xs
xsm
sm
md
lg

“มินิ ดีเซล” สนุก เร้าใจ ประหยัด แต่แพงกว่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มินิ ถือเป็นรถในฝันของใครหลายคน เพราะด้วยรูปลักษณ์หน้าตาที่น่ารัก น่าชัง จนเป็นจุดขายแรกที่เรียกความสนใจให้คนหลงใหลได้ไม่ยาก บวกกับการขับขี่ที่เร้าใจ สไตล์โก-คาร์ต และการตกแต่งภายในโดนใจวัยโจ๋ จึงไม่แปลกที่ช่วงหลัง มินิ จะเริ่มขายดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ราคาไม่น่าคบหาสักเท่าใด

ล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู เจ้าของมินิ เปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกอีกถึง 5 รุ่นด้วยกัน นอกเหนือจากเครื่องยนต์เบนซิน ไม่ว่าจะเป็นแฮตช์แบ๊ก 3 ประตู มี 2 รุ่นให้เลือกคือ คูเปอร์ ดี และ คูเปอร์ เอสดี, ส่วนตัวคูเป้มีรุ่นเดียว คูเปอร์ เอสดี ขณะที่คันทรีแทน 4 ประตู มีให้เลือก คูเปอร์ ดี และคูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์

แน่นอนเมื่อทางบีเอ็มดับเบิลยูเชื้อเชิญให้ไปลองขับทีมงาน “มอเตอริ่ง” ก็ไม่ปฏิเสธ และรถคันแรกที่ได้สัมผัสเป็น “คันทรีแมน คูเปอร์ ดี” ซึ่งทีมงานมินิบอกว่า ทั้ง 5 รุ่น คันทรีแมน ขายดีสุด แถมมีราคาค่าตัวมากสุดด้วย


แต่ก่อนที่จะรายงานการขับขี่ เรามาทำความรู้จักกับพระเอกของงานนี้ก่อนคือ เครื่องยนต์ดีเซล ตัวนี้ จตุพล พุทธวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป มินิประเทศไทย บอกว่า เครื่องยนต์ดีเซลเจเนอเรชันใหม่ของมินิ ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีมาจากพื้นฐานของเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาพร้อมด้วยเทคโนโลยีอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผันที่ให้กำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกช่วงของรอบเครื่องยนต์ แถมยังทำให้ประหยัดน้ำมันถึง 19.6 กิโลเมตร/ลิตร ในรุ่นที่ลงท้ายด้วย ดี ส่วนรุ่นลงท้ายด้วย เอสดี ประมาณ 18.9 กิโลเมตร/ลิตร

นอกจากนี้ เครื่องยนต์ดีเซลของมินิ ยังได้รับการปรับปรุงเพื่อลด Vibration และลดเสียงจากห้องเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น ทำให้เครื่องเดินเงียบ ปราศจากอาการสั่นของเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป

ซึ่งหลังจากได้ลองสตาร์ทเครื่องดู สำหรับเจ้า คันทรี แมน ดี ก็รู้สึกได้ถึงเสียงของเครื่องยนต์ว่าไม่ดังสักเท่าไรแต่ก็รู้สึกได้ว่าเป็นเสียงของเครื่องดีเซล พอผลักคันเร่งไปตำแหน่งดีเพื่อออกเดินทาง ต้องบอกว่าจังหวะการออกตัวปรู๊ดปร๊าดได้ใจจริงๆ บวกกับพวงมาลัยที่ค่อนข้างหนักสร้างความมั่นใจในช่วงใช้ความเร็วสูง ทั้งนี้เป็นเพราะเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขนาด 2.0 ลิตร แถมมีเทอร์โบมาช่วยด้วย ทำให้แรงบิดมีมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน และด้วยแรงบิดที่มากกว่าเลยทำให้การขับขี่ในช่วงขึ้นเขา หรือช่วงเร่งแซงกำลังมาอย่างรวดเร็วทันใจ ทำให้ขับง่ายขึ้น ขณะที่ขับทางไกล ๆ ก็ไม่ต้องแตะคันเร่งมากมาย แค่แตะเบาๆ รถก็วิ่งฉลุยแล้ว การขับขี่ค่อนข้างสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ เร้าใจ ตลอดเวลา


บวกกับเส้นทางช่วงแรก ทางมินิ จัดให้ทุกคนขับแบบอิสระ ไม่ได้ขับตามเป็นขบวน พร้อมกับทดสอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไปด้วย ซึ่งคันของเราทำได้ประมาณ 14-15 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าปกติเครื่องเบนซินไม่น่าทำได้เท่านี้ น่าจะอยู่ที่ 11กิโลเมตร/ลิตร ถ้าขับในลักษณะเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าใกล้เคียงกับสเปก 16 กิโลเมตร /ลิตร ตามเอกสารของมินิ

