หลังจากบรรดาบิ๊กเนมในตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ หรือซี-คาร์ ทยอยปั่นกระแสและปล่อยของสู่ตลาด ตลอดช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา และล่าสุด “นิสสัน ซิลฟี” ที่ถูกจับตามองอีกรุ่น ได้เปิดตัวเป็นทางการแล้ว ซึ่งค่อนข้างจะเปิดหน้าเปิดตากันครบตามแผนในปีนี้ทุกค่าย แม้จะยังเหลือตัวแฮทช์แบ็ก หรือ “นิสสัน ทีด้า” โฉมใหม่อีกรุ่น รวมถึงค่ายเล็กๆ และมีแต่งหน้าทาปาก หรือปรับเครื่องยนต์ของอีกบางรุ่น แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลให้ข้อมูลเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้นัก ดังนั้น “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จึงถือโอกาสสำรวจสเปกเก๋งใหม่รุ่นซิลฟี เทียบฟอร์มกับคู่แข่งหลักๆ ในตลาด(ประกอบในไทย) เพื่อมาดูว่าใครมีดีเด่นต่างกันอย่างไร?!...
แน่นอนคงต้องเริ่มกันที่น้องใหม่ “นิสสัน ซิลฟี”(Nissan Sylphy) ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ของนิสสัน ที่มาทำตลาดแทน “นิสสัน ทีด้า ลาติโอ” ในตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ซีดาน หรือรุ่น 4 ประตู โดยในเรื่องรูปลักษณ์ของรุ่นซิลฟี จากคำบอกกล่าวของ “คินอิจิ ไซโต หัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ ระบุว่าต้องการให้รถยนต์รุ่นนี้เป็นรถคุณภาพสูง ดูหรูหราโดยธรรมชาติ สิ่งสำคัญคือ ส่วนหน้ารถโดยเฉพาะไฟหน้า เป็นครั้งแรกที่นิสสันใช้หลอดไฟ LED เพราะต้องการให้เกิดการสื่อสารผ่านไฟหน้า ที่เปรียบเสมือนดวงตา และหากมองจากด้านข้าง จะสังเกตส่วนที่นูนออกจากกันชนด้านหน้า และยาวต่อเนื่องไปยังด้านข้างและไฟท้าย ที่ต้องการสื่อความรู้สึกความพลิ้วไหวของลายเส้นดังกล่าว”
นั่นเป็นแนวคิดการออกแบบ นิสสัน ซิลฟี ใหม่ ส่วนท่านผู้อ่านจะเห็นด้วยหรือไม่? และเทียบกับคู่แข่งแล้ว แตกต่างหรือเด่นกว่า และชอบแบบไหนมากกว่ากัน เรื่องนี้คงต้องตัดสินใจเอาเอง เพราะถือเป็นรสนิยมของแต่ละบุคคล
แต่ก็พอสรุปได้ว่าหากชอบแนวเรียบหรูใช่เลย ขณะที่ใครชอบแนวสปอร์ต คงต้องหันไปมองยี่ห้ออื่นๆ แล้วล่ะ และเมื่อฟังกลุ่มเป้าหมายที่นิสสันเล็งไว้ เป็นกลุ่มคนวัยทำงานและประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง คงพอจะมองภาพออกกันแล้ว
ส่วนความต่างในเรื่องของตัวเลขหรืออุปกรณ์ อันนี้พอเทียบให้เห็นชัดๆ ได้หน่อย ว่ากันตั้งแต่มิติตัวถังเลย ซึ่งในเมื่อซิลฟีมาแนวหรูตัวถังจึงค่อนข้างใหญ่ทีเดียว จะเห็นว่ามีความยาวทั้งคันมากที่สุดในเซกเม้นท์ 4,615 มม. โดยที่ใกล้เคียงเป็น เชฟโรเลต ครูซ (4,600) เช่นเดียวกันยังมีฐานล้อยาวสุด 2,700 มม. และหากดูความกว้าง 1,760 มม. เท่ากับโตโยต้า อัลติส และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ โดยเป็นรองเพียง ฟอร์ด โฟกัส(1,823) และรุ่นครูซ(1,790) ขณะที่ความสูง 1,495 มม. ถือว่าสูงสุดในกลุ่มเช่นกัน จึงเป็นรถที่มีพื้นที่ให้เหยียดแข้งขา โปร่งโล่งสบาย และเข้าออกง่าย(ช่วงห้องโดยสารหลังอาจจะลาดลงมาพอสมควร) นับว่าโดดเด่นกว่าใครทีเดียว
เห็นใหญ่ๆ อย่างนี้ และเมื่อบวกกับอุปกรณ์อื่นๆ อีก นิสสัน ซิลฟี กลับมีน้ำหนัก 1,188 - 1,255 กก.(แล้วแต่รุ่น) เทียบกับคู่แข่งในเซกเม้นท์ถือว่าเบาสุด นั่นย่อมต้องมีส่วนต่ออัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันบ้าง โดยเมื่อมองภายนอกรอบคัน ล้ออัลลอยติดรถมาให้ 16 นิ้ว ประกบกับยางแก้มหนา 195/60R16 ออกแนวเรียบหรูตามสไตล์ เป็นมาตรฐานเดียวกันหมดทุกรุ่น เหมือนกับฟอร์ด โฟกัส แต่ยางจะขนาด 205/60R16 ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ที่จะติดมาตั้งแต่ 15-16-17-18 แล้วแต่ยี่ห้อจะมี 2 หรือ 3 ขนาด และยาง 195-205-215 พร้อมกับไล่จากแก้มหนาไปจนแบบสปอร์ตในรุ่นท็อป
