ค่ายบีเอ็มดับเบิลยูจัดกระบวนทัพ-ปรับไลน์โปรดักต์ครั้งใหม่ คราวนี้นำเทคโนโลยี Downsizing หรือการหันมาใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กลง แต่ให้สมรรถนะเทียบเท่าหรือดีกว่าเดิม(ใช้เทอร์โบช่วยรีดกำลัง) พร้อมการประหยัดน้ำมันและปล่อยไอเสียน้อยลง ซึ่งเป็นเทรนด์รักษ์โลกและสอดคล้องกับโครงสร้างการเก็บภาษีรถยนต์ในประเทศต่างๆ อันหมายรวมถึงประเทศไทยด้วย
…จังหวะเหมาะเคราะห์ดี หวยก็มาออกที่“ซีรีย์5” ครับ เพราะโมเดลนี้นิยมคบบล็อก 6 สูบมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งเครื่องยนต์เบนซินรุ่น 523i (F10) หรือโฉมเก่า(E60) 520i ,525i,530i เช่นเดียวกับดีเซล 525d ซึ่งนับจากนี้ไปบล็อก 6 สูบจะถูกถอดออกจาก“ซีรีย์5 ” โมเดลหลักที่ทำตลาดในไทยทั้งหมด (เว้น ซีรีย์ 5 ไฮบริด) แล้วหันมาวางเครื่องยนต์ 4 สูบใหม่
อย่าง 523i ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 2.5ลิตร204 แรงม้า(หายใจเอง) ตอนนี้ไม่มีแล้วนะครับ โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะแทนที่ด้วย 520i (ราคา 3,599,000 บาท) กับ 528i (ราคา 4,099,000 บาท) เครื่องยนต์เทอร์โบ 4 สูบใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร 184 แรงม้า และ 218 แรงม้า ตามลำดับ
...ความน่าสนใจคงอยู่ที่รุ่น 520i ด้วยตัวเลขประสิทธิผลต่างๆที่ทำได้ใกล้เคียงกับ 523i เดิม แถมราคายังถูกกว่า 200,000 บาท (ส่วน 528i ราคาแพงกว่าและปรับสมรรถนะไปมากอยู่แล้ว)
สำหรับเเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร ของ520i ใหม่ มากับหัวฉีดแรงดันสูงจ่ายน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ระบบวาล์วแปรผัน VALVETRONIC ทั้งฝั่งไอดี-ไอเสีย และเทอร์โบแบบtwin-scroll ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรที่ 1,250-4,500 รอบต่อนาที ประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และเมื่อไปเทียบกับ 523i เครื่องยนต์ 6 สูบ 2.5 ลิตรเดิม จะเห็นว่าแรงม้าลดลง 10% (523i 204 แรงม้า) แต่แรงบิดกลับเพิ่มขึ้น 8% (523i 250 นิวตันเมตร) พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ดีกว่า โดย 520iทำได้ 8.0 วินาที ขณะที่ 523i ทำได้ 8.5 วินาที
...ดูใกล้เคียงกันนะครับ แต่ที่สำคัญ 520i เคลมอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยไว้เพียง 15.6 กม./ลิตร ขณะที่อัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 149 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU) เหนือกว่า 523i ที่เคยเคลมไว้ 12.5 กม./ลิตร และปล่อยไอเสียระดับ187 กรัมต่อกิโลเมตร
ทั้งนี้บีเอ็มดับเบิลยูแจ้งว่าเครื่องยนต์ 4สูบใหม่ น้ำหนักจะลดลงเมื่อเทียบกับบล็อก 6 สูบเดิมถึง 40-50 กิโลกรัม ซึ่งต้องยอมรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยียานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโลหะศาสตร์ การพัฒนาหัวฉีด การจุดระเบิด รวมถึงระบบวาล์ว เทอร์โบ และเกียร์ มีส่วนให้การDownsizing ทำได้เต็มประสิทธิภาพและช่วยให้ระบบขับเคลื่อนดีขึ้น
ขณะเดียวกัน520i ใหม่ยังเพิ่มฟังก์ชันมาตรฐานที่จะเข้ามาช่วยให้รถกินน้ำมันน้อยลงอย่างระบบAuto Start/Stop เครื่องยนต์ดับเองอัตโนมัติเมื่อรถจอดนิ่งอยู่กับที่ (เช่น ติดไฟแดง) และเพิ่มโหมดการขับขี่ Eco Pro ที่ผู้ขับสามารถเลือกได้ด้วยตนเอง นอกเหนือไปจากโหมดเดิมคือ Comfort และSport
โดยในโหมดEco Pro จะคำนึงถึงการใช้พลังงานให้คุ้มค่ามากที่สุด ทั้งลดการตอบสนองของเครื่องยนต์ ควบคุมจังหวะเปลี่ยนเกียร์ และจัดการระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำเท่าที่จำเป็น
