xs
xsm
sm
md
lg

ปอกเปลือก…อีโคคาร์มีดีเด่นต่างกันอย่างไร?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ-กลายเป็นตลาดที่แข่งขันกันดุเดือดและร้อนแรงสุดๆ สำหรับรถในกลุ่ม “อีโคคาร์” ทันทีที่ “มิตซูบิชิ มิราจ” และ “ซูซูกิ สวิฟท์” เปิดตัวสู่ตลาด ท้าชิงยอดขายจากรุ่นพี่ “นิสสัน มาร์ช-อัลเมร่า” และ “ฮอนด้า บริโอ้” ทำให้หลายคนถึงกับปวดตับ เพราะไม่รู้จะเลือกคันไหน? ยี่ห้อใด? เหตุนี้ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จึงขอจับอีโคคาร์แต่ละคันมาตรวจสอบ พลิกดูปูมหลัง และชั่งน้ำหนัก วัดกันให้เห็นจุดดีเด่นของแต่ละยี่ห้อ เพื่อประกอบการการตัดสินใจอีกทางหนึ่ง…

ว่ากันที่มาที่ไปของแต่ละรุ่นก่อนเลยดีกว่า เพราะถึงจะเป็นรถยนต์ในโครงการอีโคคาร์เหมือนกัน แต่ที่มาของการพัฒนาแตกต่างกันพอสมควร โดยกลุ่มแรกเป็นรถที่มีในตลาดอยู่แล้ว คือ นิสสัน มาร์ช และซูซูกิ สวิฟท์ ซึ่งพัฒนาให้ทำตลาดในกลุ่มซับคอมแพกต์ (B-Segment กลุ่มฮอนด้า แจ๊ซ, มาสด้า 2 และโตโยต้า ยาริส) แต่เมื่อรัฐบาลไทยผลักดันโครงการอีโคคาร์ออกมา จึงได้นำรุ่นปรับโฉมใหม่ หรือโมเดลเชนจ์ มาปรับให้เข้ากับเงื่อนไขของโครงการ เช่นเรื่องขนาดเครื่องยนต์ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน มาตรฐานไอเสีย และเรื่องความปลอดภัย เป็นต้น

อีกกลุ่มเป็นนิสสัน อัลเมร่า (ใช้โครงสร้างพื้นฐานของรุ่นมาร์ช), ฮอนด้า บริโอ้ และมิตซูบิชิ มิราจ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของอีโคคาร์ ไม่เคยทำตลาดมาก่อน (มิราจเป็นชื่อที่เคยใช้ทำตลาดมาก่อน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการโกบอล สมอลล์ หรืออีโคคาร์) โดยถูกวางตำแหน่งสินค้า ให้ต่ำกว่าซับคอมแพกต์

แต่จะว่าไปในจำนวนอีโคคาร์ทั้ง 5 โมเดล ที่น่าจะเป็นคู่แข่งกันโดยตรง เห็นจะเป็นเฉพาะนิสสัน มาร์ช, ซูซูกิ สวิฟท์, ฮอนด้า บริโอ้ และมิตซูบิช มิราจ เพราะเป็นรถแบบท้ายตัด หรือแฮตช์แบ็ก 5 ประตูเหมือนกัน ส่วนนิสสัน อัลเมร่า เป็นแบบซีดาน 4 ประตู ไม่อาจถือเป็นคู่แข่งโดยตรง จึงขอเน้นเปรียบเทียบไปที่ 4 โมเดลแรกมากกว่า

เหตุนี้มิติตัวถังโดยรวม สวิฟท์จึงมีขนาดใหญ่สุด ตามมาด้วยมาร์ช ขณะที่มิราจจะมีความยาวมากกว่าบริโอ้ แต่ความกว้างจะน้อยกว่า แต่หากดูระยะฐานล้อที่มีผลต่อห้องโดยสาร กลับไม่มีใครกินกันลงเท่าไหร่ มิราจที่ดูภายนอกเล็กกว่า กลับมีฐานล้อยาวสุดเท่ากับมาร์ช แต่อาจจะแคบกว่าในด้านกว้าง ทำให้ตัวถังภาพรวมภายนอก มองดูอาจจะมีขนาดแตกต่างกัน แต่เมื่อเข้าไปนั่งภายในถือว่าไม่ได้ด้อยกว่ากันเท่าไหร่

การที่อีโคคาร์เหล่านี้มีที่มาและการพัฒนาแตกต่างกัน จนส่งผลต่อเรื่องของมิติตัวถัง ทำให้อาจจะสงสัยในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัย หากจะวัดตามเงื่อนไขของโครงการอีโคคาร์ ที่ต้องผ่านมารฐานยุโรป คงต้องบอกว่าทุกยี่ห้อผ่านมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยเหมือนกัน

แน่นอนการพัฒนารถให้เล็ก ย่อมส่งผลต่อน้ำหนักรถโดยรวม เพราะมิตซูบิชิ มิราจ น้ำหนักรวม 830-870 กก. ขณะที่รุ่นอื่นๆ อยู่ที่ 900-975 กก. ทำให้ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และอัตราเร่งตามไปด้วย มิตซูบิชิจึงมั่นใจเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ของมิราจจะแข่งขันกับคู่แข่งได้ แต่จุดที่มิตซูบิชิมองมากกว่า เป็นอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จากการทดสอบทำได้ถึง 22 กม./ลิตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ ECE R101 Rev. 01 Combine Mode.)


