ข่าวในประเทศ - ค่ายรถยนต์ “ฮอนด้า” มั่นใจแม้ปริมาณน้ำมามากเท่าปี 2554 แต่จะไม่เข้าท่วมพื้นที่โรงงานผลิตนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยการสร้างกำแพงคอนกรีตป้องกันสูง 6.5 เมตร ลั่นช่วยตัวเองดีกว่ารอความช่วยเหลือ แต่ถ้าหากน้ำทะลักเกินคาดก็พร้อมงัดแผนสำรอง คือ อพยพคนงานและย้ายรถยนต์หนีขึ้นที่ดอนทันที
พิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดนน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ทำงานร่วมกับนิคมอุตสาหกรรม หามาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก โดยเฉพาะการสร้างกำแพงคอนกรีตสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 6.5 เมตร ที่ดำเนินการเกือบจะเสร็จ 100% แล้ว
“แม้จะเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุแต่ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน ซึ่งเราเชื่อว่าถ้าน้ำมามากเหมือนปีที่แล้ว กำแพงคอนกรีตใหม่จะมีความแข็งแรงเพียงพอ และป้องกันไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่โรงงานผลิตรถยนต์อย่างแน่นอน”
บริษัทมั่นใจในภาพรวม ว่า จะไม่เจอปัญหาอุทกภัยเหมือนปีที่แล้ว เพราะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังทำงานอย่างเต็มที่ ในส่วนของบริษัทพยายามจะช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด แต่ถ้าหากน้ำมามากกว่าปีที่แล้วจริงหรือมีปริมาณสูงเกินที่กำหนดไว้ บริษัทยังเตรียมแผนการฉุกเฉินรองรับ ไม่ว่าจะเป็นหยุดการผลิต อพยพพนักงาน ตลอดจนเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่ผลิตเสร็จแล้วไปไว้ในที่ปลอดภัย
“เราเตรียมแผนในกรณีที่โรงงานผลิตเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆโดยเฉพาะปัญหาภัยพิบัติ ดังนั้น ถ้าปริมาณน้ำปีนี้มามากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็จะต้องออกมาตรการต่างๆ ตามมา อย่างการย้ายรถยนต์สำเร็จรูปเราก็คิดเตรียมสถานที่ไว้หลายแห่ง ซึ่งจะต้องเป็นที่ดอนที่น้ำท่วมไม่ถึง”นายพิทักษ์ กล่าว
ในส่วนของการดำเนินธุรกิจ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัวรถยนต์ใหม่หลายรุ่น นับตั้งแต่ฟื้นกำลังการผลิตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่ ซีวิค, แจ๊ซ ไฮบริด, ซิตี้ ซีเอ็นจี รวมถึงรถนำเข้าอย่าง โอดิสซีย์, สเตปแวกอน สปาด้า, ซีอาร์-ซีร์ และ ฟรีด ไมเนอร์เชนจ์ ล่าสุด จัดการส่ง “ซีอาร์-วี ใหม่” ลุยตลาดเอสยูวีเพิ่มอีกหนึ่งรุ่น
นายพิทักษ์ กล่าวว่า ซีอาร์-วี เจนเนอเรชันที่ 4 ได้รับการออกแบบใหม่ให้สอดรับกับแนวโน้มความต้องการตลาด และจะเป็นยนตรกรรมที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กลุ่มรถสปอร์ตอเนกประสงค์ในประเทศไทย โดยบริษัทคาดว่าจะได้การตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี พร้อมตั้งเป้ายอดขายไว้ 20,000 คัน ภายในระยะเวลา 1 ปี
สำหรับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เป็นเอสยูวี 5 ที่นั่ง มาพร้อมเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร 155 แรงม้า และเครื่องยนต์ DOHC i-VTEC ขนาด 2.4 ลิตร 170 แรงม้า แบ่งการขายเป็น 4 รุ่นย่อย คือ 2.0S (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) ราคา 1,164,000 บาท 2.0E (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) 1,274,000 บาท ขณะที่รุ่น 2.4EL 2WD (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) ราคา 1,444,000 บาท 2.4EL (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) 1,524,000 บาท ทั้งนี้ ราคาได้ปรับขึ้นประมาณ 10,000-30,000 บาท แล้วแต่รุ่น
พิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดนน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ทำงานร่วมกับนิคมอุตสาหกรรม หามาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก โดยเฉพาะการสร้างกำแพงคอนกรีตสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 6.5 เมตร ที่ดำเนินการเกือบจะเสร็จ 100% แล้ว
“แม้จะเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุแต่ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน ซึ่งเราเชื่อว่าถ้าน้ำมามากเหมือนปีที่แล้ว กำแพงคอนกรีตใหม่จะมีความแข็งแรงเพียงพอ และป้องกันไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่โรงงานผลิตรถยนต์อย่างแน่นอน”
บริษัทมั่นใจในภาพรวม ว่า จะไม่เจอปัญหาอุทกภัยเหมือนปีที่แล้ว เพราะรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังทำงานอย่างเต็มที่ ในส่วนของบริษัทพยายามจะช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด แต่ถ้าหากน้ำมามากกว่าปีที่แล้วจริงหรือมีปริมาณสูงเกินที่กำหนดไว้ บริษัทยังเตรียมแผนการฉุกเฉินรองรับ ไม่ว่าจะเป็นหยุดการผลิต อพยพพนักงาน ตลอดจนเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่ผลิตเสร็จแล้วไปไว้ในที่ปลอดภัย
“เราเตรียมแผนในกรณีที่โรงงานผลิตเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆโดยเฉพาะปัญหาภัยพิบัติ ดังนั้น ถ้าปริมาณน้ำปีนี้มามากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ก็จะต้องออกมาตรการต่างๆ ตามมา อย่างการย้ายรถยนต์สำเร็จรูปเราก็คิดเตรียมสถานที่ไว้หลายแห่ง ซึ่งจะต้องเป็นที่ดอนที่น้ำท่วมไม่ถึง”นายพิทักษ์ กล่าว
ในส่วนของการดำเนินธุรกิจ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัวรถยนต์ใหม่หลายรุ่น นับตั้งแต่ฟื้นกำลังการผลิตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่ ซีวิค, แจ๊ซ ไฮบริด, ซิตี้ ซีเอ็นจี รวมถึงรถนำเข้าอย่าง โอดิสซีย์, สเตปแวกอน สปาด้า, ซีอาร์-ซีร์ และ ฟรีด ไมเนอร์เชนจ์ ล่าสุด จัดการส่ง “ซีอาร์-วี ใหม่” ลุยตลาดเอสยูวีเพิ่มอีกหนึ่งรุ่น
นายพิทักษ์ กล่าวว่า ซีอาร์-วี เจนเนอเรชันที่ 4 ได้รับการออกแบบใหม่ให้สอดรับกับแนวโน้มความต้องการตลาด และจะเป็นยนตรกรรมที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กลุ่มรถสปอร์ตอเนกประสงค์ในประเทศไทย โดยบริษัทคาดว่าจะได้การตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี พร้อมตั้งเป้ายอดขายไว้ 20,000 คัน ภายในระยะเวลา 1 ปี
สำหรับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เป็นเอสยูวี 5 ที่นั่ง มาพร้อมเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC ขนาด 2.0 ลิตร 155 แรงม้า และเครื่องยนต์ DOHC i-VTEC ขนาด 2.4 ลิตร 170 แรงม้า แบ่งการขายเป็น 4 รุ่นย่อย คือ 2.0S (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) ราคา 1,164,000 บาท 2.0E (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) 1,274,000 บาท ขณะที่รุ่น 2.4EL 2WD (ขับเคลื่อน 2 ล้อ) ราคา 1,444,000 บาท 2.4EL (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) 1,524,000 บาท ทั้งนี้ ราคาได้ปรับขึ้นประมาณ 10,000-30,000 บาท แล้วแต่รุ่น