ข่าวในประเทศ-ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” เดินหน้าเขย่าตลาดรถไทย เร็วๆ นี้เตรียมเปิดตัวไฮไลต์ประจำปี “โตโยต้า คัมรี” โฉมใหม่ ชิงกวาดยอดขายจากคู่แข่ง “ฮอนด้า แอคคอร์ด” และ “นิสสัน เทียน่า” ที่อยู่ในช่วงปลายโมเดล ด้วยรูปลักษณ์ที่ยังคงความหรูหรา พร้อมวางเครื่องยนต์บล็อกใหม่ 2500 ซีซี 181 แรงม้า ทำตลาดแทนรุ่น 2400 ซีซี โดยควงคู่มากับรุ่น 2500 ซีซี แบบไฮบริด 205 แรงม้า ขณะรุ่น 2000 ซีซี ยังคงมีมาให้เป็นอีกทางเลือกเช่นเดิม แต่ลดจำนวนรุ่นย่อยทำตลาดลง ตามกลยุทธ์การวางผลิตภัณฑ์ของโตโยต้า ที่มุ่งเน้นรถไฮบริดเป็นหลัก เผยราคาใหม่ปรับขึ้นประมาณ 2-6 หมื่นบาท เท่านั้นไม่พอยังปลุกกระแสรถไฮบริดซ้ำอีกระลอก ด้วยการส่ง “โตโยต้า พริอุส” ไมเนอร์เชนจ์ ลงสู่ตลาด 21 มีนาคมที่จะถึงนี้ ขณะที่ปิกอัพ “โตโยต้า วีโก้ แชมป์” เตรียมปรับเกียร์อัตโนมัติเป็นแบบ 5 จังหวะ สู้กับคู่แข่งที่เปลี่ยนเป็นแบบ 5 และ 6 จังหวะแล้ว ก่อนจะทุ่มเงิน 1.2 พันล้านบาท ปัดฝุ่นโรงงานทีเอดับเบิลยู (TAW) กลับมาเดินสายการผลิตอีกครั้งช่วงปลายปี แม้จะไม่ยอมเปิดเผยรถรุ่นใหม่ดังกล่าว แต่รายงานข่าวจากสื่อนอกและของรัฐบาลไทย ระบุชัดจะมีการใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถตู้ “ไฮเอช” หรือรุ่น“คอมมิวเตอร์” ที่ยึดตลาดรถตู้ไทยเบ็ดเสร็จ
แม้จะยังไม่คลอดโปรเจกต์อีโคคาร์ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ แต่ความเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ย่อมน่าสนใจและเฝ้าจับตามอง โดยเฉพาะเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โตโยต้าได้แถลงแผนการลงทุนในไทยเป็นมูลค่ากว่า 8.2 พันล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตุเวย์ รองรับการผลิตอีโคคาร์ในกลางปี 2556 และปรับไลน์การผลิตสำหรับรถรุ่นใหม่ที่โรงงานในสมุทรปราการ ก่อนจะมาล่าสุดทุ่มอีก 6 พันล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์เบนซินตระกูล “ZR” ที่โรงงานสยามโตโยต้าอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้ายอดขายในไทยปีนี้ไว้สูงถึง 4.5 แสนคัน ซึ่งกลยุทธ์บรรลุสู่เป้าหมายโตโยต้าได้เริ่มทยอยปล่อยทีเด็ดออกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประเดิมเปิดโฉมใหม่ของ “โตโยต้า อแวนซ่า” จากนั้นแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ให้กับซับคอมแพกต์รุ่น “ยาริส” หรือเวอร์ชั่นปี 2012 ให้โฉบเฉี่ยวสปอร์ตมากขึ้น ยังไม่นับรวมแบรนด์หรูในเครือ “เลกซัส” ที่ได้เปิดรุ่นปรับโฉมใหม่ของรุ่น “จีเอส” สู่ตลาดไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นั่นเป็นเพียงออร์เดิร์ฟเท่านั้น เพราะปีนี้โตโยต้ายังมีหมัดเด็ดเตรียมส่งรถรุ่นใหม่เขย่าตลาดอย่างต่อเนื่อง…
โดยเฉพาะไฮไลต์ของเจ้าตลาดในไทยปีนี้ “โตโยต้า คัมรี” โฉมใหม่ ซึ่งกำหนดดีเดย์บุกตลาดเก๋งขนาดกลาง หรือดี(D) เซกเม้นท์อย่างเป็นทางการ ในวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคมที่จะถึงนี้ เพื่อชิงกวาดยอดจากคู่แข่งอย่าง “ฮอนด้า แอคคอร์ด” และ “นิสสัน เทียน่า” ซึ่งล้วนอยู่ในช่วงปลายโมเดล หรือเหลือเวลาทำตลาดอยู่ประมาณ 1 ปีเท่านั้น
