล่างนุ่มกำลังเหมาะ สมรรถนะของเครื่องยนต์ระบส่งกำลัง ทำได้เนียนที่สุดในบรรดาอีโคคาร์ด้วยกัน....ด้วยราคาขายขนาดนี้พิสูจน์แล้วว่า ฮอนด้าถ้าจะทำรถออกมาให้ดี...ก็ยังทำได้!!!
….เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ “ฮอนด้า ออโตโมบิล” จัดทริปทดสอบ “บริโอ้ อเมซ” (Brio Amaze) ขับกันขำๆระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร โดยยกขบวนนักข่าวไปลองกันแถวๆอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ก่อนการลองขับ “สมภพ ปฏิภานธาดา” ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด คุยให้ฟังว่า “บริโอ้ อเมซ” สร้างปรากฏการณ์อันน่า“ตื่นเต้น”ให้ฮอนด้า 3 ประการ คือหนึ่งเรื่องของตัวรถที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างวิศวกรชาวไทยกับญี่ปุ่น ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาฮอนด้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศไทย
โดยรวบรวมความต้องการของลูกค้าคนไทยและชาวเอเชีย พร้อมช่วยกันคิดช่วยกันออกแบบ หาจุดลงตัวในการพัฒนาเก๋งเล็กตัวถังซีดานความยาวไม่เกิน 4 เมตร ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย ประหยัดน้ำมัน...และผลก็ออกมาเป็น “บริโอ้ อเมซ” อย่างที่เห็น
ประการที่สอง เหตุจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ส่งผลให้ทุกผู้ทุกฝ่ายในฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย อันหมายรวมถึงคนในโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ประสานใจเร่งวันผลิตจนสามารถเปิดตัวรถได้เร็วกว่ากำหนดเดิมถึง 6 เดือน...และผลก็ได้โกยยอดกันสมใจ
ประการสุดท้าย หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมแบ่งการทำตลาดเป็นสองเกรดคือ S กับ V โดย S เกียร์ธรรมดา ราคา 454,000 บาท เกียร์อัตโนมัติ ราคา 493,000 บาท ส่วนเกรด V เกียร์ธรรมดา 482,000 บาท เกียร์อัตโนมัติราคา521,000 บาท และจนถึงวันนี้“บริโอ้ อเมซ” ได้กระแสตอบรับดีเกินคาด...ผลคือยอดจองทะลุ 10,000 คันไปเรียบร้อย
...นั่นเป็น 3 ปรากฏการณ์ ที่ทำให้ฮอนด้าชื่นมื้นกันทั้งบริษัท ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานหนัก และดูประสานสามัคคีมากขึ้น หลังจากผ่านวิกฤตน้ำท่วมใหญ่มาด้วยกัน
กลับมาในส่วนของตัวรถ “บริโอ้ อเมซ” ถือว่าสร้างปรากฏการณ์ตื่นเต้นให้ผู้เขียนเช่นกัน เพราะทีมวิศวกรฮอนด้าได้พัฒนาและเก็บรายละเอียดดีขึ้นกว่า“บริโอ้ ตัวถังแฮทช์แบ็ก” ในหลายๆจุด
เริ่มจากตัวถังซีดานที่มีความยาว 3,990 มม. หรือยาวกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก 380 มม. ส่วนความกว้าง 1,680 มม. และสูง 1,485มม.เท่ากัน ขณะที่ระยะฐานล้อ 2,405 มม.ยาวกว่าบริโอ้ 60 มม.
