ข่าวในประเทศ- จีเอ็ม ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศเปิดศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลมูลค่า 6,000 ล้านบาท (200 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในจังหวัดระยอง เพื่อเสริมศักยภาพการผลิตร่วมกับศูนย์การผลิตรถยนต์ของจีเอ็มที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลงทุนที่มีมูลค่าสูงสุดของ จีเอ็ม ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายมาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จีเอ็มมีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตและขยายการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นไปตามปณิธานที่ให้ไว้ นั่นคือ การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทรงประสิทธิภาพ และเปี่ยมด้วยสมรรถนะเพื่อลูกค้าของเราจึงดำเนินการเปิดศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลขึ้นในประเทศไทย
“การผลิตเครื่องยนต์ในประเทศไทย ตอกย้ำคำมั่นของเราที่ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมการเติบโตของจีเอ็มในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป ขณะเดียวกัน ยังเป็นสัญญาณที่ดีที่ชี้ว่าอุตสาหกรรมภายในประเทศมีประสิทธิภาพ และเรามีความเชื่อมั่นอย่างมาก”
ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งนี้มีพื้นที่ 54,275 ตารางเมตรหรือราว 34 ไร่ นับเป็นศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นแห่งแรกในโลกที่จะผลิตเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ใหม่ล่าสุดในตระกูลดูราแมกซ์ (Duramax)
ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 120,000 เครื่องยนต์ต่อปี ศูนย์การผลิตฯ ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่สามารถรองรับการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตสำหรับใช้ในยานยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย และส่งออกไปในอีกหลายประเทศทั่วโลก จีเอ็ม คาดการณ์ว่า ภายในปี 2555 จะสามารถสร้างเม็ดเงินได้ราว 2,800 ล้านบาท (94 ล้านเหรียญสหรัฐ) จากการใช้ชิ้นส่วนและการบริการที่เกี่ยวข้องภายในประเทศเพื่อการผลิตเครื่องยนต์รุ่นนี้
เครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกที่ออกจากสายการผลิตจะถูกติดตั้งอยู่ในรถกระบะเชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาด้านวิศวกรรม และผลิตโดยศูนย์การผลิตรถยนต์ของจีเอ็ม ในจังหวัดระยองแห่งนี้เช่นกัน
ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลของจีเอ็มแห่งนี้ เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อการเติบโตและก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยก่อนหน้านี้ จีเอ็ม ได้ประกาศการลงทุนมูลค่า 4,500 ล้านบาท (150 ล้านเหรียญฯ) เพื่อเปิดดำเนินการศูนย์การผลิตรถยนต์เบกาซี ในอินโดนีเซียอีกครั้ง รองรับการผลิตรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การผลิตด้วยเทคโนโลยีก้าวล้ำ
ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งนี้จะดำเนินงานด้วยพนักงานจำนวน 500 คนภายในสิ้นปีนี้ ทำการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ผสมผสานระบบคอมพิวเตอร์และเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง เพื่อคุณภาพที่ดีเยี่ยม ขณะเดียวกัน ยังมีความสามารถผลิตเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตรสลับกันได้ตามความต้องการของตลาดในขณะนั้น
ศูนย์การผลิตฯ แห่งนี้ ยังใช้เทคโนโลยีควบคุมให้ปราศจากฝุ่นละออง และควบคุมอุณหภูมิและความชื้นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมอย่างสูงสุดต่อการทำงาน
นอกจากนี้ จีเอ็ม ประเทศไทย ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งการดำเนินงานของศูนย์การผลิตฯ ซึ่งรวมถึงการใช้ระบบแสงไฟที่ประหยัดพลังงานกว่าเดิม 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระบบทั่วไป
ก่อนหน้าการเปิดศูนย์การผลิตฯอย่างเป็นทางการ จีเอ็ม ได้ทดสอบการผลิตอย่างเข้มข้นเป็นระยะเวลากว่า 9 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถผลิตเครื่องยนต์ตามมาตรฐานสูงสุดที่วางไว้ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดดำเนินการ
“ดูราแมกซ์” ที่สุดแห่งเทคโนโลยีดีเซล
เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลดูราแมกซ์ ใช้ฝาสูบอลูมิเนียม เพลาราวลิ้นเหนือฝาสูบ พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ เพียบพร้อมด้วยคุณภาพและความทนทานสูงสุด
ไม่เพียงจะได้รับการพัฒนาให้มีแรงบิดสูงสุดในเครื่องยนต์ระดับเดียวกัน รวมทั้งทนทาน และประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ 4 สูบรุ่นนี้ ยังผ่านการทดสอบอย่างถึงขีดสุดในทุกสภาวะการขับขี่ ทั้งในแอฟริกา เอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียยูโร 4 และรองรับทั้งระบบเคลื่อนสองล้อหน้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร ยังผ่านกระบวนการพัฒนาและทดสอบแบบเดียวกันกับเครื่องยนต์ดูราแมกซ์ เทอร์โบดีเซลขนาด 6.6 ลิตรที่จำหน่ายอยู่ในอเมริกาเหนือเวลานี้ มีความโดดเด่นที่สมรรถนะอันยอดเยี่ยม พร้อมกับมีชื่อเสียงในด้านความทนทาน และรองรับการใช้งานในทุกสภาวะ โดยมียอดจำหน่ายนับตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบันรวมทั้งหมดถึง 1.3 ล้านเครื่อง
ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งนี้ ทำให้เม็ดเงินลงทุนในประเทศไทยของจีเอ็ม นับตั้งแต่ปี 2541 มีจำนวนทั้งหมดอยู่ที่ 39,000 ล้านบาท (1,300 ล้านเหรียญฯ)
นายมาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จีเอ็มมีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตและขยายการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นไปตามปณิธานที่ให้ไว้ นั่นคือ การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทรงประสิทธิภาพ และเปี่ยมด้วยสมรรถนะเพื่อลูกค้าของเราจึงดำเนินการเปิดศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลขึ้นในประเทศไทย
“การผลิตเครื่องยนต์ในประเทศไทย ตอกย้ำคำมั่นของเราที่ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมการเติบโตของจีเอ็มในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป ขณะเดียวกัน ยังเป็นสัญญาณที่ดีที่ชี้ว่าอุตสาหกรรมภายในประเทศมีประสิทธิภาพ และเรามีความเชื่อมั่นอย่างมาก”
ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งนี้มีพื้นที่ 54,275 ตารางเมตรหรือราว 34 ไร่ นับเป็นศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นแห่งแรกในโลกที่จะผลิตเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ใหม่ล่าสุดในตระกูลดูราแมกซ์ (Duramax)
ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 120,000 เครื่องยนต์ต่อปี ศูนย์การผลิตฯ ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่สามารถรองรับการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตสำหรับใช้ในยานยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย และส่งออกไปในอีกหลายประเทศทั่วโลก จีเอ็ม คาดการณ์ว่า ภายในปี 2555 จะสามารถสร้างเม็ดเงินได้ราว 2,800 ล้านบาท (94 ล้านเหรียญสหรัฐ) จากการใช้ชิ้นส่วนและการบริการที่เกี่ยวข้องภายในประเทศเพื่อการผลิตเครื่องยนต์รุ่นนี้
เครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกที่ออกจากสายการผลิตจะถูกติดตั้งอยู่ในรถกระบะเชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาด้านวิศวกรรม และผลิตโดยศูนย์การผลิตรถยนต์ของจีเอ็ม ในจังหวัดระยองแห่งนี้เช่นกัน
ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลของจีเอ็มแห่งนี้ เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อการเติบโตและก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยก่อนหน้านี้ จีเอ็ม ได้ประกาศการลงทุนมูลค่า 4,500 ล้านบาท (150 ล้านเหรียญฯ) เพื่อเปิดดำเนินการศูนย์การผลิตรถยนต์เบกาซี ในอินโดนีเซียอีกครั้ง รองรับการผลิตรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การผลิตด้วยเทคโนโลยีก้าวล้ำ
ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งนี้จะดำเนินงานด้วยพนักงานจำนวน 500 คนภายในสิ้นปีนี้ ทำการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ผสมผสานระบบคอมพิวเตอร์และเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง เพื่อคุณภาพที่ดีเยี่ยม ขณะเดียวกัน ยังมีความสามารถผลิตเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตรสลับกันได้ตามความต้องการของตลาดในขณะนั้น
ศูนย์การผลิตฯ แห่งนี้ ยังใช้เทคโนโลยีควบคุมให้ปราศจากฝุ่นละออง และควบคุมอุณหภูมิและความชื้นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมอย่างสูงสุดต่อการทำงาน
นอกจากนี้ จีเอ็ม ประเทศไทย ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งการดำเนินงานของศูนย์การผลิตฯ ซึ่งรวมถึงการใช้ระบบแสงไฟที่ประหยัดพลังงานกว่าเดิม 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระบบทั่วไป
ก่อนหน้าการเปิดศูนย์การผลิตฯอย่างเป็นทางการ จีเอ็ม ได้ทดสอบการผลิตอย่างเข้มข้นเป็นระยะเวลากว่า 9 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถผลิตเครื่องยนต์ตามมาตรฐานสูงสุดที่วางไว้ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดดำเนินการ
“ดูราแมกซ์” ที่สุดแห่งเทคโนโลยีดีเซล
เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลดูราแมกซ์ ใช้ฝาสูบอลูมิเนียม เพลาราวลิ้นเหนือฝาสูบ พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ เพียบพร้อมด้วยคุณภาพและความทนทานสูงสุด
ไม่เพียงจะได้รับการพัฒนาให้มีแรงบิดสูงสุดในเครื่องยนต์ระดับเดียวกัน รวมทั้งทนทาน และประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ 4 สูบรุ่นนี้ ยังผ่านการทดสอบอย่างถึงขีดสุดในทุกสภาวะการขับขี่ ทั้งในแอฟริกา เอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียยูโร 4 และรองรับทั้งระบบเคลื่อนสองล้อหน้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร ยังผ่านกระบวนการพัฒนาและทดสอบแบบเดียวกันกับเครื่องยนต์ดูราแมกซ์ เทอร์โบดีเซลขนาด 6.6 ลิตรที่จำหน่ายอยู่ในอเมริกาเหนือเวลานี้ มีความโดดเด่นที่สมรรถนะอันยอดเยี่ยม พร้อมกับมีชื่อเสียงในด้านความทนทาน และรองรับการใช้งานในทุกสภาวะ โดยมียอดจำหน่ายนับตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบันรวมทั้งหมดถึง 1.3 ล้านเครื่อง
ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งนี้ ทำให้เม็ดเงินลงทุนในประเทศไทยของจีเอ็ม นับตั้งแต่ปี 2541 มีจำนวนทั้งหมดอยู่ที่ 39,000 ล้านบาท (1,300 ล้านเหรียญฯ)