โตโยต้า คัมรี ใหม่ เป็นการปรับโฉมใหม่หมด หรือโมเดลเชนจ์ โดยเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในไทย จะแตกต่างจากรุ่นทำตลาดในอเมริกาเหนือ ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีรูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ขณะที่รุ่นขายในไทยจะดูหรูหรามากกว่า ซึ่งรุ่นมาตรฐานจะอิงเวอร์ชั่นตลาดโลกอย่างในประเทศจีน หรือรัสเซีย รวมถึงรุ่นไฮบริดที่เหมือนกับในญี่ปุ่น ดังนั้นจึงเห็นความแตกต่างชัดเจนกับเวอร์ชั่นอเมริกาเหนือ ไม่ว่าจะเป็นเปลือกกันชนหน้า กระจังหน้า ชุดโคมไฟหน้า และด้านหลัง
อีกจุดที่แตกต่างชัดเจนของคัมรีโฉมใหม่ กับรุ่นปัจจุบันที่ทำตลาดในไทย เห็นจะเป็นเครื่องยนต์ที่วางบล็อก 2AR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2500 ซีซี Dual VVT-I ให้กำลัง 181 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แทนขุมพลังเดิม 2AZ-FE 24000 ซีซี พร้อมกับควงคู่มากับรุ่นไฮบริดที่วางเครื่องยนต์ 2500 ซีซี 161 แรงม้า ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นระบบไฮบริดที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จึงมีขุมพลังที่เมื่อรวมกันมากถึง 205 แรงม้า ขณะเดียวกันโตโยต้ายังคงเครื่องยนต์บล็อก 1AZ- FE ขนาด 2000 ซีซี เป็นอีกทางเลือกเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม โตโยต้าดูจะเน้นให้ความสำคัญกับรุ่นเครื่องยนต์ 2500 ซีซี และรุ่นไฮบริดเป็นหลัก เพราะได้ลดรุ่นทำตลาดของเครื่องยนต์ 2000 ซีซี และปรับราคาขึ้นประมาณ 5 หมื่นบาท เทียบกับรุ่น 2500 ซีซี และโดยเฉพาะรุ่นไฮบริด ที่มีจำนวนรุ่นให้เลือกครบครันเช่นเดิมแล้ว ถึงจะปรับราคาจากเดิมกว่า 2-6 หมื่นบาท แต่ได้เครื่องยนต์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า และเพียบพร้อมด้วยออปชั่นเต็มๆ
นั่นเป็นตัวไฮไลต์ของโตโยต้าในปีนี้ และจากกลยุทธ์การทำตลาดแล้ว ชัดเจนว่าโตโยต้าได้ให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฮบริดอย่างมาก ดังนั้นจึงได้มีการปลุกกระแสให้ร้อนแรงต่อเนื่อง กับรถยนต์ไฮบริดพันธุ์แท้ “โตโยต้า พริอุส” ใหม่ ที่วางคิวเปิดตัวต่อเนื่องในวันที่ 21 มีนาคมที่จะถึงนี้ เพื่อผนึกกำลังกันกวาดยอดขายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 ที่จะเปิดเวทีช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
โตโยต้า พริอุส ใหม่ เป็นการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งได้มีการเผยโฉมในต่างประเทศไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และถึงคิวของการทำตลาดในไทยแล้ว ด้วยการปรับเปลือกกันชนหน้า-หลังใหม่ กระจังหน้า ไฟหน้า และไฟท้าย รวมถึงไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ ขณะที่ภายในก็ปรับคอนโซล เบาะนั่งคนขับควบคุมไฟฟ้า 8 ทิศทาง จอดีวีดีปรับปรุงใหม่ให้ความชัดเจนขึ้น รวมถึงชุดลำโพง JBL มากถึง 8 ตัว
โดยโตโยต้า พริอุส ใหม่ ยังคงวางเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า และมีให้เลือก 3 รุ่นย่อยเช่นเดิม เป็นรุ่นมาตรฐาน และรุ่นท็อป ราคาปรับขึ้นสูงสุดประมาณ 2 หมื่นบาท ส่วนอีกรุ่นเป็นตัวแต่งออปชั่นเต็ม ไม่ว่าจะเป็นมูนรูฟและโซลารูฟที่ปรับปรุงใหม่ เนวิเกเตอร์พร้อมจอดีวีดีแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว และระบบปรับอากาศควบคุมด้วยรีโมท ทำให้ราคากระโดดไปหลายหมื่นบาทพอสมควร
