ข่าวในประเทศ - เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ “จีเอ็ม” สวนทางค่ายอื่นบอกกำลังการผลิตปิกอัพ เชฟโรเลตโคโลราโดไม่ใช่ปัญหา แต่ติดเรื่องการขนส่งเพราะขาดเทรลเลอร์บรรทุกรถใหม่จากโรงงานไปยังโชว์รูม วอนรัฐแก้กฎหมายให้นำเข้าเทรลเลอร์จากต่างประเทศมาวิ่งทดแทนได้ แต่เชื่อรถใหม่โดนใจลูกค้าหลังผ่านไตรมาสแรกทำยอดขายกว่า 15,000 คัน โต 126% หวังเป้าทั้งปี 80,000 คัน
มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโลเลต เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด ในเครือจีเอ็ม(GM) เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ไทยไตรมาสแรก (ม.ค.- มี.ค.2555)ทำยอดขายได้ 258,368 คัน เติบโต 8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในจำนวนนี้เป็นของเชฟโรเลต 15,303 คัน เติบโต 126% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่สูงกว่าตลาด
“หลังผ่านไตรมาสแรกเชฟโรเลตทำยอดขายสูงถึง15,303 คัน เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 2.8% เป็น 5.9% ขณะที่การเติบโต 126% ถือเป็นอัตราสูงที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งปัจจัยความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้า อย่างปิกอัพโคโลราโด ที่ได้รับความนิยมอย่างมากด้วยยอดขาย 7,918 คัน ส่วนเอสยูวีแคปติวา 3,032 คัน”
สำหรับเชฟโรเลต แคปติวา มีส่วนแบ่งในตลาดเอสยูวีสูงถึง 80% ที่สำคัญยังมียอดค้างส่งมอบ 2-3 เดือน ขณะที่ปิกอัพโคโลราโด บริษัทเร่งการผลิตอย่างเต็มที่เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ช่วงเดือนพฤษภาคมบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล ที่โรงงานจังหวัดระยองอีก 30-40%
นายแอพเฟล กล่าวว่า แม้บริษัทจะมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิตอยู่บ้าง แต่ก็เป็นปัญหาเหมือนกันทุกบริษัท และที่ผ่านมาได้ส่งวิศวกรเข้าไปมีส่วนร่วมและช่วยเหลือผู้ผลิตชิ้นสวนอย่างเต็มที่ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้แน่นอน แต่ประเด็นที่ใหญ่กว่าคือเรื่องโลจิสติกส์ เพราะทุกวันนี้บริษัทขาดแคลนรถเทรลเลอร์ในการบรรทุกรถยนต์ออกมาจากโรงงานผลิต เพื่อส่งไปยังโชว์รูมทั่วประเทศ
“ปัญหาคือรถเทรลเลอร์ใช้ขนรถยนต์เชฟโรเลตไปส่งโชว์รูมมีไม่เพียงพอ ซึ่งจริงๆแล้วเรามีรถพร้อมอยู่ที่อินโดนีเซีย แต่ติดกฎหมายของไทยที่ไม่อนุญาติให้นำเข้ารถเทรลเลอร์มาจากต่างประเทศเพื่อวิ่งทดแทน ประเด็นนี้อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแล เพราะหากแก้ไขได้จะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่ง”
อย่างไรก็ตามในส่วนของยอดขายรวมปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ 80,000 คัน จากตลาดรวม 950,000 คัน ขณะที่การส่งออก หลังจากบริษัทเริ่มส่งปิกอัพโคโลราโด ไปยังอินโดนีเซียและมาเลเซียแล้ว แต่วันที่ 23 เมษายนนี้เป็นต้นไปจะขยายไปยังประเทศนอกกลุ่มอาเซียน เช่นเดียวกับเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์จะเริ่มส่งออกกลางปีนี้เป็นต้นไป
ในส่วนประเด็นการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ที่จะจัดเก็บตามการปล่อยไอเสีย ซึ่งล่าสุดกระทรวงการคลังยังไม่ได้ข้อสรุป และขยายเวลาบังคับใช้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยนายแอพเฟลกล่าวว่า โครงสร้างภาษีใหม่ถือเป็นเรื่องดีของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลพร้อมฟังความคิดเห็นของผู้ผลิตรถยนต์ และยืดเวลาตัดสินรายละเอียดต่างๆออกไป เพื่อความแน่นอนนับเป็นเรื่องน่ายินดี ส่วนข่าวลือเรื่องการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตของปิกอัพนั้น บริษัทยังไม่ได้รับรายงานแต่ถ้ามีการปรับจริงๆคงไม่ใช่ข่าวดีของคนใช้รถเช่นกัน
มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโลเลต เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด ในเครือจีเอ็ม(GM) เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ไทยไตรมาสแรก (ม.ค.- มี.ค.2555)ทำยอดขายได้ 258,368 คัน เติบโต 8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในจำนวนนี้เป็นของเชฟโรเลต 15,303 คัน เติบโต 126% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่สูงกว่าตลาด
“หลังผ่านไตรมาสแรกเชฟโรเลตทำยอดขายสูงถึง15,303 คัน เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 2.8% เป็น 5.9% ขณะที่การเติบโต 126% ถือเป็นอัตราสูงที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งปัจจัยความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้า อย่างปิกอัพโคโลราโด ที่ได้รับความนิยมอย่างมากด้วยยอดขาย 7,918 คัน ส่วนเอสยูวีแคปติวา 3,032 คัน”
สำหรับเชฟโรเลต แคปติวา มีส่วนแบ่งในตลาดเอสยูวีสูงถึง 80% ที่สำคัญยังมียอดค้างส่งมอบ 2-3 เดือน ขณะที่ปิกอัพโคโลราโด บริษัทเร่งการผลิตอย่างเต็มที่เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ช่วงเดือนพฤษภาคมบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล ที่โรงงานจังหวัดระยองอีก 30-40%
นายแอพเฟล กล่าวว่า แม้บริษัทจะมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิตอยู่บ้าง แต่ก็เป็นปัญหาเหมือนกันทุกบริษัท และที่ผ่านมาได้ส่งวิศวกรเข้าไปมีส่วนร่วมและช่วยเหลือผู้ผลิตชิ้นสวนอย่างเต็มที่ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้แน่นอน แต่ประเด็นที่ใหญ่กว่าคือเรื่องโลจิสติกส์ เพราะทุกวันนี้บริษัทขาดแคลนรถเทรลเลอร์ในการบรรทุกรถยนต์ออกมาจากโรงงานผลิต เพื่อส่งไปยังโชว์รูมทั่วประเทศ
“ปัญหาคือรถเทรลเลอร์ใช้ขนรถยนต์เชฟโรเลตไปส่งโชว์รูมมีไม่เพียงพอ ซึ่งจริงๆแล้วเรามีรถพร้อมอยู่ที่อินโดนีเซีย แต่ติดกฎหมายของไทยที่ไม่อนุญาติให้นำเข้ารถเทรลเลอร์มาจากต่างประเทศเพื่อวิ่งทดแทน ประเด็นนี้อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแล เพราะหากแก้ไขได้จะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่ง”
อย่างไรก็ตามในส่วนของยอดขายรวมปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ 80,000 คัน จากตลาดรวม 950,000 คัน ขณะที่การส่งออก หลังจากบริษัทเริ่มส่งปิกอัพโคโลราโด ไปยังอินโดนีเซียและมาเลเซียแล้ว แต่วันที่ 23 เมษายนนี้เป็นต้นไปจะขยายไปยังประเทศนอกกลุ่มอาเซียน เช่นเดียวกับเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์จะเริ่มส่งออกกลางปีนี้เป็นต้นไป
ในส่วนประเด็นการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ที่จะจัดเก็บตามการปล่อยไอเสีย ซึ่งล่าสุดกระทรวงการคลังยังไม่ได้ข้อสรุป และขยายเวลาบังคับใช้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยนายแอพเฟลกล่าวว่า โครงสร้างภาษีใหม่ถือเป็นเรื่องดีของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลพร้อมฟังความคิดเห็นของผู้ผลิตรถยนต์ และยืดเวลาตัดสินรายละเอียดต่างๆออกไป เพื่อความแน่นอนนับเป็นเรื่องน่ายินดี ส่วนข่าวลือเรื่องการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตของปิกอัพนั้น บริษัทยังไม่ได้รับรายงานแต่ถ้ามีการปรับจริงๆคงไม่ใช่ข่าวดีของคนใช้รถเช่นกัน