ข่าวต่างประเทศ-เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม ประกาศจับมือกับกลุ่มพีเอสเอแห่งฝรั่งเศส เซ็นบันทึกลงนามความเข้าใจ ก่อนจะนำไปสู่การเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ เพื่อร่วมมือกันพัฒนารถยนต์สำหรับขายในตลาด และลดต้นทุนในการผลิต ซึ่งเชื่อว่าจะมีมากกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 60,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 5 ปีของการทำสัญญา
พีเอสเอ ซึ่งประกอบไปด้วยเปอโยต์และซีตรอง เชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะส่งผลดีกับทั้ง 2 ฝ่ายในแง่ของการลดต้นทุนทั้งในเรื่องของเวลาสำหรับการพัฒนารถยนต์และเงินทุน โดยค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองจะแชร์พื้นฐานทางเทคโนโลยีร่วมกัน ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งเชื่อว่าจีเอ็มจะได้ประโยชน์ในแง่ของการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กและกลาง เพราะลำพังเพียงแค่การรอคอยการทำงานของจีเอ็ม เกาหลีใต้เพียงอย่างเดียวยังไม่พอ
นอกจากนั้นความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่ายยังสามารถช่วยสร้างอำนาจในการต่อรองกับบรรดาซัพพลายเออร์ หรือผู้ผลิตชิ้นส่วน ทั้งในแง่ของระยะเวลาในการทำงาน และการบีบต้นทุนให้ลดลงอีกด้วย ซึ่งคาดว่าการซื้อในลักษณะเหมาโหลถูกกว่าในครั้งนี้จะช่วยประหยัดเงินในด้านการจัดซื้อชิ้นส่วนในแต่ละปีได้ถึง 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 3,750 ล้านบาทเลยทีเดียว
ถ้าขั้นตอนดังกล่าวสามารถดำเนินการจนเสร็จสิ้น จะเป็นการเซ็นสัญญากับบริษัทรถยนต์ต่างชาติครั้งแรกของจีเอ็มนับจากที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเมื่อปี 2009 โดยที่ทางจีเอ็มต้องจ่ายเงินอีก 400-470 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 12,000-14,000 ล้านบาทเพื่อเป็นการซื้อหุ้นจำนวน 7% ของเปอโยต์ตามที่ตกลงกันไว้
อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้าควบคุมเรื่องไลน์ผลิต และการทำตลาดของรถยนต์ที่อยู่ในเครือของทั้ง 2 ฝ่าย แต่เป็นแค่ความร่วมมือในแง่ของการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อเป็นการสยบข่าวลือที่ว่าพีเอสเออาจจะใช้ช่องทางนี้เป็นบันไดในการปูทางกลับไปสู่ตลาดรถยนต์อเมริกาเหมือนกับที่เฟียตทำกับไครสเลอร์
ขณะเดียวกันทางพีเอสเอออกมากล่าวว่า ข้อตกลงกับจีเอ็มครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อข้อตกลงที่ทางกลุ่มทำกับบริษัทรถยนต์แห่งอื่นๆ ก่อนหน้านี้ โดยพีเอสเอมีข้อตกลงในการสนับสนุนเครื่องยนต์กับทางบีเอ็มดับเบิลยู และฟอร์ด ซึ่งทางพันธมิตรของพีเอสเอก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกี่ยวกับข้อตกลงของทั้งสองแบรนด์ในตอนนี้
พีเอสเอ ซึ่งประกอบไปด้วยเปอโยต์และซีตรอง เชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะส่งผลดีกับทั้ง 2 ฝ่ายในแง่ของการลดต้นทุนทั้งในเรื่องของเวลาสำหรับการพัฒนารถยนต์และเงินทุน โดยค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองจะแชร์พื้นฐานทางเทคโนโลยีร่วมกัน ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งเชื่อว่าจีเอ็มจะได้ประโยชน์ในแง่ของการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กและกลาง เพราะลำพังเพียงแค่การรอคอยการทำงานของจีเอ็ม เกาหลีใต้เพียงอย่างเดียวยังไม่พอ
นอกจากนั้นความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่ายยังสามารถช่วยสร้างอำนาจในการต่อรองกับบรรดาซัพพลายเออร์ หรือผู้ผลิตชิ้นส่วน ทั้งในแง่ของระยะเวลาในการทำงาน และการบีบต้นทุนให้ลดลงอีกด้วย ซึ่งคาดว่าการซื้อในลักษณะเหมาโหลถูกกว่าในครั้งนี้จะช่วยประหยัดเงินในด้านการจัดซื้อชิ้นส่วนในแต่ละปีได้ถึง 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 3,750 ล้านบาทเลยทีเดียว
ถ้าขั้นตอนดังกล่าวสามารถดำเนินการจนเสร็จสิ้น จะเป็นการเซ็นสัญญากับบริษัทรถยนต์ต่างชาติครั้งแรกของจีเอ็มนับจากที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเมื่อปี 2009 โดยที่ทางจีเอ็มต้องจ่ายเงินอีก 400-470 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 12,000-14,000 ล้านบาทเพื่อเป็นการซื้อหุ้นจำนวน 7% ของเปอโยต์ตามที่ตกลงกันไว้
อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้าควบคุมเรื่องไลน์ผลิต และการทำตลาดของรถยนต์ที่อยู่ในเครือของทั้ง 2 ฝ่าย แต่เป็นแค่ความร่วมมือในแง่ของการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อเป็นการสยบข่าวลือที่ว่าพีเอสเออาจจะใช้ช่องทางนี้เป็นบันไดในการปูทางกลับไปสู่ตลาดรถยนต์อเมริกาเหมือนกับที่เฟียตทำกับไครสเลอร์
ขณะเดียวกันทางพีเอสเอออกมากล่าวว่า ข้อตกลงกับจีเอ็มครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อข้อตกลงที่ทางกลุ่มทำกับบริษัทรถยนต์แห่งอื่นๆ ก่อนหน้านี้ โดยพีเอสเอมีข้อตกลงในการสนับสนุนเครื่องยนต์กับทางบีเอ็มดับเบิลยู และฟอร์ด ซึ่งทางพันธมิตรของพีเอสเอก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกี่ยวกับข้อตกลงของทั้งสองแบรนด์ในตอนนี้