จะเห็นว่าในตลาดเก๋งโตโยต้าได้มีการปรับโฉมและแต่งหน้าทาปากให้กับผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทีเดียว ซึ่งในส่วนของรุ่นอื่นๆ อย่าง โตโยต้า วีออส หรือรุ่นอัลติส ย่อมต้องปรุงแต่งเช่นเดียวกัน แต่ตัวธงที่โตโยต้าจะไม่ยอมพลาด เห็นจะเป็นปิกอัพ “โตโยต้า วีโก้ แชมป์” ที่ได้มีการบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อช่วงไตรมาสสามของปีที่ผ่านมา มาปีนี้คงจะไม่มีการขยับอะไรมากนอกจากแต่งนิดแต่งหน่อย
แน่นอนหากทำเพียงแค่นั้นคงจะหยุดคู่แข่ง ที่ต่างพากันปรับโฉมใหม่หมด และยังใส่เทคโนโลยีใหม่เข้าไปอีก ซึ่งในส่วนของเครื่องยนต์ และรูปลักษณ์ โตโยต้าไม่ถือว่าด้อยกว่าคู่แข่งมาก แต่ในส่วนของระบบขับเคลื่อนเกียร์อัตโนมัติ ที่แทบจะทุกยี่ห้อได้ปรับเป็นแบบ 5 และ 6 จังหวะกันหมดแล้ว เหตุนี้จึงมีกระแสข่าวว่าในช่วงไตรมาส 2 หรือ 3 ของปีนี้ โตโยต้าจะเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติให้เป็นแบบ 5 จังหวะ จากปัจจุบันเป็นแบบ 4 จังหวะ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว โตโยต้าจึงค่อนข้างมั่นใจจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ในทุกเซกเม้นท์ของตลาด ขณะเดียวกันโตโยต้ายังมีแผนจะรุกตลาดรถตู้ที่ครองอยู่เบ็ดเสร็จ ด้วยการเล็งขึ้นไลน์ผลิตในไทยเสียที ซึ่งสืบเนื่องจากการประกาศทุ่ม 8.2 พันล้านบาทเมื่อต้นปี โดยในเงินลงทุนดังกล่าวจำนวน 1.2 พันล้านบาท จะนำมาทำการปรับและเริ่มเดินสายการผลิตในโรงงานไทยออโตเวิร์ค หรือทีเอดับเบิลยู (TAW) ซึ่งเคยผลิตรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ และต้องปิดไลน์ผลิตไป หลังจากย้ายฟอร์จูนเนอร์ไปยังโรงงานบ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
การปรับเริ่มเดินสายการผลิตรถรุ่นใหม่ที่ทีเอดับเบิลยู แม้จะยังไม่ได้รับการเปิดเผยเป็นทางการจากโตโยต้า ซึ่งระบุเพียงว่าเป็นโครงการของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น เพื่อผลิตรถรุ่นใหม่ที่ไม่เคยทำในไทยมาก่อน คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในช่วงปลายปีนี้ ด้วยกำลังการผลิตปีละประมาณ 1.8 หมื่นคัน แต่ตามกระแสข่าวชัดเจนว่าจะเป็นรถตู้ “โตโยต้า คอมมิวเตอร์”
โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา สำนักข่าวญี่ปุ่น Mainichi ได้รายงานว่า เพื่อตอบสนองความต้องของลูกค้าในอาเซียน และลดปัญหาค่าเงินเยนแข็ง โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น กำลังพิจารณาสร้างโรงงานประกอบรถยนต์แห่งใหม่ ทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งตามรายงานข่าวโตโยต้า ออโต้ บอดี้ บริษัทลูกของโตโยต้าที่ชำนาญในการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ จะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการดังกล่าว และแนวโน้มจะทำการผลิตรถตู้รุ่นไฮเอช (HIACE)
ในที่สุดดูเหมือนจะได้รับการยืนยันมากขึ้น จากการไปเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และได้เปิดโอกาสให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นเข้าพบ เพื่อรับฟังแผนป้องกันอุทกภัยของไทย และบริษัทรถต่างยืนยันที่จะยังคงเข้ามาลงทุนในไทย ตามการรายงานข่าวจากเว็บไซต์ของรัฐบาลไทย ที่มีข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า…
