“จีเอ็ม” ประกาศรุกรถยนต์ใช้พลังงานทดแทน เผยมีแผนพัฒนารถให้ใช้น้ำมันอี85 ให้ครบทุกรุ่นในไทย และเสนอให้ภาครัฐมองไปถึงน้ำมันอี100 ยืนยันจีเอ็มมีความพร้อมที่จะผลิตได้ทันที หลังล่าสุดเปิดตัว “เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่” เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร รองรับน้ำมันอี85 มั่นใจฟันยอด 3,000 คัน ผลักดันยอดรวมปีนี้พุ่ง 4.5-5.0 หมื่นคัน จากตลาดรวมที่มองโลกแง่ดีพุ่งสูงสุด 9.2 แสนคัน
นายมาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส(ประเทศไทย) หรือจีเอ็ม(GM) และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัวเชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ในวันนี้(23 มิ.ย.) ถือเป็นการแนะนำรถยนต์ใช้พลังงานเชื้อเพลิงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85(E85) ของจีเอ็มสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยในเรื่องการประหยัดให้กับผู้บริโภค และสนับสนุนนโยบายพลังงานทดแทนตามนโยบายรัฐบาลไทย
“เราให้ความสำคัญกับเรื่องของพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ หรือซีเอ็นจี (CNG) และน้ำมันเชื้อเพลิงอี85 ซึ่งหากเป็นไปได้จีเอ็มมีแผนที่จะผลักดันให้รถเชฟโรเลตเครื่องยนต์เบนซินในไทยทุกรุ่น สามารถใช้น้ำมันอี85 ได้ พร้อมกับอยากจะเสนอให้ภาครัฐ หรือทุกภาคส่วนมองไปที่น้ำมัน อี100 (E100) ด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้เหตุผลที่จีเอ็มให้ความสำคัญกับรถพลังงานทดแทน โดยเฉพาะรถยนต์ใช้น้ำมันอี85 เพราะถือเป็นพลังงานที่มีราคาประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังเป็นพลังงานที่มาจากพืชเกษตร ซึ่งประเทศไทยสามารถผลิตได้เองและมีปริมาณมากอยู่แล้ว ที่สำคัญช่วยยกระดับราคาสินค้าให้กับเกษตรกรไทย ลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ทำให้เงินหมุนเวียนภายในประเทศ และมีความมั่นคงด้านพลังงาน
นายแอพเฟลกล่าวว่า จากความสำคัญของพลังงานทดแทน ทำให้จีเอ็มพร้อมที่จะผลิตรถยนต์ออกมารองรับ แต่จีเอ็มต้องการให้บริษัทน้ำมันเพิ่มจำนวนสถานีบริการมากกว่านี้ โดยปัจจุบันมีปั๊มที่สามารถเติมน้ำมันอี85 อยู่เพียง 23 สถานี ขณะที่สถานีบริการก๊าซซีเอ็นจีของปตท.หายไปจากแผนที่วางไว้ 100 สถานี ดังนั้นจึงอยากจะให้ปตท.เร่งดำเนินการขยายสถานีให้มากกว่านี้และเป็นไปตามแผนโดยเร็ว
“จีเอ็มพร้อมที่จะผลิตรถยนต์ใช้พลังงานทดแทนออกมารองรับ และปัจจุบันเราได้มีการผลิตรถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอี100 ที่ประเทศบราซิลอยู่แล้ว ซึ่งการปรับเทคโนโลยีรับน้ำมันอี85 มาเป็นน้ำมันอี100 ไม่ยากเหมือนกับการพัฒนาจากรถใช้น้ำมันอี10-20 มาเป็นรถใช้น้ำมันอี85 ดังนั้นหากมีการผลักดันน้ำมันอี100 โดยเร็วจะส่งผลดีกับประเทศไทย ส่วนรัฐบาลไทยจะพร้อมเมื่อไหร่ คงไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่จีเอ็มยืนยันพร้อมที่จะผลิตได้ทันที หรือใช้เวลาพัฒนาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น” นายแอพเฟลกล่าวและว่า
สำหรับการเปิดตัวเชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร รองรับเชื้อเพลิงน้ำมันอี85 มีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ภายใน สมรรถนะ และเทคโนโลยีต่างๆ ให้ก้าวล้ำไปอีกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกมือไฟฟ้า ติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางเนวิกเกเตอร์ และระบบเครื่องเสียงแบบ 3 มิติ พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่
นายแอพเฟลกล่าวว่า เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ มีราคาเริ่มต้น 1,198,000 บาท และสูงสุด 1,580,000 บาท หรือปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 30,000 บาท และช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลตามออกมาอีกรุ่น ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายแคปติวาใหม่จนถึงสิ้นปีประมาณ 3,000 คัน หรือรวมกับรุ่นปัจจุบันมียอดขายทั้งปี 4,500- 5,000 คัน
“ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 9.2 แสนคัน เพราะแม้จะมีปัญหาผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิในไตรมาสสอง อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น หรือความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่แนวโน้มเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยยังสดใส จึงเชื่อว่าตลาดรถไทยจะขยายตัวต่อเนื่อง และในส่วนของจีเอ็มตั้งเป้าหมายการขายรถยนต์เชฟโรเลตในไทยปีนี้ 45,000-50,000 คัน และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 2 เท่าตัว”นายแอพเฟลกล่าว
นายมาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส(ประเทศไทย) หรือจีเอ็ม(GM) และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัวเชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ในวันนี้(23 มิ.ย.) ถือเป็นการแนะนำรถยนต์ใช้พลังงานเชื้อเพลิงน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85(E85) ของจีเอ็มสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยในเรื่องการประหยัดให้กับผู้บริโภค และสนับสนุนนโยบายพลังงานทดแทนตามนโยบายรัฐบาลไทย
“เราให้ความสำคัญกับเรื่องของพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ หรือซีเอ็นจี (CNG) และน้ำมันเชื้อเพลิงอี85 ซึ่งหากเป็นไปได้จีเอ็มมีแผนที่จะผลักดันให้รถเชฟโรเลตเครื่องยนต์เบนซินในไทยทุกรุ่น สามารถใช้น้ำมันอี85 ได้ พร้อมกับอยากจะเสนอให้ภาครัฐ หรือทุกภาคส่วนมองไปที่น้ำมัน อี100 (E100) ด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้เหตุผลที่จีเอ็มให้ความสำคัญกับรถพลังงานทดแทน โดยเฉพาะรถยนต์ใช้น้ำมันอี85 เพราะถือเป็นพลังงานที่มีราคาประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังเป็นพลังงานที่มาจากพืชเกษตร ซึ่งประเทศไทยสามารถผลิตได้เองและมีปริมาณมากอยู่แล้ว ที่สำคัญช่วยยกระดับราคาสินค้าให้กับเกษตรกรไทย ลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ทำให้เงินหมุนเวียนภายในประเทศ และมีความมั่นคงด้านพลังงาน
นายแอพเฟลกล่าวว่า จากความสำคัญของพลังงานทดแทน ทำให้จีเอ็มพร้อมที่จะผลิตรถยนต์ออกมารองรับ แต่จีเอ็มต้องการให้บริษัทน้ำมันเพิ่มจำนวนสถานีบริการมากกว่านี้ โดยปัจจุบันมีปั๊มที่สามารถเติมน้ำมันอี85 อยู่เพียง 23 สถานี ขณะที่สถานีบริการก๊าซซีเอ็นจีของปตท.หายไปจากแผนที่วางไว้ 100 สถานี ดังนั้นจึงอยากจะให้ปตท.เร่งดำเนินการขยายสถานีให้มากกว่านี้และเป็นไปตามแผนโดยเร็ว
“จีเอ็มพร้อมที่จะผลิตรถยนต์ใช้พลังงานทดแทนออกมารองรับ และปัจจุบันเราได้มีการผลิตรถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอี100 ที่ประเทศบราซิลอยู่แล้ว ซึ่งการปรับเทคโนโลยีรับน้ำมันอี85 มาเป็นน้ำมันอี100 ไม่ยากเหมือนกับการพัฒนาจากรถใช้น้ำมันอี10-20 มาเป็นรถใช้น้ำมันอี85 ดังนั้นหากมีการผลักดันน้ำมันอี100 โดยเร็วจะส่งผลดีกับประเทศไทย ส่วนรัฐบาลไทยจะพร้อมเมื่อไหร่ คงไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่จีเอ็มยืนยันพร้อมที่จะผลิตได้ทันที หรือใช้เวลาพัฒนาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น” นายแอพเฟลกล่าวและว่า
สำหรับการเปิดตัวเชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร รองรับเชื้อเพลิงน้ำมันอี85 มีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ภายใน สมรรถนะ และเทคโนโลยีต่างๆ ให้ก้าวล้ำไปอีกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกมือไฟฟ้า ติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางเนวิกเกเตอร์ และระบบเครื่องเสียงแบบ 3 มิติ พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่
นายแอพเฟลกล่าวว่า เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ มีราคาเริ่มต้น 1,198,000 บาท และสูงสุด 1,580,000 บาท หรือปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 30,000 บาท และช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลตามออกมาอีกรุ่น ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายแคปติวาใหม่จนถึงสิ้นปีประมาณ 3,000 คัน หรือรวมกับรุ่นปัจจุบันมียอดขายทั้งปี 4,500- 5,000 คัน
“ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 9.2 แสนคัน เพราะแม้จะมีปัญหาผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิในไตรมาสสอง อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น หรือความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่แนวโน้มเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยยังสดใส จึงเชื่อว่าตลาดรถไทยจะขยายตัวต่อเนื่อง และในส่วนของจีเอ็มตั้งเป้าหมายการขายรถยนต์เชฟโรเลตในไทยปีนี้ 45,000-50,000 คัน และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 2 เท่าตัว”นายแอพเฟลกล่าว
