ข่าวในประเทศ - ค่าย “ฮอนด้า” ดีเดย์เปิดสายการผลิตโรงงานเป็นทางการ ยืนยันไม่ย้ายฐานการผลิตจากไทย หลังเจออุทกภัยจนหยุดผลิตนาน 6 เดือน พร้อมทุ่ม 300 ล้านบาท จัดตั้ง “กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย” เผยเร่งฟื้นกำลังการผลิตเต็มที่โดยเร็ว แก้ปัญหารถค้างส่งมอบกลับสู่ปกติในกลางปี มั่นใจ 9 เดือนที่เหลือยอดขายพุ่ง 1.5 แสนคัน
นายฮิโรชิ โคบายาชิ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท เอเชียนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไทยนับเป็นฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย แม้จะประสบปัญหาจากอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา จนโรงงานและเครื่องจักร รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบเสร็จแล้วได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด แต่ฮอนด้ายังยืนยันว่าไทยยังจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญยิ่งในภูมิภาคต่อไป
“นับตั้งแต่เกิดวิกฤตอุทกภัย โรงงานฮอนด้าในไทยต้องหยุดการผลิตไปกว่า 6 เดือน และใช้เวลาฟื้นฟูการผลิตประมาณ 3 เดือน และวันนี้(31 มี.ค.) เราได้กลับมาเริ่มเดินสายการผลิตอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือว่ามีความรวดเร็วมาก นั่นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของฐานการผลิตในไทย ซึ่งอาจจะมีข่าวสร้างความสับสน แต่ยืนยันจะไม่มีการย้ายฐานการผลิต และจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเพิ่มลงทุนโรงงานรถยนต์ที่อินโดนีเซียเป็นไปตามแผนปกติ เช่นเดียวกับเรื่องที่กำลังพิจารณาจะเพิ่มการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศพม่าอีกแห่งด้วย”
ในโอกาสเดียวกันนี้ ฮอนด้ายืนยันที่จะเคียงคู่คนไทยและสังคมไทยตลอดไป จึงประกาศจัดตั้ง “กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย” ภายใต้การดำเนินการของมูลนิธิประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อม ในการมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินยามที่ประเทศไทย อาจเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยมอบเงินสมทุบ 1,000 บาทต่อการขายรถยนต์หนึ่งคัน และ 100 บาทต่อการขายรถจักรยานยนต์หนึ่งคัน รวมถึง 10 บาทต่อการขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์หนึ่งเครื่อง ซึ่งคาดว่าในปีแรกจะมีเงินสมทบเข้ากองทุนประมาณ 300 ล้านบาท และภายหลังคาดจะมียอดสะสมสูงสุดที่ 1,000 ล้านบาท
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันมียอดค้างส่งมอบรถลูกค้าประมาณ 6 หมื่นคัน ซึ่งการกลับมาเริ่มเดินสายการผลิตอีกครั้ง หลังจากใช้เวลาฟื้นฟูโรงงานเพียง 3 เดือน นับเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วมาก จากการความร่วมมืออย่างเต็มที่ของทุกฝ่าย และในไลน์การผลิตก็มีการเปลี่ยนและติดตั้งอุปกรณ์เครื่องจักร รวมถึงหุ่นยนต์ใหม่หมดภายในทั้ง 2 โรงงาน เพื่อให้สามารถกลับมาผลิตได้เต็มกำลังการผลิตสูงสุด 2.4 แสนคันต่อปี โดยจะทำการผลิตทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้, แจ๊ซ, บริโอ้, ซีวิค, แอคคอร์ด และซีอาร์-วี
“คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์แรก จะกลับมาเริ่มการผลิตได้เต็มที่ 1,000 คันต่อวัน ทำให้ปัญหาการส่งค้างมอบรถ น่าจะเข้าสู่สภาวะปกติภายในครึ่งปีนี้ และเชื่อมั่นว่าช่วงเวลา 9 เดือนจากนี้ ฮอนด้าจะสามารถผลักดันยอดขายภายในประเทศได้ 1.5 แสนคัน” นายพิทักษ์กล่าว
สำหรับวันนี้(31 มี.ค.) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีเปิดสายการผลิตอย่างเป็นทางการ ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดอยุธยา หลังจากประสบอุทกภัย จนต้องหยุดการผลิตตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา โดยในพิธีเปิดและให้ชมสายการผลิตดังกล่าว มีนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายทาคาโนบุ อิโต้ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด รวมผู้บริหารของฮอนด้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า