“บริษัทผลิตรถยนต์ตามโครงการ Eco Car จำนวน 5 ราย ได้แก่ นิสสัน ฮอนด้า ซูซูกิ โตโยต้า และมิตซูบิชิ ที่มีแผนการขยายการลงทุนผลิต รวมทั้งแผนการขยายการผลิตรถยนต์ เช่น รถตู้ เป็นต้น”
แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่หากดูจากแผนการลงทุนและบริษัทรถยนต์ที่มีแนวโน้มขยายการผลิตรถตู้ ย่อมชัดเจนว่าจะเป็นโตโยต้ามากที่สุด…นั่นย่อมหมายความว่า ไทยจะเป็นฐานการผลิตหลักของโตโยต้า ที่มีการผลิตรถยนต์ในประเทศครอบคลุมเซกเม้นท์สำคัญมากที่สุด รวมถึงรถไฮบริดอย่าง “คัมรี” และ “พริอุส” ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ซึ่งโตโยต้าได้ชิงปักธงนำค่ายอื่นๆ ไปแล้ว
แม้จะยังไม่คลอดโปรเจกต์อีโคคาร์ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ แต่ความเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ย่อมน่าสนใจและเฝ้าจับตามอง โดยเฉพาะเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โตโยต้าได้แถลงแผนการลงทุนในไทยเป็นมูลค่ากว่า 8.2 พันล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตุเวย์ รองรับการผลิตอีโคคาร์ในกลางปี 2556 และปรับไลน์การผลิตสำหรับรถรุ่นใหม่ที่โรงงานในสมุทรปราการ ก่อนจะมาล่าสุดทุ่มอีก 6 พันล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์เบนซินตระกูล “ZR” ที่โรงงานสยามโตโยต้าอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้ายอดขายในไทยปีนี้ไว้สูงถึง 4.5 แสนคัน ซึ่งกลยุทธ์บรรลุสู่เป้าหมายโตโยต้าได้เริ่มทยอยปล่อยทีเด็ดออกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประเดิมเปิดโฉมใหม่ของ “โตโยต้า อแวนซ่า” จากนั้นแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ให้กับซับคอมแพกต์รุ่น “ยาริส” หรือเวอร์ชั่นปี 2012 ให้โฉบเฉี่ยวสปอร์ตมากขึ้น ยังไม่นับรวมแบรนด์หรูในเครือ “เลกซัส” ที่ได้เปิดรุ่นปรับโฉมใหม่ของรุ่น “จีเอส” สู่ตลาดไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นั่นเป็นเพียงออร์เดิร์ฟเท่านั้น เพราะปีนี้โตโยต้ายังมีหมัดเด็ดเตรียมส่งรถรุ่นใหม่เขย่าตลาดอย่างต่อเนื่อง…
โดยเฉพาะไฮไลต์ของเจ้าตลาดในไทยปีนี้ “โตโยต้า คัมรี” โฉมใหม่ ซึ่งกำหนดดีเดย์บุกตลาดเก๋งขนาดกลาง หรือดี(D) เซกเม้นท์อย่างเป็นทางการ ในวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคมที่จะถึงนี้ เพื่อชิงกวาดยอดจากคู่แข่งอย่าง “ฮอนด้า แอคคอร์ด” และ “นิสสัน เทียน่า” ซึ่งล้วนอยู่ในช่วงปลายโมเดล หรือเหลือเวลาทำตลาดอยู่ประมาณ 1 ปีเท่านั้น
โตโยต้า คัมรี ใหม่ เป็นการปรับโฉมใหม่หมด หรือโมเดลเชนจ์ โดยเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในไทย จะแตกต่างจากรุ่นทำตลาดในอเมริกาเหนือ ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีรูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ขณะที่รุ่นขายในไทยจะดูหรูหรามากกว่า ซึ่งรุ่นมาตรฐานจะอิงเวอร์ชั่นตลาดโลกอย่างในประเทศจีน หรือรัสเซีย รวมถึงรุ่นไฮบริดที่เหมือนกับในญี่ปุ่น ดังนั้นจึงเห็นความแตกต่างชัดเจนกับเวอร์ชั่นอเมริกาเหนือ ไม่ว่าจะเป็นเปลือกกันชนหน้า กระจังหน้า ชุดโคมไฟหน้า และด้านหลัง