ในเรื่องการขับขี่จริง 520i ใหม่ เรี่ยวแรงพละกำลังแทบไม่ต่างจาก 523i ที่ผู้เขียนเคยลองเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยจังหวะออกตัวหรือเร่งแซงในย่านความเร็วต่ำ รถยังตอบสนองทันใจ น้ำหนักคันเร่ง จังหวะเปลี่ยนเกียร์ ยังออกแนวสปอร์ต การขับทางไกลใช้ความเร็ว100- 160 กม./ชม. เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานราบเรียบส่งผ่านกำลังสู่ล้อหลังได้ต่อเนื่อง
โดยจังหวะบี้คันเร่ง ไล่ความเร็วขึ้นไปในแต่ละเกียร์ พลังดูจะมาแบบเนียนๆ รอบไม่โดดสูงและสวิงมากมายนัก เรียกว่าขับได้เพลินและนิ่ง แทบไม่ต่างจากบล็อก 6 สูบเดิมเลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งต้องชมเทอร์โบแบบ twin-scroll โดยมีหลักการทำงานของเทอร์โบชาร์จหนึ่งตัวเชื่อมต่อกับท่อร่วมไอเสียสองพอร์ต หวังให้รีดพลังทันใจตั้งแต่รอบต่ำยันรอบสูง พร้อมกับสุดยอดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF ลูกนี้ทำหน้าที่ส่งกำลังขับเคลื่อนรถได้เป็นอย่างดี
ด้านการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอก 520i ยังจัดการได้ยอดเยี่ยม พร้อมควบคุมพวงมาลัยได้หนึบหนับและเฉียบคม ขณะที่ช่วงล่างน่าจะปรับเซ็ทให้รับกับน้ำหนักเครื่องยนต์และน้ำหนักตัวรถที่ลดลงไป แต่กระนั้นก็ยังคงอารมณ์เดิมๆของ ซีรีย์5 เอาไว้ คือการทรงตัวเป็นเลิศแต่ก็แอบแฝงความกระด้างแข็งไว้นิดๆ
รวบรัดตัดความ...เทคนิค Downsizing นับเป็นส่วนหนึ่งตามหลักการในภาพใหญ่ของของBMW EfficientDynamics ที่หวังเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และลดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานให้ได้มากที่สุด อย่าง520i ให้สมรรถนะสมเนื้อสมตัวและยังแฝงอารมณ์สปอร์ตไม่ต่างจาก 523i เดิม
…ถ้าไม่นิยมดีเซล แล้วต้องการความคุ้มค่า แรงโอเค ประหยัดน้ำมัน บีเอ็มดับเบิลยู 520i คงตอบโจทย์ได้
…จังหวะเหมาะเคราะห์ดี หวยก็มาออกที่“ซีรีย์5” ครับ เพราะโมเดลนี้นิยมคบบล็อก 6 สูบมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งเครื่องยนต์เบนซินรุ่น 523i (F10) หรือโฉมเก่า(E60) 520i ,525i,530i เช่นเดียวกับดีเซล 525d ซึ่งนับจากนี้ไปบล็อก 6 สูบจะถูกถอดออกจาก“ซีรีย์5 ” โมเดลหลักที่ทำตลาดในไทยทั้งหมด (เว้น ซีรีย์ 5 ไฮบริด) แล้วหันมาวางเครื่องยนต์ 4 สูบใหม่
อย่าง 523i ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 2.5ลิตร204 แรงม้า(หายใจเอง) ตอนนี้ไม่มีแล้วนะครับ โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะแทนที่ด้วย 520i (ราคา 3,599,000 บาท) กับ 528i (ราคา 4,099,000 บาท) เครื่องยนต์เทอร์โบ 4 สูบใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร 184 แรงม้า และ 218 แรงม้า ตามลำดับ
...ความน่าสนใจคงอยู่ที่รุ่น 520i ด้วยตัวเลขประสิทธิผลต่างๆที่ทำได้ใกล้เคียงกับ 523i เดิม แถมราคายังถูกกว่า 200,000 บาท (ส่วน 528i ราคาแพงกว่าและปรับสมรรถนะไปมากอยู่แล้ว)
สำหรับเเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร ของ520i ใหม่ มากับหัวฉีดแรงดันสูงจ่ายน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ระบบวาล์วแปรผัน VALVETRONIC ทั้งฝั่งไอดี-ไอเสีย และเทอร์โบแบบtwin-scroll ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรที่ 1,250-4,500 รอบต่อนาที ประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และเมื่อไปเทียบกับ 523i เครื่องยนต์ 6 สูบ 2.5 ลิตรเดิม จะเห็นว่าแรงม้าลดลง 10% (523i 204 แรงม้า) แต่แรงบิดกลับเพิ่มขึ้น 8% (523i 250 นิวตันเมตร) พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ดีกว่า โดย 520iทำได้ 8.0 วินาที ขณะที่ 523i ทำได้ 8.5 วินาที
