ได้กระแสตอบรับดีเกินคาดสำหรับ “สวิฟท์ เวอร์ชันอีโคคาร์” หลังการเปิดตัวช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถึงวันนี้ทยอยส่งมอบไปกว่า 10,000 คันแล้ว แน่นอนว่ายังมียอดค้างส่งมอบอีกเป็นจำนวนมาก หรือถ้าใครเดินเหม่อๆเข้าโชว์รูมหวังจองวันนี้ กลางปีหน้าจะได้รับรถหรือเปล่าก็ไม่รู้
ซูซูกิเริ่มขายสวิฟท์รุ่นเกียร์อัตโนมัติก่อนนะครับ ขณะที่รุ่นเกียร์ธรรมดาเพิ่งพร้อมทำตลาดปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และแม้จะไม่ได้เป็นตัวขายหลัก เพราะเห็นว่าจากเป้าขายรวม17,000 คันต่อปี ในจำนวนนี้จะเป็นของรุ่นเกียร์ธรรมดาเพียง 15%หรือประมาณ 2,550 คันเท่านั้น
สำหรับสวิฟท์รุ่นเกียร์ธรรมดาจะแบ่งเป็น 2 เกรดคือ GA ราคา 4.29 แสนบาท และGL 4.67 แสนบาท ในส่วนของเกรดGLที่ผู้เขียนได้ลองขับถือว่าจัดออปชันมาสมน้ำสมเหนือครับ มีทั้งระบบKeyless Entry & Push Start เข้าห้องโดยสาร-สตาร์ทเครื่องโดยไม่ต้องใช้กุญแจ ชุดเครื่องเสียงรองรับแผ่น ซีดี เอ็มพี3 และช่องต่อยูเอสบี พร้อมลำโพง 4 ตัว (ในเกรด GA ไม่มีชุดเครื่องเสียง) มาตรวัดอัจฉริยะแสดงอัตราบริโภคน้ำมัน กระจกมองข้างปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า ตลอดจนล้อกระทะขนาด 15 นิ้วแถมฝาครอบ พร้อมยางอะไหล่ (ในรุ่นท็อป GLX เกียร์อัตโนมัติเป็นขอบ 16 นิ้ว และไม่มียางอะไหล่)
ด้านความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับมาให้ 1 ลูก และน่าเสียดายที่ไม่มีทั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ซึ่งสองออปชันที่ว่านี้ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติจัดให้เป็นมาตรฐานและยังมีระบบเสริมแรงเบรก BA อีกด้วย
ที่ผ่านมาความโดดเด่นของสวิฟท์อยู่ที่รูปลักษณ์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ขนาดตัวถังสูสีกับมาร์ช(ทั้งคู่เป็นซับคอมแพกต์)ด้วยมิติตัวถังยาว 3,850 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,510 มม. ระยะฐานล้อ 2,430 มม. ซึ่งใหญ่กว่าคู่แข่งทั้งบริโอ้และมิราจ(ทั้งคู่เป็นรถเล็กราคาประหยัดที่พัฒนาใหม่) รวมถึงวัสดุ-อุปกรณ์การตกแต่งภายในงานดีมีระดับ โดยเห็นชัดในรุ่นท็อป GLXที่ใส่ออปชันมาแบบเต็มเหนี่ยว
เมื่อมาถึงรุ่นเกียร์ธรรมดา เกรด GL แม้จะถูกลดทอนความหรูไปพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นแอร์อัตโนมัติที่เคยเห็นก็เปลี่ยนไปเป็นมือหมุน พวงมาลัยหุ้มหนังก็กลายเป็นยูรีเทนดิบๆและไร้ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง แต่กระนั้นอารมณ์การตกแต่งภายในรวมๆถือว่าสมค่าราคาและไม่กระจอกน่าเกลียดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในราคาใกล้เคียงกัน
...ดูออปชันรวมๆแล้วพอรับได้ครับ แต่จะเสียตรงระบบความปลอดภัยนี่ละ ซึ่งผู้เขียนว่าค่ายผู้ผลิตรถยนต์น่าจะให้ เบรก ABS และ EBD มาเป็นมาตรฐานทุกรุ่นได้แล้ว(ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ)
