xs
xsm
sm
md
lg

“โตโยต้า พริอุส ใหม่” เติมหรู-รักษ์โลกยิ่งขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ต้องบอกว่า... ค่ายโตโยต้าจัดหนักรถไฮบริดจริงๆ เพราะมีการเปิดตัวโฉมใหม่ไล่ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า คัมรี, พริอุส และรถนำเข้าโตโยต้า พริอุส ซี รวมถึงแบรนด์ในกลุ่มอย่างเลกซัส ซึ่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัวรุ่นอาร์เอ็กซ์ใหม่ออกมา แต่ครั้งนี้ขอพาไปสัมผัสกับ “โตโยต้า พริอุส ใหม่” ต้นฉบับสร้างชื่อรถไฮบริดของโตโยต้า ว่าได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?

โตโยต้า พริอุส ใหม่ สิ่งแรกที่มองเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันที คงต้องเป็นกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมกับไฟเลี้ยวด้านหน้าและไฟตัดหมอกทรงใหม่ ซึ่งโดยส่วนตัวชอบเวอร์ชั่นใหม่นี้มากกว่ารุ่นที่แล้ว เพราะนอกจากจะโฉบเฉี่ยวขึ้น ยังดูดุดันกว่าเดิม แต่กลมกลืนกับไฟหน้า LED ทรงเดิม เช่นเดียวกับไฟท้าย LED กรอบเดิม แต่เปลี่ยนลวดลายภายในใหม่ และเป็นธรรมดาของรุ่นไมเนอร์เชนจ์ หรือเวอร์ชั่นประจำปี แทบจะทุกยี่ห้อทุกรุ่น ที่จะต้องเปลี่ยนล้ออัลลอยลายใหม่

โดยพริอุสใหม่ได้มีการปรับเพิ่มทางเลือกใหม่ ด้วยการเพิ่มรุ่น “ท็อปออปชั่น” เข้ามา จากเดิมที่จะมีแค่รุ่นสแตนดาร์ด และรุ่นท็อป ซึ่งถือเป็นอีกไฮไลต์ของการแนะนำพริอุสใหม่ครั้งนี้ และโตโยต้าได้นำรุ่นท็อปออปชั่นนี้มาให้กับสื่อมวลชนได้ลองขับกัน...

แน่นอนรุ่นท็อปออปชั่นย่อมใส่อุปกรณ์ต่างๆ มาให้แบบจัดเต็ม แต่ที่เป็นความภาคภูมิใจของโตโยต้า เห็นจะเป็นเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม แผงโซลาร์บนหลังคารถแบบมูนรูฟ ซึ่งจะรับพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อใช้ในการทำงานของพัดลมระบายความร้อนออกจากห้องโดยสารขณะจอดกลางแดด ช่วยลดการทำงานของระบบปรับอากาศ ทำให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น


อีกจุดเด่นของพริอุสใหม่ในรุ่นท็อปออปชั่น เป็นระบบปรับอากาศเปิด-ปิดด้วยกุญแจรีโมท ซึ่งสามารถเปิดแอร์จากภายนอกรถได้ก่อนขึ้นรถ ช่วยให้ห้องโดยสารเย็นสบาย และไม่สิ้นเปลืองน้ำมัน เพราะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่

แต่ที่ทุกรุ่นทุกเกรดของพริอุสใหม่ ล้วนพกพาความทันสมัยมา ไม่แตกต่างจากเก๋งหรูระดับท็อปคลาสของเมอร์เซเดส-เบนซ์ หรือบีเอ็มดับเบิลยู เห็นจะเป็นข้อมูลการขับขี่และระบบนำทาง นอกจากแสดงผลที่จอ MID ยังแสดงบนบานกระจกหน้าตรงคนขับ แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็มองเห็นชัดเจน แต่หากรู้สึกรบกวนสายตาก็สามารถปิดได้

ในการให้สื่อมวลชนได้ลองขับพริอุส ใหม่ ทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้จัดเส้นทางครอบคลุมการใช้งาน ทั้งการขับขี่ในเมืองและไฮเวย์ โดยเริ่มจากโรงแรมเรเนซอง ถนนราชดำริ-พระราม4-สุขุมวิท71-รามคำแหง-ถนนนวมินทร์ รวมระยะทาง 27 กิโลเมตร

ช่วงแรกของการทดลองขับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” รับบทบาทเป็นผู้โดยสารเบาะหลัง ภายในห้องโดยสารกว้างขวางทีเดียว เบาะหลังมีระยะให้ยึดแข้งขาสบายๆ ช่องว่างหัวกับเพดานเหลือพื้นที่ให้ไม่อืดอัด ขนาดเบาะนั่งและความชันกำลังพอดีนั่งสบาย โดยในรุ่นท็อปออปชั่นมากับเบาะหนังสีดำ เช่นเดียวกับรุ่นท็อปเกรด และสิ่งที่เคยถูกต่อว่าในเรื่องเบาะนั่งคนขับปรับตำแหน่งด้วยก้านมือโยก คราวนี้โตโยต้าเปลี่ยนเป็นปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ทำให้ดูสมน้ำสมเนื้อหน่อย

คอนโซลหน้าและชิ้นส่วนบางชิ้นของพริอุสใหม่ ทำจากวัสดุรีไซเคิลจากพืช จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังสะดวกสบายกับระบบนำทาง พร้อมดีวีดีหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว(รุ่นท็อป 6.1 นิ้ว) และยังเป็นมอนิเตอร์ของกล้องหลัง ทำงานร่วมกับเกียร์ถอย ขณะที่เครื่องเล่นรองรับ CD 1 แผ่น/MP3, WMA ส่งความสุนทรีผ่านลำโพง JBL 8 จุด และยังรับอุปกรณ์ภายนอกกับช่อง AUX/USB และเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ ซึ่งทั้งหมดควบคุมบนพวงมาลัยได้