ขณะที่นิสสัน มาร์ช เป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ 1.2 ลิตร 79 แรงม้า เช่นเดียวกับฮอนด้า บริโอ้ เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.2 ลิตร แต่มีกำลัง 90 แรงม้า ใกล้เคียงกับซูซูกิ สวิฟท์ ที่วางเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.2 ลิตร 91 แรงม้า โดย 3 รุ่นนี้จากการระบุข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จากห้องทดสอบอยู่ที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่ระบบขับเคลื่อนทุกรุ่นมีทั้งเกียร์อัตโนมัติ CVT และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ (สวิฟท์จะมาปลายปี)

มาที่เรื่องอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะตัวบนๆ ที่ชื่นชอบของคนไทย อุปกรณ์พื้นฐานหลักๆ ไม่แตกต่างกันมากนัก ไม่ว่าจะเป็นปุ่มสตาร์ทที่มีมาให้เหมือนกัน หรือเครื่องเสียงรองรับเครื่องเล่น CD/MP3 และช่องรองรับอุปกรณ์ USB หรือ AUX จะมีก็แต่ฮอนด้าที่ไม่มีปุ่มสตาร์ท และเคลื่อนเล่น CD แต่ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นตัวท็อปมิราจที่มาให้ครบวิทยุ-เครื่องเล่น DVD-MP3 พร้อมจอภาพแบบทัชสกรีน ระบบนำทางในรถยนต์ และบลูทูธ ถึงอย่างนั้นมิราจ หรืออีโคคาร์รุ่นอื่นๆ ก็ไม่มีฟังก์ชั่นควบคุมบนพวงมาลัยเหมือนกับสวิฟท์

ส่วนเรื่องความปลอดภัย มีติดตั้งถุงลมนิรภัยเฉพาะด้านคนขับและคู่หน้าแล้วแต่รุ่น แต่ฮอนด้าจะมาครบทุกรุ่น ขณะที่ระบบเบรก ABS และ EBD มีมาให้เหมือนกัน โดยมาร์ชจะให้ระบบเสริมแรงเบรก BA มาใน 3 รุ่นบน ขณะที่รุ่นล่างกลับไม่มี ABS และ EBD อีกด้วย

อีโคคาร์ที่ทำตลาด นิสสัน มาร์ช มีทางเลือกให้มากสุด 8 รุ่นย่อย ครบทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ ราคาตั้งแต่ 3.80-5.638 แสนบาท ตามมาด้วย มิตซูบิชิ มิราจ ราคาตั้งแต่ 3.80-5.46 แสนบาท มีเกียร์ให้เลือกครบ เช่นเดียวกับ ฮอนด้า บริโอ้ ที่มี 3 รุ่นย่อย ราคา 3.999-5.085 แสนบาท ซึ่งตัวท็อปราคาต่ำสุดแลกกับออปชันน้อยกว่าคู่แข่ง (แต่ใกล้เคียงกับราคาระดับเดียวกัน) และซูซูกิ สวิฟท์ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อยเช่นกัน แต่ไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดาที่จะตามมาช่วงปลายปี ราคา 4.69-5.59 แสนบาท

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงของอีโคคาร์ ทำให้แต่ละค่ายรถต่างอัดแคมเปญสู้กันดุเดือด แม้แต่มิตซูบิชิ มิราจ ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาด ยังจัดแคมเปญให้กับลูกค้าที่จองซื้อรถ รับฟรีทันทีประกันภัยชั้น 1 และรับโบนัสพิเศษเงินคืน 10,000 บาท เฉพาะลูกค้า 9,000 ท่านแรก (แว่วว่าจะขยายเพิ่มอีก) ขณะที่ซูซูกิ สวิฟท์ ให้เงื่อนไขฟรีประกัน 50% ฟรี พ.ร.บ. และเริ่มต้นดาวน์ 5% ผ่อนยาว 84 เดือน

นิสสันนิ่งไม่ได้ในฐานะผู้นำตลาดอีโคคาร์ นอกจากให้ดาวน์และผ่อน “นิสสัน มาร์ช-อัลเมร่า” แบบบอลลูนเบาๆ กับ “Nissan Easy Pay” แล้ว ลูกค้ามาร์ชรับสิทธิ์ลุ้น 55 รางวัล (คัน) จำนวน 110 ท่าน ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นฟรี มูลค่ารวม 8 ล้านบาทอีกด้วย ด้านฮอนด้า บริโอ้ ถอยรถง่ายๆ กับวางเงินดาวน์ต่ำ หรือจะเลือกผ่อนต่ำตามต้องการ

นี่คือจุดดีเด่นบางส่วนของอีโคคาร์แต่ละรุ่น ไม่ขอพูดถึงเรื่องรูปลักษณ์ เพราะใครชื่นชอบแบบไหน? อันนี้เป็นรสนิยมของแต่ละบุคคล แต่สิ่งสำคัญก่อนถอยรถอย่าเชื่อ หรือแค่ฟังเขาว่า… ควรไปลองขับและเปรียบเทียบด้วยตัวองให้ดีก่อนตัดสินใจ!!

ตารางแสดงรุ่นรถอีโคคาร์ในไทยล่าสุด

ยี่ห้อ/รุ่นตัวถังเครื่องยนต์ราคา/บาท
นิสสัน มาร์ชแฮตช์แบก3 สูบ 1198 ซีซี 79 แรงม้า380,000-563,800
นิสสัน อัลเมร่าซีดาน3 สูบ 1198 ซีซี 79 แรงม้า429,000-599,000
ฮอนด้า บริโอแฮตช์แบก4 สูบ 1198 ซีซี 90 แรงม้า399,900-508,500
มิตซูบิชิ มิราจแฮตช์แบก3 สูบ 1198 ซีซี 78 แรงม้า380,000-546,000
ซูซูกิ สวิฟท์แฮตช์แบก4 สูบ 1242 ซีซี 91 แรงม้า469,000-559,000


หมายเหตุ : ซูซูกิ สวิฟท์ เริ่มขายเฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT
กำลังโหลดความคิดเห็น