ในส่วนของไฟหน้าและท้ายที่เป็นอีกจุดขายของ นิสสัน ซิลฟี่ ซึ่งใส่ไฟ LED มาให้รอบคันและภายในรวม 54 ดวง นับว่าช่วยให้โดดเด่นกว่าคู่แข่งจริง แม้ไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจน ไม่ใช่โปรเจ็กเตอร์เหมือนกับ ฮอนด้า ซีวิค แต่ก็ไม่แตกต่างจากคู่แข่ง ในกลุ่มเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตรรายอื่นๆ มากนัก
มาสำรวจกันภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งในรุ่นล่างๆ จะเป็นผ้า ยกเว้นตัวท็อปของรุ่น 1.6 ลิตร และทุกรุ่นย่อยของ 1.8 ลิตร จะเป็นหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ คล้ายๆ กันกับคู่แข่ง แต่อาจจะเด่นกว่า มาสด้า 3, ฟอร์ด โฟกัส และเชฟโรเลต ครูซ 1.6 ลิตรเล็กน้อย ที่วัสดุหุ้มเบาะเป็นผ้าหมด (ครูซ 1.8L หุ้มหนังเฉพาะรุ่นท็อป) โดยเบาะนั่งคนขับไม่ใช่ระบบไฟฟ้าเช่นเดียวกับรายอื่นๆ ในรุ่น 1.6 และ 1.8 ลิตร ยกเว้น ฮอนด้า ซีวิค ที่เป็นแบบไฟฟ้า
ต่อกันที่แผงคอนโซลของนิสสัน ซิลฟี โดยมาตรวัดเป็นแบบเรืองแสงเหมือนกัน อาจจะมีฟอร์ด โฟกัส ที่มาตรวัดระยะทางและจอข้อมูลแบบดิจิตอล พร้อมกับมีจอแสดงข้อมูล (MID) อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันขณะขับขี่ ความเร็วเฉลี่ย ระยะทางที่ขับขี่ หรืออุณหภูมิภายนอก ซึ่งทุกค่ายก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เช่นเดียวกับพวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อม Speed Sensor สามารถควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยและยังเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth ตั้งแต่รุ่นท็อป 1.6 V และ 1.8 ทุกรุ่น เป็นมาตรฐานเหมือนกันในรุ่นบนๆ ของยี่ห้ออื่นๆ รวมถึงปุ่มกดสตาร์ทเครื่อง และ Smart Key ที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายยี่ห้อ และที่มีอย่าง เชฟโรเลต ครูซ จะเป็นรุ่น 1.8 ลิตรขึ้นไป
นิสสัน ซิลฟี ติดตั้งระบบนำทาง(Navigation System) แสดงผ่านหน้าจอ LCD ในรุ่นท็อปสุด 1.8V Navi พร้อมกล้องมองหลังที่เพิ่มในรุ่น 1.8V และทุกรุ่นระบบเครื่องเสียงวิทยุ CD/MP3 เป็นแบบ 1 แผ่น พร้อมช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง (USB มีในรุ่น 1.8ลิตร)ส่งความสุนทรีผ่านลำโพง 4 ตัว ในรุ่น 1.6 ลิตร และรุ่น 1.8 ลิตร เพิ่มเป็น 6 ตัว เทียบกับคู่แข่งโดยรวมนับว่าเด่นกว่าใช้ได้ โดยเฉพาะระบบนำทางและกล้องมองหลัง ซึ่งจะเห็นว่ามีเพียง ฮอนด้า ซีวิค และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ที่มีระบบนำทางมาให้ในรุ่นท็อปของ 1.8 ลิตร และซีวิคที่รองรับแผ่น DVD ได้ แต่ฟอร์ด โฟกัส จะมีจุดเด่นเรื่องของระบบสั่งการด้วยเสียง
ส่วนระบบความปลอดภัย สิ่งที่โดดเด่นเห็นจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกBA ตั้งแต่รุ่นกลาง 1.6E ขึ้นไป หากเทียบกับคู่แข่งนับว่าด้อยกว่า เพราะส่วนใหญ่จะให้มากันครบทุกรุ่น แถมยังมีระบบควบคุมการทรงตัวเพิ่มมาอีก ยกเว้น โตโยต้า อัลติส 1.6 ลิตร ที่ยังสู่ชาวบ้านเขาไม่ได้ โดยในกลุ่มนี้ระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น เห็นจะเป็นฟอร์ด โฟกัส ที่จัดเต็มทุกรุ่นแล้ว ยังมีเหนือกว่ากับระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล รวมถึงถุงลมด้านข้างเช่นเดียวกับ ฮอนด้า ซีวิค