โตโยต้า พริอุส ใหม่ ยังมากับโหมดขับขี่ 3 แบบเช่นเดิม เป็นปุ่มให้เลือกอยู่บริเวณเหนือคันเกียร์ แยกเป็นโหมด EV หรือระบบไฟฟ้า ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า ในการใช้ที่ความเร็วต่ำไม่เกิน 50 กม./ชม. วิ่งได้ระยะทางประมาณ 2 กม. และอีกโหมดเรียกว่า ECO ซึ่งระบบจะเลือกใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างเหมาะสม เพื่อความประหยัดสูงสุด สุดท้ายเป็นโหมดทรงพลัง หรือ PWR ที่ระบบจะผสานกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างเต็มพิกัด เพื่อตอบสนองการขับขี่อย่างทันใจ

ขุมพลังของโตโยต้า พริอุส ใหม่ ยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร Atkinson Cycle 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT-i ให้กำลัง 99 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร โดยทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 82 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 207 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า E-CVT เมื่อผสานกำลังกันจึงรีดแรงม้าได้สูงสุด 136 ตัว

ช่วงทดลองขับในเมือง ด้วยโหมด ECO พบว่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันบนจอ MID อยู่ที่ 5.0 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กม. หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 20 กม./ลิตร

หลังจากนั้นใช้เส้นทางไฮเวย์มุ่งสู่พัทยา โดยได้แวะพักดื่มน้ำ-ชา-กาแฟที่จุดพักทางของมอเตอร์เวย์ และเมื่อกลับมาบนรถท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง ภายในห้องโดยสารไม่ได้รู้สึกร้อนมากนัก แม้จะไม่ใช้รีโมทเปิดเครื่องปรับอากาศจากภายนอกรถ นั่นน่าจะเป็นผลมาจากระบบระบายอากาศอัตโนมัติจากพลังงานแสดงอาทิตย์

ในการขับช่วงนี้มีการสลับมาใช้โหมดพาวเวอร์ด้วย โดยขับในแบบของผู้ใช้รถทั่วไป หรือเฉลี่ยความเร็วอยู่ที่ประมาณ 120 กม./ชม. จนถึงพัทยาเมื่อดูอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากจอ MID อยู่ที่ 5.2 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กม. หรืออยู่ที่ 19.23 กม./ลิตร

เช้าของอีกวันขากลับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” รับหน้าที่เป็นโชเฟอร์ตลอดการเดินทาง โดยใช้เส้นทางสุขุมวิทผ่านตลาดหนองมน ขึ้นทางด่วนชลบุรี-บางนากลับโรงแรมเรเนซองเช่นเดิม ช่วงแรกใช้โหมด ECO รู้สึกไม่ค่อยได้ดังใจเท่าไหร่ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการเลือกใช้กำลังของระบบ โดยนึกถึงความประหยัดไว้ก่อน แต่ถ้าขับสบายๆ ไม่ได้เร่งแซง หรือให้ปรู๊ดปร๊าดมากนัก นับว่าใช้ได้ไม่ถึงกับน่าเกลียด ความเร็วที่วิ่งในช่วงนี้อยู่ที่ 100-120 กม./ชม. จอแสดงอัตราสิ้นเปลืองตลอดการเดินทางแต่แรก อยู่ที่ประมาณ 5.2 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กม.

จากนั้นลองเข้าสู่โหมดใช้พลังบ้าง ระบบตอบสนองตามความต้องการทันที ความเร็วไหลลื่นดีขึ้นชัดเจน และการเร่งแซงทันใจ เกียร์ไฟฟ้าทำงานสัมพันธ์กันดี และให้ความนุ่มนวลไม่กระตุก จากการจับเวลา 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ประมาณ 11 วินาที ใกล้เคียงกับข้อมูลของโตโยต้า 10 วินาทีเศษๆ และทำความไหลขึ้นไป 140 กม./ชม.ได้แบบเนียนๆ ก่อนจะถูกเตือนอย่าให้เกินความเร็วกฎหมายนัก จึงลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 120 กม./ชม.

สิ่งที่ชอบในพริอุสอีกอย่าง เห็นจะเป็นเรื่องพวงมาลัย ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะเบาและไว แต่พบว่าน้ำหนักกำลังดี และแม่นยำ ยิ่งสะท้อนผ่านช่วงล่างที่หนึบและเสถียร ทำให้พวงมาลัยนิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างดี ส่วนระบบความปลอดภัยมีมาให้ครบไม่ต่างจากรถหรูทั่วไป

เมื่อจบการทดลองขับ ปรากฏว่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยบนหน้าจอ 4.9 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร หรือ 20.40 กม./ลิตร โดยข้อมูลของโตโยต้าระบุว่าพริอุสใหม่ ทำอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 22 กม./ลิตร

สรุป โตโยต้า พริอุส เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองและวิ่งทางไกลทีเดียว ที่สำคัญยังรักษ์โลกมากยิ่งขึ้น กับเทคโนโลยีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ใส่เพิ่มเข้ามา แต่นั่นต้องแลกกับค่าตัวในรุ่นท็อปออปชั่น 1.369 ล้านบาท ขณะที่รุ่นท็อปมีค่าตัว 1.299 ล้านบาท และรุ่นสแตนดาร์ด 1.199 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น