ขณะที่ช่วงล่างได้มีการเซตอัปให้แข็งขึ้นกว่ารุ่นเบนซิน เพราะว่าเครื่องยนต์ใหญ่ขึ้น แรงขึ้น อีกทั้งเพื่อการเกาะถนน และความสมดุลของรถ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะว่ามันเป็นบุคลิกของมินิ ที่ทำให้หนึบ ได้ใจสไตล์โก-คาร์ต บวกกับรถคันนี้สามารถนั่งได้ 4 คน จึงกลายเป็นรุ่นที่น่าสนใจมากสุด โดยเฉพาะกับสาวๆ ที่ต้องขนสัมภาระไม่มากก็น้อย

คันที่สองที่ได้มีโอกาสลองขับเป็น คูเป้ เอสดี ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรุ่นแรกที่ได้ขับถือว่าคนละบอดี้ คือเปลี่ยนจากขับรถ 4ประตู คันใหญ่ มาเป็น คูเป้ คันเล็ก 2ที่นั่ง แน่นอน ฟิลลิงของการขับขี่ย่อมแตกต่างกัน ตัวนี้จะแรงกว่าคันทรีแมน นิดหนึ่ง ทั้งนี้เพราะมันเล็ก มันก็เบากว่า แถมออกแนวสปอร์ต ๆ ด้วย ฉะนั้นการขับขี่ย่อมเร้าใจ ตื่นเต้น สนุก มากกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงความประหยัดน้ำมันตัวคันทรีแมนทำได้ดีกว่า


แต่ถ้าเอาตัวนี้ไปเปรียบเทียบกับเครื่องเบนซิน ต้องบอกว่าเครื่องเบนซิน ขับสนุกมากกว่า เพราะมีแรงม้าถึง 184 แรงม้า ขณะที่เครื่องดีเซล คูเป้ เอสดี มีแค่ 143 แรงม้าเท่านั้น ดังนั้นอัตราเร่งของเบนซินย่อมเหนือกว่าแถมเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามออกมาก็เร้าใจกว่า บางคนชอบเสียงดัง แต่กับเครื่องดีเซล มันได้เรื่องอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจเพียงแค่แตะ แต่เสียงไม่มา...ถ้ามันเป็นรถสปอร์ต มันควรจะต้องมีเสียงสักเล็กน้อยเพื่อความเร้าใจในการขับขี่

สำหรับเส้นทางที่สองทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดูเรื่องประหยัดน้ำมัน แต่เน้นในเรื่องสมรรถนะของรถ (Performance) พอดีเราเปลี่ยนมาใช้ คูเป้ เอสดี ประกอบกับเส้นทางที่ทีมงานจัดให้รอบที่สองของวัน เป็นทางขึ้นเขา คดเคี้ยว ตลอดเส้นทาง จึงมีโอกาสลองใช้โหมดสปอร์ต ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพียงแค่แตะคันเร่ง รอบจะขึ้นเร็ว เหมาะกับทางที่เรา ขึ้นขา คดเคี้ยว ต้องการความแม่นยำ เนื่องจากพวงมาลัยหนักขึ้น ทำให้เที่ยงตรง การเข้าโค้งได้แม่นยำ ยิ่งขับยิ่งสนุก และอย่างที่บอกข้างต้นรถมันเบากว่าคันทรีแมน ก็เลยปรู๊ดปร๊าด ได้ดั่งใจสั่ง

สรุป โดยธรรมชาติของเครื่องยนต์ดีเซลจะมาพร้อมพลังที่ราบลื่น นุ่มนวล ปลายไหลได้ดีกว่าเครื่องเบนซิน คือไม่ต้องเข่นมันมาก แค่เหยียบนิดเดียวมันก็มาแล้วอัตราเร่ง รวดเร็ว แรงบิดดี ในระยะยาวเครื่องยนต์ทนทานกว่า แต่จะขาดในเรื่องเดียวคือ อรรถรสในการขับ เช่นคนขับรถเร็ว ๆจะชอบฟังเสียงเครื่องรอบสูง แต่พอเป็นดีเซลมันไม่มีตรงนี้เข้ามา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะยังมีความแรง ความประหยัด พร้อมคงการขับขี่ที่สนุกสนาน สไตล์ มินิ ไว้อย่างครบถ้วน เพียงแต่งานนี้คุณคงต้องคิดหนักสักหน่อย เพราะราคาแต่ละรุ่นแพงกว่าเครื่องเบนซินมากโขอยู่


ส่วนเครื่องยนต์ของมินิ ดีเซล ....เริ่มจาก มินิ คูเปอร์ ดี ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด112 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ย 19.6 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนรุ่นคูเปอร์ เอสดี และมินิ คูเปอร์ เอสดี คูเป้ ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 305 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,700รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ย 18.9 กิโลเมตร / ลิตร มินิ คูเปอร์ ดี คันทรีแมน ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.9 กิโลเมตร/ลิตร ขณะที่มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรีแมน มีแรงม้ามากกว่า เป็น 143 ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 305 นิวตันเมตรที่ 1,750-2700 รอบต่อนาที อัตราการสิ้นเปลื้องน้ำมันเฉลี่ย 16.4 กิโลเมตรต่อลิตร










กำลังโหลดความคิดเห็น