สำหรับขุมพลังของ นิสสัน ซิลฟี วางเครื่องยนต์ HR16DE 1.6 ลิตร 116 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 154 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และอีกรุ่นเครื่องยนต์ MRA8DE 1.8 ลิตร 131 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 174 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600รอบต่อนาที ทั้งหมดส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT 5 จังหวะ และมีเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ เฉพาะในรุ่นย่อย 1.6S เท่านั้น
ลองมาสำรวจคู่แข่งจะพบว่า ฮอนด้า ซีวิค 1.8 ลิตร 141 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ, มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 ลิตร 139 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ และทั้งสองรุ่นต่างเติมน้ำมัน E85 ได้ ขณะที่เชฟโรเลต ครูซ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 141 แรงม้า และรุ่น 1.6 ลิตร 109 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยโตโยต้า อัลติส รีดกำลังได้ 122 แรงม้า ในรุ่น 1.6 ลิตร(รุ่นCNG 109 แรงม้า) เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ และรุ่น 1.8 ลิตร 140 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ส่วนในฟอร์ด โฟกัส 1.6 ลิตร 125 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และน้อยสุดมาสด้า3 1.6 ลิตร 105 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
นิสสัน ซิลฟี ทำตลาดทั้งหมด 6 รุ่นย่อย แยกเป็นรุ่น 1.6S M/T ราคา 7.46 แสนบาท, รุ่น 1.6S A/T 7.76 แสนบาท, รุ่น 1.6E A/T 7.99 แสนบาท, รุ่น 1.6V 8.33 แสนบาท, รุ่น 1.8V 8.99 แสนบาท และรุ่น 1.8V Navi ราคา 9.31 แสนบาท (ยี่ห้ออื่นดูคร่าว ๆจากตารางประกอบการเปรียบเทียบ)
นี่เป็นข้อมูลเปรียบเทียบสเปกของ นิสสัน ซิลฟี กับคู่แข่งเก๋งคอมแพ็กต์ เฉพาะกลุ่มเครื่องยนต์ 1.6 และ 1.8 ลิตร ซึ่งยังมีข้อมูลปลีกย่อยที่ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนอีกมาก ดังนั้นจึงควรตรวจสอบให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด และที่สำคัญควรจะไปดู เปรียบเทียบรถคันจริงแต่ละยี่ห้อ รวมถึงทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อเป็นดีที่สุด...
ตารางเทียบเก๋งคอมแพ็กต์ 1.6L และ 1.8L ในไทย
ยี่ห้อ/รุ่น | แบบ | เครื่องยนต์(ลิตร) | ราคา(บาท) |
นิสสัน ซิลฟี | ซีดาน 4 ประตู | 1.6, 1.8 | 746,000-931,000 |
ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ | 4 และ 5 ประตู | 1.6 | 759,000-839,000 |
ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ | ซีดาน 4 ประตู | 1.8 | 773,000-964,000 |
มาสด้า 3 | 4 และ 5 ประตู | 1.6 | 755,000-869,000 |
เชฟโรเลต ครูซ | ซีดาน 4 ประตู | 1.6, 1.8 | 759,000-998,000 |
โตโยต้า อัลติส | ซีดาน 4 ประตู | 1.6, 1.6 CNG, 1.8 | 751,000-919,000 |
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ | ซีดาน 4 ประตู | 1.8 | 794,000-879,000 |
หมายเหตุ - ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่งรวบรวม จากเว็บไซต์ทางการของบริษัทรถล่าสุด, - เฉพาะรุ่นประกอบ(CKD) และทำตลาดในไทย