การเข้าออกภายในห้องโดยสารยังสะดวดคล่องแคล่ว เมื่อนั่งตำแหน่งผู้ขับทัศนวิสัยด้านหน้าและด้านข้างยอดเยี่ยม ขณะที่คันเกียร์สั้นๆดูสปอร์ตและวางระยะไว้พอดีมือ
ด้านสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12B ขนาด 1242 ซีซี 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบ VVT วาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดี-ไอเสีย ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ผู้เขียนว่าขับสนุกกว่ารุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT เยอะ
การโยกเปลี่ยนเกียร์ทำได้กระชับ สอดคล้องกับจังหวะจับของคลัตช์ส่งกำลังได้ชับไว อัตราเร่งมาดีที่สำคัญน้ำหนักแป้นคลัตช์ที่ไม่นุ่มหรือหนักจนเกินไป ช่วยให้การขับคล่องแคล่วและทำความคุ้นเคยได้เร็ว
ทั้งนี้เมื่อรอบเครื่องยนต์อยู่แถวๆ 3,000-4,000 สวิฟท์เกียร์ธรรมดาเป็นรถขับสนุกครับ แอบมีการกระชากให้ได้ลุ้นตลอดหรือการขับแช่ไว้ที่เกียร์ 4 จังหวะส่ง-ช่วงเร่ง รถยิ่งดูกระชับกระเฉง แต่กระนั้นถ้าความความเร็วสูงบนเกียร์ 5 พละกำลังที่ปล่อยออกมาอาจจะมีตื้อๆนิดๆ
ผู้เขียนสังเกตว่า สวิฟท์เกียร์ธรรมดารอบเครื่องยนต์อยู่ในระดับค่อนข้างสูง หรือถ้าอยู่ตำแหน่งเกียร์สูงสุดบนความเร็ว 120 กม./ชม.รอบพุ่งไป 3,200 ซึ่งต่างจากรุ่นเกียร์อัตโนมัติที่ความเร็วเดียวกัน เกียร์สูงสุดรอบเครื่องอยู่เพียง 2,500 เท่านั้น
ประเด็นนี้ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าจะมีผลกับอัตราบริโภคน้ำมันขนาดไหน เพราะถ้าขับทางไกลต่างจังหวัดรถรอบสูงขนาดนี้ก็มีโอกาสซดสูง เพียงแต่ว่าจากการลองขับครั้งนี้วิ่งความเร็ว 120 กม./ชม.เป็นหลัก หน้าจอแสดงผลยังแจ้งตัวเลขไว้สวยงามประมาณ 16-17 กม./ลิตรครับ
ขณะที่การควบคุมผ่านพวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียนผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อาจจะเบามือไปนิด แต่สั่งงานซ้าย-ขวาแม่นยำ ช่วยเสริมบุคลิกความสปอร์ตให้สวิฟท์ได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของการทรงตัว สวิฟท์ เกียร์ธรรมดายังมาดีตามพิมพ์นิยม ด้วยโครงสร้างช่วงล่างด้านหน้าแบบแมกเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง หลังเป็นคานทอร์ชันบีม คอยล์สปริง รองรับการขับขี่หนึบแน่นลงตัว ย่านความเร็วสูงรับรู้ถึงความนิ่ง ซึ่งประเด็นนี้ผู้เขียนยังยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในรถอีโคคาร์เหมือนเดิม
รวบรัดตัดความ...รุ่นเกียร์ธรรมดาจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก พร้อมให้ขับขี่ได้สนุกเร้าใจกว่ารุ่นเกียร์อัตโนมัติ ขณะที่การควบคุมและช่วงล่างยังเป็นจุดเด่น เช่นเดียวกับการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ซึ่งในแง่ตัวรถ “สวิฟท์” มีดีสู้กับคู่แข่งทุกเจ้าในตลาดได้สบาย
