ช่วงนี้ใครกำลังมองหารถยนต์นั่งขนาดเล็กมาใช้สักคัน คงเลือกยากลำบากตัดสินใจ นั่นเพราะเดิมเราอาจมีทางเลือกจำกัดอยู่แค่กลุ่ม“ซับคอมแพกต์” หรือพวก “บี-เซกเมนต์” เท่านั้น แต่เมื่อรถตระกูลอีโคคาร์ทยอยเปิดตัวเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ ย่อมส่งผลให้ตลาดมีความหลากหลายพร้อมสร้างสีสันและความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับอีโคคาร์ถือเป็นกระแสใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม ด้วยรูปโฉมโดดเด่น วางเครื่องยนต์ขนาดกะทัดรัด ขับขี่คล่องตัว กินน้ำมันน้อย แถมราคาน่าคบหา ล่าสุดตลาดเมืองไทยได้รถนามสกุลอีโคคาร์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่นนั่นคือ “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่”
หลังจากเจ้าพ่อเก๋งเล็กแดนปลาดิบตัดสินใจลุยตลาดเมืองไทยเต็มตัว ด้วยการลงทุนสร้างโรงงานเฟสแรกมูลค่า7,500 ล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช จังหวัดระยอง พร้อมเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายการขายให้เข้มแข็ง บวกกับโปรดักต์คุณภาพอย่าง “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” ที่จะเข้ามาสร้างความประทับใจให้คนไทยนับจากนี้ไป
โดยโครงสร้างตัวถังแบบแฮทซ์แบ็กยาว 3,850 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,510 มม. ระยะฐานล้อ 2,430 มม. ซึ่งเป็นมิติที่ยาวและกว้างกว่าเดิม ทำให้ดูไม่ใช่รถเล็กเหมือนอีโคคาร์คันอื่นๆ ขณะที่การออกแบบคงความเป็นเอกลักษณ์ทำให้รู้ว่าเป็น “ซูซูกิ สวิฟท์” ตั้งแต่แรกเห็น โฉบเฉี่ยวบาดตาตั้งแต่กระจังหน้า กันชนหน้า ไฟหน้าแนวตั้งขนาดใหญ่ ส่วนไฟท้ายที่มีความโค้งมนมากขึ้น
ภายในของ “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” ยังกว้างขวางสามารถเทียบเท่ารถประเภท“ซับคอมแพกต์” จึงให้ความสะดวกสบายถึงแม้จะขับขี่เป็นระยะเวลานาน พร้อมการตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยการใช้โทนสีดำตัดกับทริมอะลูมิเนียม ทั้งในส่วนของพวงมาลัย หัวเกียร์ แผงแดชบอร์ดหน้า คอนโซลกลาง ดูแล้วสวยงามลงตัว ที่สำคัญยังรองรับการใช้งานหลากหลายและให้ความสะดวกสบาย ด้วยระบบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ เครื่องเสียงเล่นCD MP3 หนึ่งแผ่น พร้อมช่องต่อ USB และมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
ตลอดจน Keyless Entry และ Keyless push start ระบบที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถขึ้นรถ และกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ได้เพียงแค่มีกุญแจรีโมทติดตัว ขณะเดียวกันยังเพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะนั่งผู้โดยสารแถวหลัง สามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้เป็นอย่างดี
ด้านสมรรถนะการขับขี่ “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” พกเครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12B ขนาด 1242 ซีซี 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบ VVT วาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดี-ไอเสีย ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โดยผ่านมาตรฐานไอเสียของรถยนต์อีโคคาร์ และมีอัตราบริโภคน้ำมันระดับ 20 กม./ลิตร
ในส่วนช่วงล่างหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริง หลังเป็นทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง รองรับโครงสร้างฐานล้อที่กว้างจึงให้การเกาะถนนดี เมื่อขับทางตรงความเร็วสูงและเข้าโค้ง ไม่รู้สึกสั่นสะเทือนหรือโคลงตัวเหมือนรถเล็กคันอื่นๆ
นอกจากนี้ยังพิถีพิถันเรื่องการประกอบและการเชื่อมต่อจุดยึดต่างๆ โดยเฉพาะวัสดุบุขอบประตู 2 ชั้นแบบใหม่ ที่จะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก และให้ความเงียบ-นิ่งภายในห้องโดยสาร
ด้านระบบความปลอดภัยนับเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่ โดย“ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” จัดออปชันมาตรฐานอย่าง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเบรก BA และถุงลมนิรภัย SRS พร้อมคานกันกระแทกด้านข้าง และโครงสร้างรถที่ถูกออกแบบให้ช่วยกระจายแรงกระแทกหลังเกิดอุบัติเหตุ
…ทั้งหมดเป็นความภูมิใจที่ “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” เตรียมนำเสนอให้ลูกค้าชาวไทย ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ตรอบคัน สมรรถนะการขับขี่เร้าใจ อัตราบริโภคน้ำมันแบบ “จิบ จิบ” พร้อมกับราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย
โดยรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT เกรด GA ราคา 469,000 บาท GL 507,000 บาท และรุ่นท็อป GLX 559,000 บาท
พื้นที่ข่าวประชาสัมพันธ์
สำหรับอีโคคาร์ถือเป็นกระแสใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม ด้วยรูปโฉมโดดเด่น วางเครื่องยนต์ขนาดกะทัดรัด ขับขี่คล่องตัว กินน้ำมันน้อย แถมราคาน่าคบหา ล่าสุดตลาดเมืองไทยได้รถนามสกุลอีโคคาร์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่นนั่นคือ “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่”
หลังจากเจ้าพ่อเก๋งเล็กแดนปลาดิบตัดสินใจลุยตลาดเมืองไทยเต็มตัว ด้วยการลงทุนสร้างโรงงานเฟสแรกมูลค่า7,500 ล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช จังหวัดระยอง พร้อมเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายการขายให้เข้มแข็ง บวกกับโปรดักต์คุณภาพอย่าง “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” ที่จะเข้ามาสร้างความประทับใจให้คนไทยนับจากนี้ไป
โดยโครงสร้างตัวถังแบบแฮทซ์แบ็กยาว 3,850 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,510 มม. ระยะฐานล้อ 2,430 มม. ซึ่งเป็นมิติที่ยาวและกว้างกว่าเดิม ทำให้ดูไม่ใช่รถเล็กเหมือนอีโคคาร์คันอื่นๆ ขณะที่การออกแบบคงความเป็นเอกลักษณ์ทำให้รู้ว่าเป็น “ซูซูกิ สวิฟท์” ตั้งแต่แรกเห็น โฉบเฉี่ยวบาดตาตั้งแต่กระจังหน้า กันชนหน้า ไฟหน้าแนวตั้งขนาดใหญ่ ส่วนไฟท้ายที่มีความโค้งมนมากขึ้น
ภายในของ “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” ยังกว้างขวางสามารถเทียบเท่ารถประเภท“ซับคอมแพกต์” จึงให้ความสะดวกสบายถึงแม้จะขับขี่เป็นระยะเวลานาน พร้อมการตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยการใช้โทนสีดำตัดกับทริมอะลูมิเนียม ทั้งในส่วนของพวงมาลัย หัวเกียร์ แผงแดชบอร์ดหน้า คอนโซลกลาง ดูแล้วสวยงามลงตัว ที่สำคัญยังรองรับการใช้งานหลากหลายและให้ความสะดวกสบาย ด้วยระบบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ เครื่องเสียงเล่นCD MP3 หนึ่งแผ่น พร้อมช่องต่อ USB และมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
ตลอดจน Keyless Entry และ Keyless push start ระบบที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถขึ้นรถ และกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ได้เพียงแค่มีกุญแจรีโมทติดตัว ขณะเดียวกันยังเพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะนั่งผู้โดยสารแถวหลัง สามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้เป็นอย่างดี
ด้านสมรรถนะการขับขี่ “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” พกเครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12B ขนาด 1242 ซีซี 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบ VVT วาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดี-ไอเสีย ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โดยผ่านมาตรฐานไอเสียของรถยนต์อีโคคาร์ และมีอัตราบริโภคน้ำมันระดับ 20 กม./ลิตร
ในส่วนช่วงล่างหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริง หลังเป็นทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง รองรับโครงสร้างฐานล้อที่กว้างจึงให้การเกาะถนนดี เมื่อขับทางตรงความเร็วสูงและเข้าโค้ง ไม่รู้สึกสั่นสะเทือนหรือโคลงตัวเหมือนรถเล็กคันอื่นๆ
นอกจากนี้ยังพิถีพิถันเรื่องการประกอบและการเชื่อมต่อจุดยึดต่างๆ โดยเฉพาะวัสดุบุขอบประตู 2 ชั้นแบบใหม่ ที่จะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก และให้ความเงียบ-นิ่งภายในห้องโดยสาร
ด้านระบบความปลอดภัยนับเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่ โดย“ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” จัดออปชันมาตรฐานอย่าง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเบรก BA และถุงลมนิรภัย SRS พร้อมคานกันกระแทกด้านข้าง และโครงสร้างรถที่ถูกออกแบบให้ช่วยกระจายแรงกระแทกหลังเกิดอุบัติเหตุ
…ทั้งหมดเป็นความภูมิใจที่ “ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่” เตรียมนำเสนอให้ลูกค้าชาวไทย ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ตรอบคัน สมรรถนะการขับขี่เร้าใจ อัตราบริโภคน้ำมันแบบ “จิบ จิบ” พร้อมกับราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย
โดยรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT เกรด GA ราคา 469,000 บาท GL 507,000 บาท และรุ่นท็อป GLX 559,000 บาท
พื้นที่ข่าวประชาสัมพันธ์