เพิ่งขายมาได้แค่ปีเศษๆ สำหรับ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นปัจจุบัน ซึ่งมีรหัสเรียกขานว่า FB ก็ต้องถูกปรับทัพเพื่อกระตุ้นยอดขายกันแล้ว เมื่อทางฮอนด้าในอเมริกาเหนือจัดการเผยโฉมเวอร์ชันปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ของ FB ออกมาแล้ว และถือว่าเป็นการเปลี่ยนครั้งใหญ่เลยทีเดียวก็ว่าได้ ไม่ใช่แค่การปรับนิดโน่นหน่อย เพื่อเรียกความสนใจกระตุ้นตลาดคอมแพกต์คาร์
ซีวิคใหม่ ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 9 ของสายพันธุ์คอมแพกต์ชื่อดังจากค่ายฮอนด้า ถูกเปิดตัวในตลาดสหรัฐอเมริกาครั้งแรกเมื่อต้นปี 2011 และถือเป็นครั้งแรกที่ฮอนด้าไม่ส่งซีวิคออกมาขายในตลาดญี่ปุ่นเหมือนกับที่ผ่านมา โดยในสหรัฐอเมริกาเปิดตัวรุ่นซีดาน 4 ประตู และคูเป้ ขณะที่ยุโรป ซึ่งแยกการพัฒนาออกไปต่างหากนั้น มากับตัวถังแฮทช์แบ็กเช่นเดิม ส่วนบ้านเราเพิ่งจะเริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการหลังจากงานบางกอก มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
หลังจากที่ซีวิครุ่นใหม่นี้เปิดตัวออกมา มีข่าวหลายกระแสเกี่ยวกับเรื่องของยอดขายที่ไม่พุ่งอย่างที่คิด โดยทั้งหมดโทษไปที่งานออกแบบซึ่งไม่ ‘โดน’ ใจนักขับ ส่งผลให้ซีวิคไม่ฮ็อตเหมือนกับตอนที่ FA/FD เปิดตัวออกมา และดูเหมือนว่าข่าวนี้จะค่อนข้างจริง เพราะหลังจากที่ทำตลาดมาได้แค่ปีนิดๆ ฮอนด้าก็จัดการปรับโฉมเพื่อเป็นโมเดลปี 2013 ในการทำตลาดสหรัฐอเมริกา
ตรงนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนนิดนี่หน่อย แต่เป็นการตั้งใจที่จะปรับโฉมเพื่อให้เกิดผลกระทบในเชิงยอดขายกันเลยทีเดียว เพราะว่าสิ่งที่ถูกเปลี่ยนมีหลายจุดตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง เริ่มตั้งแต่กันชนหน้าใหม่ที่มีความสปอร์ตมากขึ้น และออกแบบให้รับกับกระจังหน้าทรงใหม่ ส่วนด้านท้ายมาพร้อมกับไฟท้ายลายใหม่ ออกแบบให้ไฟเลี้ยวเป็นแบบเลนส์ขาวและวางตัวในแนวยาวอยู่ทางขอบล่างของชุดไฟ และหันมาใช้ไฟท้ายแบบ 2 ส่วนเหมือนกับเวอร์ชันที่ขายในเมืองไทย และกันชนท้ายก็มีการออกแบบใหม่ เน้นความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น
เรียกว่าเพิ่มความสดใหม่ และยกระดับความสปอร์ตได้ดีขึ้นจากเวอร์ชันดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของห้องโดยสารไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ซีวิครุ่นปรับโฉมยังมาพร้อมกับชุดแผงมาตรวัดและแผงหน้าปัดแบบเดิม เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ซึ่งมีให้เลือกกับเบนซิน 4 สูบ 1800 ซีซี 140 แรงม้าในรุ่นพื้นฐาน ตามด้วยตัวแรงในรหัส Si ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 4 สูบแบบ i-VTEC ตระกูล K24 ที่มีความจุในระดับ 2400 ซีซี 201 แรงม้า ส่วนรุ่นก๊าซธรรมชาติ หรือ GX ใช้พื้นฐานเดียวกับรุ่นเบนซินแต่กำลังลดลงมาอยู่ที่ 110 แรงม้า ส่วนรุ่นไฮบริดใช้เครื่องยนต์ IMA ที่มีขุมพลัง 1500 ซีซี ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ผลิตกำลังขับเคลื่อนออกมาได้ 110 แรงม้า
ในด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยมีจัดมาให้ครบครันนอกจากโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ Advanced Compatibility Engineering II แล้ว ก็ยังมีถุงลมนิรภัยด้านข้างแบบ Smart Vent ม่านถุงลมนิรภัย พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการพลิกคว่ำ และระบบหลีกเลี่ยงการชนทางด้านหน้า หรือ Forward Collision Warning (FCW) และระบบแจ้งเตือนเมื่อตัวรถมีการออกนอกช่องทางขณะแล่น หรือ Lane Departure Warning (LDW)
การทำตลาดในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มขึ้นต้นปีหน้า โดยสตาร์ทราคากันที่ 18,165 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 545,000 บาท
