ข่าวในประเทศ-เชฟโรเลต ประเทศไทย เผยยอดจำหน่ายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเหนือกว่าอุตสาหกรรมในภาพรวม ด้วยตัวเลขกว่า 4,300 คัน คิดเป็นอัตราเติบโต 58% มากที่สุดนับตั้งตั้งแต่เชฟโรเลตทำตลาดในประเทศไทย ขณะที่ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราเติบโต 46% ด้วยตัวเลขรวม 42,297 คัน
อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อัตราเติบโตของเชฟโรเลตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทะลุเป้าในทุกรุ่น โดยเฉพาะเชฟโรเลต แคปติวา ที่มียอดจำหน่ายดีเยี่ยม หลังจากเปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 คัน ภายในสิ้นปีที่ผ่านมา และทำผลงานได้ทะลุเป้า โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว มียอดขายมากกว่า 1,500 คัน ขณะที่ครูซ และแคปติวา รุ่นฉลองครบรอบ 100 ปีหรือเซนเทนเนียล เอดิชั่น ก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี หลังจากบริษัทฯ แนะนำสู่สาธารณชนครั้งแรกที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป
“ขณะที่เชฟวี่ โคโลราโด ใหม่ ยังได้รับเสียงเรียกร้องอย่างท่วมท้นจากลูกค้าเช่นกัน โดยในเดือนธันวาคม เราได้รับยอดจองล่วงหน้ามากถึง 2,000 คัน คาดว่าเราจะทำลายสถิติยอดขายลงได้เมื่อเราส่งมอบรถได้เต็มกำลังในช่วงเดือนมกราคมนี้” อันโตนิโอ ซาร่า กล่าวเพิ่มเติม
ตัวเลขยอดจำหน่ายที่พุ่งทะยานดังกล่าว ทำให้เชฟโรเลต ประเทศไทย มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 8% ในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 122% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
เชฟโรเลต คาดว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จะฟื้นตัวจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว กลับมาเติบโตอีกครั้ง และจะมียอดจำหน่ายรวมสูงสุดอยู่ที่ 950,000 คัน อย่างไรก็ตาม ความต้องการซื้อรถหลังจากน้ำท่วมอาจจะช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายให้เหนือกว่าการคาดการณ์ของอุตสาหกรรม
“เรายังมีอัตราเติบโตมากขึ้นในทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในตลาดที่มีความสำคัญอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์” อันโตนิโอ ซาร่า กล่าว
“พนักงานเชฟโรเลตทุกคน ทำงานอย่างหนักในรอบปีที่ผ่านมา และได้รับผลตอบแทนคือความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากลูกค้า เราเติบโตได้รวดเร็วกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในตลาดที่ใหญ่ที่สุด เรามีอัตราเติบโตเหนือกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ถึง 80 เท่า ขณะที่ในปีนี้ เรายังมีแผนงานที่น่าตื่นเต้น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายรายใหม่ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย พร้อมกับมุ่งเน้นการดำเนินงานโดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากขึ้นในทุกประเทศ” มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
“เราปิดท้ายปี 2554 ด้วยความสำเร็จอันงดงาม แน่นอนว่าในปี 2555 นี้ เราจะเดินหน้าต่อไปพร้อมเป้าหมายการทำสถิติยอดขายใหม่ต่อไป”
มาเลเซีย มีอัตราเติบโตนับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคมก้าวกระโดดถึง 126% ต่างจากอุตสาหกรรมโดยรวมที่ชะลอตัวติดลบ 1% ขณะที่ยอดจำหน่ายของเชฟโรเลตในเดือนธันวาคม นับว่ามากที่สุดตั้งแต่นาซ่า เควสต์ เข้ามาเป็นผู้จำหน่ายรถเชฟโรเลต อย่างเป็นทางการในมาเลเซีย โดยมีตัวเลขเติบโตอยู่ที่ 143% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ในฟิลิปปินส์ เชฟโรเลต มีอัตราเติบโตมากกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศเช่นกัน ด้วยสัดส่วน 37% ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัวติดลบ 3% โดยในเดือนธันวาคม เชฟโรเลต ทำสถิติยอดขายสูงสุด มีอัตราขยายตัว 57% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีกลาย
อินโดนีเซีย มีอัตราขยายตัว 3% ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์เติบโต 12% โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เชฟโรเลต อินโดนีเซีย ทำผลงานได้ดีเยี่ยมด้วยสัดส่วนเติบโต 66%
อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อัตราเติบโตของเชฟโรเลตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทะลุเป้าในทุกรุ่น โดยเฉพาะเชฟโรเลต แคปติวา ที่มียอดจำหน่ายดีเยี่ยม หลังจากเปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 คัน ภายในสิ้นปีที่ผ่านมา และทำผลงานได้ทะลุเป้า โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว มียอดขายมากกว่า 1,500 คัน ขณะที่ครูซ และแคปติวา รุ่นฉลองครบรอบ 100 ปีหรือเซนเทนเนียล เอดิชั่น ก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี หลังจากบริษัทฯ แนะนำสู่สาธารณชนครั้งแรกที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป
“ขณะที่เชฟวี่ โคโลราโด ใหม่ ยังได้รับเสียงเรียกร้องอย่างท่วมท้นจากลูกค้าเช่นกัน โดยในเดือนธันวาคม เราได้รับยอดจองล่วงหน้ามากถึง 2,000 คัน คาดว่าเราจะทำลายสถิติยอดขายลงได้เมื่อเราส่งมอบรถได้เต็มกำลังในช่วงเดือนมกราคมนี้” อันโตนิโอ ซาร่า กล่าวเพิ่มเติม
ตัวเลขยอดจำหน่ายที่พุ่งทะยานดังกล่าว ทำให้เชฟโรเลต ประเทศไทย มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 8% ในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 122% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
เชฟโรเลต คาดว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จะฟื้นตัวจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว กลับมาเติบโตอีกครั้ง และจะมียอดจำหน่ายรวมสูงสุดอยู่ที่ 950,000 คัน อย่างไรก็ตาม ความต้องการซื้อรถหลังจากน้ำท่วมอาจจะช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายให้เหนือกว่าการคาดการณ์ของอุตสาหกรรม
“เรายังมีอัตราเติบโตมากขึ้นในทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในตลาดที่มีความสำคัญอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์” อันโตนิโอ ซาร่า กล่าว
“พนักงานเชฟโรเลตทุกคน ทำงานอย่างหนักในรอบปีที่ผ่านมา และได้รับผลตอบแทนคือความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากลูกค้า เราเติบโตได้รวดเร็วกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในตลาดที่ใหญ่ที่สุด เรามีอัตราเติบโตเหนือกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ถึง 80 เท่า ขณะที่ในปีนี้ เรายังมีแผนงานที่น่าตื่นเต้น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายรายใหม่ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย พร้อมกับมุ่งเน้นการดำเนินงานโดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากขึ้นในทุกประเทศ” มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
“เราปิดท้ายปี 2554 ด้วยความสำเร็จอันงดงาม แน่นอนว่าในปี 2555 นี้ เราจะเดินหน้าต่อไปพร้อมเป้าหมายการทำสถิติยอดขายใหม่ต่อไป”
มาเลเซีย มีอัตราเติบโตนับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคมก้าวกระโดดถึง 126% ต่างจากอุตสาหกรรมโดยรวมที่ชะลอตัวติดลบ 1% ขณะที่ยอดจำหน่ายของเชฟโรเลตในเดือนธันวาคม นับว่ามากที่สุดตั้งแต่นาซ่า เควสต์ เข้ามาเป็นผู้จำหน่ายรถเชฟโรเลต อย่างเป็นทางการในมาเลเซีย โดยมีตัวเลขเติบโตอยู่ที่ 143% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ในฟิลิปปินส์ เชฟโรเลต มีอัตราเติบโตมากกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศเช่นกัน ด้วยสัดส่วน 37% ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัวติดลบ 3% โดยในเดือนธันวาคม เชฟโรเลต ทำสถิติยอดขายสูงสุด มีอัตราขยายตัว 57% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีกลาย
อินโดนีเซีย มีอัตราขยายตัว 3% ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์เติบโต 12% โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เชฟโรเลต อินโดนีเซีย ทำผลงานได้ดีเยี่ยมด้วยสัดส่วนเติบโต 66%