อีกจุดที่แตกต่างชัดเจนของคัมรีโฉมใหม่ กับรุ่นปัจจุบันที่ทำตลาดในไทย เห็นจะเป็นเครื่องยนต์ที่วางบล็อก 2AR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2500 ซีซี Dual VVT-I ให้กำลัง 181 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แทนขุมพลังเดิม 2AZ-FE 24000 ซีซี พร้อมกับควงคู่มากับรุ่นไฮบริดที่วางเครื่องยนต์ 2500 ซีซี 161 แรงม้า ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นระบบไฮบริดที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จึงมีขุมพลังที่เมื่อรวมกันมากถึง 205 แรงม้า ขณะเดียวกันโตโยต้ายังคงเครื่องยนต์บล็อก 1AZ- FE ขนาด 2000 ซีซี เป็นอีกทางเลือกเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม โตโยต้าดูจะเน้นให้ความสำคัญกับรุ่นเครื่องยนต์ 2500 ซีซี และรุ่นไฮบริดเป็นหลัก เพราะได้ลดรุ่นทำตลาดของเครื่องยนต์ 2000 ซีซี และปรับราคาขึ้นประมาณ 5 หมื่นบาท เทียบกับรุ่น 2500 ซีซี และโดยเฉพาะรุ่นไฮบริด ที่มีจำนวนรุ่นให้เลือกครบครันเช่นเดิมแล้ว ถึงจะปรับราคาจากเดิมกว่า 2-6 หมื่นบาท แต่ได้เครื่องยนต์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า และเพียบพร้อมด้วยออปชั่นเต็มๆ
นั่นเป็นตัวไฮไลต์ของโตโยต้าในปีนี้ และจากกลยุทธ์การทำตลาดแล้ว ชัดเจนว่าโตโยต้าได้ให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฮบริดอย่างมาก ดังนั้นจึงได้มีการปลุกกระแสให้ร้อนแรงต่อเนื่อง กับรถยนต์ไฮบริดพันธุ์แท้ “โตโยต้า พริอุส” ใหม่ ที่วางคิวเปิดตัวต่อเนื่องในวันที่ 21 มีนาคมที่จะถึงนี้ เพื่อผนึกกำลังกันกวาดยอดขายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 ที่จะเปิดเวทีช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
โตโยต้า พริอุส ใหม่ เป็นการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งได้มีการเผยโฉมในต่างประเทศไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และถึงคิวของการทำตลาดในไทยแล้ว ด้วยการปรับเปลือกกันชนหน้า-หลังใหม่ กระจังหน้า ไฟหน้า และไฟท้าย รวมถึงไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ ขณะที่ภายในก็ปรับคอนโซล เบาะนั่งคนขับควบคุมไฟฟ้า 8 ทิศทาง จอดีวีดีปรับปรุงใหม่ให้ความชัดเจนขึ้น รวมถึงชุดลำโพง JBL มากถึง 8 ตัว
โดยโตโยต้า พริอุส ใหม่ ยังคงวางเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า และมีให้เลือก 3 รุ่นย่อยเช่นเดิม เป็นรุ่นมาตรฐาน และรุ่นท็อป ราคาปรับขึ้นสูงสุดประมาณ 2 หมื่นบาท ส่วนอีกรุ่นเป็นตัวแต่งออปชั่นเต็ม ไม่ว่าจะเป็นมูนรูฟและโซลารูฟที่ปรับปรุงใหม่ เนวิเกเตอร์พร้อมจอดีวีดีแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว และระบบปรับอากาศควบคุมด้วยรีโมท ทำให้ราคากระโดดไปหลายหมื่นบาทพอสมควร
จะเห็นว่าในตลาดเก๋งโตโยต้าได้มีการปรับโฉมและแต่งหน้าทาปากให้กับผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทีเดียว ซึ่งในส่วนของรุ่นอื่นๆ อย่าง โตโยต้า วีออส หรือรุ่นอัลติส ย่อมต้องปรุงแต่งเช่นเดียวกัน แต่ตัวธงที่โตโยต้าจะไม่ยอมพลาด เห็นจะเป็นปิกอัพ “โตโยต้า วีโก้ แชมป์” ที่ได้มีการบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อช่วงไตรมาสสามของปีที่ผ่านมา มาปีนี้คงจะไม่มีการขยับอะไรมากนอกจากแต่งนิดแต่งหน่อย