นายฮิโรชิ โคบายาชิ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท เอเชียนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไทยนับเป็นฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย แม้จะประสบปัญหาจากอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา จนโรงงานและเครื่องจักร รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบเสร็จแล้วได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด แต่ฮอนด้ายังยืนยันว่าไทยยังจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญยิ่งในภูมิภาคต่อไป
“นับตั้งแต่เกิดวิกฤตอุทกภัย โรงงานฮอนด้าในไทยต้องหยุดการผลิตไปกว่า 6 เดือน และใช้เวลาฟื้นฟูการผลิตประมาณ 3 เดือน และวันนี้(31 มี.ค.) เราได้กลับมาเริ่มเดินสายการผลิตอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือว่ามีความรวดเร็วมาก นั่นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของฐานการผลิตในไทย ซึ่งอาจจะมีข่าวสร้างความสับสน แต่ยืนยันจะไม่มีการย้ายฐานการผลิต และจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเพิ่มลงทุนโรงงานรถยนต์ที่อินโดนีเซียเป็นไปตามแผนปกติ เช่นเดียวกับเรื่องที่กำลังพิจารณาจะเพิ่มการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศพม่าอีกแห่งด้วย”
ในโอกาสเดียวกันนี้ ฮอนด้ายืนยันที่จะเคียงคู่คนไทยและสังคมไทยตลอดไป จึงประกาศจัดตั้ง “กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย” ภายใต้การดำเนินการของมูลนิธิประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อม ในการมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินยามที่ประเทศไทย อาจเกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยมอบเงินสมทุบ 1,000 บาทต่อการขายรถยนต์หนึ่งคัน และ 100 บาทต่อการขายรถจักรยานยนต์หนึ่งคัน รวมถึง 10 บาทต่อการขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์หนึ่งเครื่อง ซึ่งคาดว่าในปีแรกจะมีเงินสมทบเข้ากองทุนประมาณ 300 ล้านบาท และภายหลังคาดจะมียอดสะสมสูงสุดที่ 1,000 ล้านบาท
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันมียอดค้างส่งมอบรถลูกค้าประมาณ 6 หมื่นคัน ซึ่งการกลับมาเริ่มเดินสายการผลิตอีกครั้ง หลังจากใช้เวลาฟื้นฟูโรงงานเพียง 3 เดือน นับเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วมาก จากการความร่วมมืออย่างเต็มที่ของทุกฝ่าย และในไลน์การผลิตก็มีการเปลี่ยนและติดตั้งอุปกรณ์เครื่องจักร รวมถึงหุ่นยนต์ใหม่หมดภายในทั้ง 2 โรงงาน เพื่อให้สามารถกลับมาผลิตได้เต็มกำลังการผลิตสูงสุด 2.4 แสนคันต่อปี โดยจะทำการผลิตทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้, แจ๊ซ, บริโอ้, ซีวิค, แอคคอร์ด และซีอาร์-วี
“คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์แรก จะกลับมาเริ่มการผลิตได้เต็มที่ 1,000 คันต่อวัน ทำให้ปัญหาการส่งค้างมอบรถ น่าจะเข้าสู่สภาวะปกติภายในครึ่งปีนี้ และเชื่อมั่นว่าช่วงเวลา 9 เดือนจากนี้ ฮอนด้าจะสามารถผลักดันยอดขายภายในประเทศได้ 1.5 แสนคัน” นายพิทักษ์กล่าว
สำหรับวันนี้(31 มี.ค.) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีเปิดสายการผลิตอย่างเป็นทางการ ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดอยุธยา หลังจากประสบอุทกภัย จนต้องหยุดการผลิตตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา โดยในพิธีเปิดและให้ชมสายการผลิตดังกล่าว มีนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายทาคาโนบุ อิโต้ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด รวมผู้บริหารของฮอนด้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า
