อุตสาหกรรมรถยนต์สดใส สมาคมอุตฯ ยานยนต์ไทยมองไร้ปัจจัยลบ เชื่อปัญหาอุทกภัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ “เอาอยู่” ขณะที่เรื่องการเมือง, ค่าแรง 300 บาท หรือวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปแทบไม่กระทบ ด้าน “ปราจิน” ประธานจัดงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ประกาศพร้อมเปิดเวทีทางธุรกิจอย่างเป็นทางการครั้งแรก ให้กับบริษัทรถหลังน้ำท่วม มั่นใจยอดจองพุ่งทะลุ 4 หมื่นคัน
นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า จากการที่ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่นได้เข้าพบ และรับฟังแนวทางการแก้ปัญหาอุทกภัย จากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีของไทย ในโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ โดยยืนยันจะยังคงลงทุนในไทยเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยยังจะเป็นฐานการผลิตสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้ต่อไป
“ปีนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยน่าจะสดใส หากรัฐบาลแก้ปัญหาอุทกภัยได้อย่างที่พูด ขณะที่ปัจจัยลบอื่นๆ ที่จะส่งผลกระทบก็แทบจะไม่มีเลย ซึ่งเมื่อต้นปีทางสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ประมาณการตัวเลขผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยตลอดทั้งปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 2.1 ล้านคัน แต่เมื่อดูการฟื้นตัวจากอุทกภัยอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้แนวโน้มตัวเลขการผลิตอาจจะมากกว่าที่ประเมินไว้สูงทีเดียว”
โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นการรวบรวมจากประมาณการผลิตของแต่ละบริษัทรถ ที่ได้ส่งให้กับทางสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แต่ยังไม่ได้รวมของฮอนด้าที่ยังไม่มีการผลิต เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมโดยตรง แต่เดือนเมษายนนี้ฮอนด้าจะกลับมาผลิตอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนย่อมส่งผลให้ตัวเลขการผลิตรถยนต์ในไทยเพิ่มด้วย
นางเพียงใจเปิดเผยว่า นอกจากนี้เมื่อดูปัจจัยลบอื่นๆ ค่อนข้างไม่น่ากังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาการเมือง การปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน ในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ จำนวนทั้งหมด 7 แห่ง นับว่าไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์จ่ายค่าแรงเกินเพดานตรงนี้ไปแล้ว อาจจะมีผู้ผลิตชิ้นส่วนขนาดกลางและเล็กบางส่วน แต่คงไม่ส่งผลกระทบในภาพรวม
ส่วนปัจจัยเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในยุโรป ไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทยเช่นกัน เพราะฐานการผลิตในไทยจะเน้นรองรับตลาดเอเชียและโอเชียเนีย รวมถึงตะวันออกกลาง มีส่งออกไปยุโรปเพียงเล็กน้อย ยกเว้นจะส่งผลกระทบให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่หากดูจากเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่กว่า ยังไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภูมิภาคนี้ ปัญหาเศรษฐกิจยุโรปจึงไม่น่าจะรุนแรงเท่า ขณะที่ราคาน้ำมันแพงอาจจะส่งผลกระทบบ้าง
“ดังนั้นจึงค่อนข้างเชื่อว่าอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในไทยปีนี้ น่าจะมากกว่า 2.1 ล้านคัน ซึ่งเป็นการรองรับตลาดในประเทศและส่งออกใกล้เคียงกัน หรือสัดส่วนอยู่ประมาณ 50 : 50” นางเพียงใจกล่าว
นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 ครั้งที่ 33 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี เปิดเผยว่า ตอนนี้การจัดงานมีความพร้อมเต็มที่ และมีบริษัทรถยนต์เข้าร่วม 32 ยี่ห้อ โดยแต่ละบริษัทต่างเตรียมจัดบูธแสดงรถอย่างยิ่งใหญ่
“เชื่อว่าบรรยากาศในงานปีนี้จะคึกคักอย่างยิ่ง เพราะประชาชนอั้นการซื้อรถมานาน และถือว่างานนี้เป็นการเปิดประตูธุรกิจรถยนต์อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากประสบปัญหาอุทกภัยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เห็นได้จาการมีการเปิดตัวและรับจองรถยนต์รุ่นใหม่ในงานกว่า 10 รุ่น ทำให้เชื่อว่าจะมียอดจองรถใหม่ภายในงานประมาณ 4 หมื่นคัน จากปีที่ผ่านมาทำได้กว่า 3 หมื่นคัน และมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 1.7 ล้านคน”
สำหรับจำนวนเงินสะพัดภายในงาน น่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพราะรถยนต์ที่ได้รับความนิยมจองในงานจะเป็นกลุ่มรถขนาดเล็ก โดยเฉพาะอีโคคาร์ที่มีราคาไม่เกิน 6 แสนบาท และที่สำคัญในงานปีนี้จะมีอีโคคาร์เปิดตัวใหม่อีก 2 รุ่น คือ ซูซูกิ สวิฟท์ และมิตซูบิชิ มิราจ ทั้งยังมีรถตลาดรุ่นใหม่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า คัมรี่ ใหม่ หรือรุ่นพรีอุสไมเนอร์เชนจ์, ฮุนได เอลันตร้า, เปอโยต์ 408 รวมถึงฮอนด้า ซีวิค ก็คาดว่าจะเปิดตัวรถภายในงานด้วย รวมถึงรถหรูหราที่มีการเปิดตัวรถใหม่เช่นกัน
นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า จากการที่ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่นได้เข้าพบ และรับฟังแนวทางการแก้ปัญหาอุทกภัย จากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีของไทย ในโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ โดยยืนยันจะยังคงลงทุนในไทยเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยยังจะเป็นฐานการผลิตสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้ต่อไป
“ปีนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยน่าจะสดใส หากรัฐบาลแก้ปัญหาอุทกภัยได้อย่างที่พูด ขณะที่ปัจจัยลบอื่นๆ ที่จะส่งผลกระทบก็แทบจะไม่มีเลย ซึ่งเมื่อต้นปีทางสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ประมาณการตัวเลขผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยตลอดทั้งปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 2.1 ล้านคัน แต่เมื่อดูการฟื้นตัวจากอุทกภัยอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้แนวโน้มตัวเลขการผลิตอาจจะมากกว่าที่ประเมินไว้สูงทีเดียว”
โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นการรวบรวมจากประมาณการผลิตของแต่ละบริษัทรถ ที่ได้ส่งให้กับทางสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แต่ยังไม่ได้รวมของฮอนด้าที่ยังไม่มีการผลิต เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมโดยตรง แต่เดือนเมษายนนี้ฮอนด้าจะกลับมาผลิตอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนย่อมส่งผลให้ตัวเลขการผลิตรถยนต์ในไทยเพิ่มด้วย
นางเพียงใจเปิดเผยว่า นอกจากนี้เมื่อดูปัจจัยลบอื่นๆ ค่อนข้างไม่น่ากังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาการเมือง การปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน ในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ จำนวนทั้งหมด 7 แห่ง นับว่าไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เพราะอุตสาหกรรมรถยนต์จ่ายค่าแรงเกินเพดานตรงนี้ไปแล้ว อาจจะมีผู้ผลิตชิ้นส่วนขนาดกลางและเล็กบางส่วน แต่คงไม่ส่งผลกระทบในภาพรวม
ส่วนปัจจัยเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในยุโรป ไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทยเช่นกัน เพราะฐานการผลิตในไทยจะเน้นรองรับตลาดเอเชียและโอเชียเนีย รวมถึงตะวันออกกลาง มีส่งออกไปยุโรปเพียงเล็กน้อย ยกเว้นจะส่งผลกระทบให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่หากดูจากเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่กว่า ยังไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภูมิภาคนี้ ปัญหาเศรษฐกิจยุโรปจึงไม่น่าจะรุนแรงเท่า ขณะที่ราคาน้ำมันแพงอาจจะส่งผลกระทบบ้าง
“ดังนั้นจึงค่อนข้างเชื่อว่าอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในไทยปีนี้ น่าจะมากกว่า 2.1 ล้านคัน ซึ่งเป็นการรองรับตลาดในประเทศและส่งออกใกล้เคียงกัน หรือสัดส่วนอยู่ประมาณ 50 : 50” นางเพียงใจกล่าว
นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2012 ครั้งที่ 33 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2555 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี เปิดเผยว่า ตอนนี้การจัดงานมีความพร้อมเต็มที่ และมีบริษัทรถยนต์เข้าร่วม 32 ยี่ห้อ โดยแต่ละบริษัทต่างเตรียมจัดบูธแสดงรถอย่างยิ่งใหญ่
“เชื่อว่าบรรยากาศในงานปีนี้จะคึกคักอย่างยิ่ง เพราะประชาชนอั้นการซื้อรถมานาน และถือว่างานนี้เป็นการเปิดประตูธุรกิจรถยนต์อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากประสบปัญหาอุทกภัยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เห็นได้จาการมีการเปิดตัวและรับจองรถยนต์รุ่นใหม่ในงานกว่า 10 รุ่น ทำให้เชื่อว่าจะมียอดจองรถใหม่ภายในงานประมาณ 4 หมื่นคัน จากปีที่ผ่านมาทำได้กว่า 3 หมื่นคัน และมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 1.7 ล้านคน”
สำหรับจำนวนเงินสะพัดภายในงาน น่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพราะรถยนต์ที่ได้รับความนิยมจองในงานจะเป็นกลุ่มรถขนาดเล็ก โดยเฉพาะอีโคคาร์ที่มีราคาไม่เกิน 6 แสนบาท และที่สำคัญในงานปีนี้จะมีอีโคคาร์เปิดตัวใหม่อีก 2 รุ่น คือ ซูซูกิ สวิฟท์ และมิตซูบิชิ มิราจ ทั้งยังมีรถตลาดรุ่นใหม่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า คัมรี่ ใหม่ หรือรุ่นพรีอุสไมเนอร์เชนจ์, ฮุนได เอลันตร้า, เปอโยต์ 408 รวมถึงฮอนด้า ซีวิค ก็คาดว่าจะเปิดตัวรถภายในงานด้วย รวมถึงรถหรูหราที่มีการเปิดตัวรถใหม่เช่นกัน