แน่นอนหากทำเพียงแค่นั้นคงจะหยุดคู่แข่ง ที่ต่างพากันปรับโฉมใหม่หมด และยังใส่เทคโนโลยีใหม่เข้าไปอีก ซึ่งในส่วนของเครื่องยนต์ และรูปลักษณ์ โตโยต้าไม่ถือว่าด้อยกว่าคู่แข่งมาก แต่ในส่วนของระบบขับเคลื่อนเกียร์อัตโนมัติ ที่แทบจะทุกยี่ห้อได้ปรับเป็นแบบ 5 และ 6 จังหวะกันหมดแล้ว เหตุนี้จึงมีกระแสข่าวว่าในช่วงไตรมาส 2 หรือ 3 ของปีนี้ โตโยต้าจะเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติให้เป็นแบบ 5 จังหวะ จากปัจจุบันเป็นแบบ 4 จังหวะ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว โตโยต้าจึงค่อนข้างมั่นใจจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ในทุกเซกเม้นท์ของตลาด ขณะเดียวกันโตโยต้ายังมีแผนจะรุกตลาดรถตู้ที่ครองอยู่เบ็ดเสร็จ ด้วยการเล็งขึ้นไลน์ผลิตในไทยเสียที ซึ่งสืบเนื่องจากการประกาศทุ่ม 8.2 พันล้านบาทเมื่อต้นปี โดยในเงินลงทุนดังกล่าวจำนวน 1.2 พันล้านบาท จะนำมาทำการปรับและเริ่มเดินสายการผลิตในโรงงานไทยออโตเวิร์ค หรือทีเอดับเบิลยู (TAW) ซึ่งเคยผลิตรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ และต้องปิดไลน์ผลิตไป หลังจากย้ายฟอร์จูนเนอร์ไปยังโรงงานบ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
การปรับเริ่มเดินสายการผลิตรถรุ่นใหม่ที่ทีเอดับเบิลยู แม้จะยังไม่ได้รับการเปิดเผยเป็นทางการจากโตโยต้า ซึ่งระบุเพียงว่าเป็นโครงการของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น เพื่อผลิตรถรุ่นใหม่ที่ไม่เคยทำในไทยมาก่อน คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในช่วงปลายปีนี้ ด้วยกำลังการผลิตปีละประมาณ 1.8 หมื่นคัน แต่ตามกระแสข่าวชัดเจนว่าจะเป็นรถตู้ “โตโยต้า คอมมิวเตอร์”
โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา สำนักข่าวญี่ปุ่น Mainichi ได้รายงานว่า เพื่อตอบสนองความต้องของลูกค้าในอาเซียน และลดปัญหาค่าเงินเยนแข็ง โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น กำลังพิจารณาสร้างโรงงานประกอบรถยนต์แห่งใหม่ ทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งตามรายงานข่าวโตโยต้า ออโต้ บอดี้ บริษัทลูกของโตโยต้าที่ชำนาญในการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ จะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการดังกล่าว และแนวโน้มจะทำการผลิตรถตู้รุ่นไฮเอช (HIACE)
ในที่สุดดูเหมือนจะได้รับการยืนยันมากขึ้น จากการไปเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และได้เปิดโอกาสให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นเข้าพบ เพื่อรับฟังแผนป้องกันอุทกภัยของไทย และบริษัทรถต่างยืนยันที่จะยังคงเข้ามาลงทุนในไทย ตามการรายงานข่าวจากเว็บไซต์ของรัฐบาลไทย ที่มีข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า…
“บริษัทผลิตรถยนต์ตามโครงการ Eco Car จำนวน 5 ราย ได้แก่ นิสสัน ฮอนด้า ซูซูกิ โตโยต้า และมิตซูบิชิ ที่มีแผนการขยายการลงทุนผลิต รวมทั้งแผนการขยายการผลิตรถยนต์ เช่น รถตู้ เป็นต้น”
แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่หากดูจากแผนการลงทุนและบริษัทรถยนต์ที่มีแนวโน้มขยายการผลิตรถตู้ ย่อมชัดเจนว่าจะเป็นโตโยต้ามากที่สุด…นั่นย่อมหมายความว่า ไทยจะเป็นฐานการผลิตหลักของโตโยต้า ที่มีการผลิตรถยนต์ในประเทศครอบคลุมเซกเม้นท์สำคัญมากที่สุด รวมถึงรถไฮบริดอย่าง “คัมรี” และ “พริอุส” ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ซึ่งโตโยต้าได้ชิงปักธงนำค่ายอื่นๆ ไปแล้ว