...ดูใกล้เคียงกันนะครับ แต่ที่สำคัญ 520i เคลมอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยไว้เพียง 15.6 กม./ลิตร ขณะที่อัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 149 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐานการวัดค่าเฉลี่ย EU) เหนือกว่า 523i ที่เคยเคลมไว้ 12.5 กม./ลิตร และปล่อยไอเสียระดับ187 กรัมต่อกิโลเมตร
ทั้งนี้บีเอ็มดับเบิลยูแจ้งว่าเครื่องยนต์ 4สูบใหม่ น้ำหนักจะลดลงเมื่อเทียบกับบล็อก 6 สูบเดิมถึง 40-50 กิโลกรัม ซึ่งต้องยอมรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยียานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโลหะศาสตร์ การพัฒนาหัวฉีด การจุดระเบิด รวมถึงระบบวาล์ว เทอร์โบ และเกียร์ มีส่วนให้การDownsizing ทำได้เต็มประสิทธิภาพและช่วยให้ระบบขับเคลื่อนดีขึ้น
ขณะเดียวกัน520i ใหม่ยังเพิ่มฟังก์ชันมาตรฐานที่จะเข้ามาช่วยให้รถกินน้ำมันน้อยลงอย่างระบบAuto Start/Stop เครื่องยนต์ดับเองอัตโนมัติเมื่อรถจอดนิ่งอยู่กับที่ (เช่น ติดไฟแดง) และเพิ่มโหมดการขับขี่ Eco Pro ที่ผู้ขับสามารถเลือกได้ด้วยตนเอง นอกเหนือไปจากโหมดเดิมคือ Comfort และSport
โดยในโหมดEco Pro จะคำนึงถึงการใช้พลังงานให้คุ้มค่ามากที่สุด ทั้งลดการตอบสนองของเครื่องยนต์ ควบคุมจังหวะเปลี่ยนเกียร์ และจัดการระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำเท่าที่จำเป็น
ในเรื่องการขับขี่จริง 520i ใหม่ เรี่ยวแรงพละกำลังแทบไม่ต่างจาก 523i ที่ผู้เขียนเคยลองเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยจังหวะออกตัวหรือเร่งแซงในย่านความเร็วต่ำ รถยังตอบสนองทันใจ น้ำหนักคันเร่ง จังหวะเปลี่ยนเกียร์ ยังออกแนวสปอร์ต การขับทางไกลใช้ความเร็ว100- 160 กม./ชม. เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานราบเรียบส่งผ่านกำลังสู่ล้อหลังได้ต่อเนื่อง
โดยจังหวะบี้คันเร่ง ไล่ความเร็วขึ้นไปในแต่ละเกียร์ พลังดูจะมาแบบเนียนๆ รอบไม่โดดสูงและสวิงมากมายนัก เรียกว่าขับได้เพลินและนิ่ง แทบไม่ต่างจากบล็อก 6 สูบเดิมเลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งต้องชมเทอร์โบแบบ twin-scroll โดยมีหลักการทำงานของเทอร์โบชาร์จหนึ่งตัวเชื่อมต่อกับท่อร่วมไอเสียสองพอร์ต หวังให้รีดพลังทันใจตั้งแต่รอบต่ำยันรอบสูง พร้อมกับสุดยอดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF ลูกนี้ทำหน้าที่ส่งกำลังขับเคลื่อนรถได้เป็นอย่างดี
ด้านการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอก 520i ยังจัดการได้ยอดเยี่ยม พร้อมควบคุมพวงมาลัยได้หนึบหนับและเฉียบคม ขณะที่ช่วงล่างน่าจะปรับเซ็ทให้รับกับน้ำหนักเครื่องยนต์และน้ำหนักตัวรถที่ลดลงไป แต่กระนั้นก็ยังคงอารมณ์เดิมๆของ ซีรีย์5 เอาไว้ คือการทรงตัวเป็นเลิศแต่ก็แอบแฝงความกระด้างแข็งไว้นิดๆ
รวบรัดตัดความ...เทคนิค Downsizing นับเป็นส่วนหนึ่งตามหลักการในภาพใหญ่ของของBMW EfficientDynamics ที่หวังเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และลดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานให้ได้มากที่สุด อย่าง520i ให้สมรรถนะสมเนื้อสมตัวและยังแฝงอารมณ์สปอร์ตไม่ต่างจาก 523i เดิม
…ถ้าไม่นิยมดีเซล แล้วต้องการความคุ้มค่า แรงโอเค ประหยัดน้ำมัน บีเอ็มดับเบิลยู 520i คงตอบโจทย์ได้