การตกแต่งภายในอารมณ์แทบไม่มีต่างจากบริโอ้ แฮทช์แบ็ก แต่จุดเด่นอยู่ตรงพื้นที่ผู้โดยสารด้านหลัง กว้างขวางนั่งสบายกว่าชัดเจน ขณะที่ตัวเบาะนั่งหนาและใหญ่กว่า เสียแต่ว่าพับราบลงมาแบบบริโอ้ แฮทช์แบ็กไม่ได้ ส่วนแผงประตูด้านในทั้ง 4 บานมีวัสดุปิดเรียบไม่เห็นเนื้อสีตัวถัง พร้อมออกแบบให้วางขวดน้ำขนาดใหญ่ได้อีกด้วย (หรือถ้านับที่วางแก้ว-ขวดน้ำรอบคันมีถึง 9 จุด)
นอกจากนี้“บริโอ้ อเมซ” ยังติดไล่ฝ้ากระจกหลังมาให้ ส่วนใบปัดน้ำฝนหลังคงไม่จำเป็น เพราะมีช่วงกระโปรงท้ายกันน้ำกระเด็นเอาไว้ตามโครงสร้างอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามพื้นที่เก็บสัมภาระตรงนี้ยังจุถึง 400 ลิตร และฮอนด้าย้ำว่าสามารถรองรับถุงกอล์ฟได้ 2 ใบ
ด้านสมรรถนะจากเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร i-VTEC SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ต้องยอมรับว่าตอบสนองการขับขี่ดีที่สุดในบรรดาอีโคคาร์ด้วยกันอยู่แล้ว
โดยเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ยกชุดมาจากบริโอ้ แฮทช์แบ็ก ไม่ได้ปรับทั้งเรี่ยวแรงและอัตราทดเกียร์ แม้ตัวท็อปรุ่น V เกียร์อัตโนมัติน้ำหนักตัวจะมากกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก (รุ่นเดียวกัน)อยู่ 15 กิโลกรัม บวกกับรูปทรงที่ยืดยาวกว่า แต่การขับขี่รวมๆยังกระฉับกระเฉงพอสมควร
...จังหวะออกตัวไร้อาการอืดอาด จังหวะเร่งแซงพริ้วหายห่วง อย่างการขับในทริปนี้ใช้ถนนมิตรภาพเป็นหลัก พร้อมเพื่อนร่วมทางเต็มไปด้วยรถบรรทุก พละกำลังช่วงเร่งแซงนั้นมาแบบนุ่มเนียนต่อเนื่อง บดบี้คันเร่งลงไปนิด รถจะไปตัดเปลี่ยนเกียร์แถวๆ 4,000 รอบ เรียกว่าขับได้สบายไม่เครียด
สำหรับรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.6 เมตร มากกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก 10 เซนติเมตร ซึ่งความต่างนี้มีผลน้อยในการใช้งานจริง ส่วนการควบคุมผ่านพวงมาลัยแรคแอนด์พิเนียนผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เบามือในความเร็วต่ำ แต่เมื่อขับความเร็วสูง 120 กม./ชม. ยังนิ่งใช้ได้ ขณะที่การบังคับสั่งงานซ้าย-ขวา อาจมีระยะฟรีนิดๆและไม่แม่นยำเท่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก
โครงสร้างการรองรับหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นคานแข็งทอร์ชันบีม ถ้าฟังจากคำอธิบายของวิศวกรผู้พัฒนาว่า ปรับให้หนึบกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก และใช้สปริงหลังที่แข็งกว่าเพื่อรองรับกับโครงสร้างและน้ำที่เพิ่มขึ้น ซึ่งครั้งแรกที่ได้ลองขับตัว“พรีโปรดักต์ชัน” ที่สนามแก่งกระจานเซอร์กิต ผู้เขียนรู้สึกจริงตามนั้น แต่พอมาขับตัวขายจริงในทริปทดสอบนี้กลับรู้สึกว่า ช่วงล่างนุ่มลงมาเล็กน้อย
ในเรื่องช่วงล่าง วิศวกรคงปรับให้สมดุลกับโครงสร้างใหม่ของรถ แต่ในภาพรวมยังอิงการรองรับที่นุ่มสบายเอาไว้ บวกกับล้ออัลลอยด์ขนาด 14 นิ้ว ประกบยาง 175/65 R14 ความหนึบแน่นก็ทำได้ตามสภาพละครับ
อย่างไรก็ตามการนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง ที่นอกจากจะยืดแข้งขาสบาย ระยะห่างช่วงหัวเหลือๆแล้ว การซับแรงสะเทือนจากพื้นยังทำได้ดี เมื่อรวมกับความรู้สึกว่ามีกระโปรงท้ายอยู่ด้านหลัง ยิ่งให้ความรู้สึกมั่นใจและหลับได้เต็มตากว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก เยอะ
...พูดถึงเรื่องความปลอดภัย ผู้เขียนว่าระบบเบรกของ“บริโอ้ อเมซ” เซ็ทมาหนึบแน่นตอบสนองยอดเยี่ยม ขณะเดียวกัน ฮอนด้าจัดระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า(คนขับ-ผู้โดยสาร) มาเป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย
ปิดท้ายด้วยอัตราบริโภคน้ำมันจากการขับทางตรงบนถนนมิตรภาพ บนความเร็วนิ่งๆ100-120 กม./ชม. และมีช่วงเร่งไปเตะ 140 กม./ชม.บางครั้ง ยังเห็นตัวเลขหน้าจออัจฉริยะแสดงอยู่ 18 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...ด้วยรูปทรงตัวถังซีดาน ออกแบบสัดส่วนลงตัว ภายในเก็บงานละเอียด เรียกว่าดูถูกลูกค้าคนไทยน้อยลง ส่วนพื้นที่สำหรับผู้โดยสารด้านหลังนั่งสบาย ขยับขยายได้จริง ช่วงล่างนุ่มกำลังเหมาะ สมรรถนะของเครื่องยนต์ระบส่งกำลัง ทำได้เนียนที่สุดในบรรดาอีโคคาร์ด้วยกัน....ด้วยราคาขายขนาดนี้พิสูจน์แล้วว่า ฮอนด้าถ้าจะทำรถออกมาให้ดี...ก็ยังทำได้!!!