เปลี่ยนรูปแบบถังแก๊สแบบเดิมๆ ให้มีสีสันเสมือนของตกแต่งบ้านที่ดูไม่ขัดเขินกับเฟอร์นิเจอร์ในครัว กับนวัตกรรมถังแก๊สคอมโพสิตรายแรกในไทย “อิ่มอุ่น” ของบริษัท พี เอ พี แก็สแอนด์ออยส์ จำกัด เน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีหัวคิดทันสมัย ด้วยคุณสมบัติ “เบา สะอาด ฉลาด อดทน” ภายใต้สโลแกน “อิ่มอุ่น อิ่มท้อง อุ่นใจ” ประเดิมตลาดภาคตะวันออกช่วงชิงความได้เปรียบใกล้แหล่งบรรจุแก๊ส LPG ของบริษัท
นายสมชาย สิริพันธ์วราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี เอ พี แก๊สแอนด์ออยส์ จำกัด เล่าว่า ในฐานะที่บริษัทฯ ได้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายแก๊ส LPG ซึ่งดำเนินงานโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจแก๊สแอลพีจีโดยตรง โดยได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงพ.ศ.2543 จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2552 ซึ่งอนุญาตให้บริษัทสามารถออกใบอนุญาตให้ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับแก๊สแอลพีจี ไม่ว่าจะเป็นสถานีบริการแก๊สรถยนต์, โรงบรรจุแก๊สหุงต้ม หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันมียอดขายอยู่ในอันดับ 6 ของตลาดแก๊ส LPG ในไทยและดำเนินธุรกิจการจัดจำหน่ายแก๊สLPGอย่างครบวงจร
ส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับภาคการตลาด คือ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แก๊สปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต, สถานีบริการแก๊ส LPG สำหรับรถยนต์ และผลิตภัณฑ์ภาคครัวเรือน โดยบริษัทฯ ถือเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ผลิตถังแก๊สคอมโพสิตในนาม “อิ่มอุ่น” แทนถังแก๊สเหล็กแบบเก่า ออกสู่ตลาด โดยใช้เทคโนโลยีการเชื่อมประสานวัสดุคอมโพสิตด้วยกระบวนการผลิตแบบพัน (Filament Winding) ทำให้ทนและแข็งแกร่งมากกว่าถังแบบเดิม
ซึ่งความโดดเด่นของ “อิ่มอุ่น” อยู่ที่การออกแบบตัวถังดีไซน์ใหม่ หุ้มด้วยโพลียูริเทน รูปทรงทันสมัย โดยใช้สีชมพูสดใสสวยงามในการดึงดูดใจลูกค้าเมื่อแรกเห็น ในขณะที่รูปแบบจะเป็นตัวตุ๊กตาน่ารัก โดยอนาคตจะออกแบบเป็นลวดลายอื่นเพิ่มเติมเอาใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งคาดว่ารูปลักษณ์ดังกล่าวจะสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดทันสมัยได้เป็นอย่างดี
“นวัตกรรมการผลิตถังแก๊สแบบใหม่นี้ น่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากถังแก๊สคอมโพสิตจะช่วยขจัดปัญหาแบบเดิมๆ ได้มากขึ้นเพราะคุณสมบัติการผลิตที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งเราถือเป็นผู้นำทางการตลาดถังแก๊สคอมโพสิต เนื่องจากเป็นรายแรกและยังไม่มีผู้ใดนำนวัตกรรมมาใช้ในธุรกิจแก๊สหุงต้ม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกสินค้าใหม่ที่มีคุณภาพมากกว่า”
***รู้จัก “อิ่มอุ่น” ถังแก๊สคอมโพสิต***
ด้านการผลิตก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง ดังนั้นบริษัท พี เอ พี แก๊สแอนด์ออยส์ จำกัด จึงเลือก บริษัท อุตสาหกรรม จอบไท จำกัด ผู้ได้รับรางวัลรางวัลรองชนะเลิศอันดับ1 การออกแบบเชิงนวัตกรรม ประจำปี 2552 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งนายสมมาตร จารุรัตน์เกื้อ กรรมการผู้จัดการ เล่าว่า “อิ่มอุ่น” ถือเป็นนวัตกรรมถังแก๊สคอมโพสิตรายแรกในประเทศไทย ที่คิดและพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการเชื่อมประสานวัสดุคอมโพสิตด้วยกระบวนการผลิตแบบพัน (Filament winding) ทำให้ทนและแข็งแกร่งมากกว่าถังเหล็ก
โดยคอมโพสิตคือการใช้วัสดุใยแก้วผสมกับเรซิน ทำให้ได้วัสดุที่มีความแข็งแรงและทนทานทัดเทียมกับเหล็ก ทนแรงกระแทก ไม่มีรอยร้าว เนื่องจากวัสดุลายเนอร์ที่พัน มีความเหนียว ทนต่อการรั่วซึมของแก๊ส โดยตัวถังได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัย มอก.2441-2552 ในขณะเดียวกันก็มีความเบา สามารถยกและเคลื่อนย้ายได้สะดวกจากน้ำหนัก 18 กิโลกรัม (รวมน้ำหนักถังและบบรจุแก๊สเต็มถัง) ในขณะที่แก๊สถังเหล็กอยู่ที่ 31กิโลกรัม ส่วนราคาขายปลีกอยู่ที่ 230 บาท ส่วนถังเหล็ก 290-300 บาท
สำหรับการทำตลาดด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ภาคครัวเรือนใหม่ ด้วย ”อิ่มอุ่น” ถังแก๊สคอมโพสิตรายแรกในประเทศไทย ออกสู่ตลาดถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่บริษัทมุ่งมั่น คิดค้น และพัฒนาเป็นรายแรกของเมืองไทย การควบคุมมาตรฐานการผลิตเป็นไปตามมาตรฐาน มอก. ส่วนการออกแบบดีไซน์เป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิตถังคอมโพสิต เพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์เรื่องดีไซน์ แต่ยังคำนึงถึงเรื่องความทนทานของวัสดุ ความปลอดภัย และการขนส่งอีกด้วย
บริหาร มองว่า อิ่มอุ่นจะสามารถเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวทุกๆ คนได้ไม่ยาก เพราะตอบสนองได้ทุกความต้องการของผู้บริโภคด้วยคุณสมบัติ เบา สะอาด ฉลาด อดทน โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือน คนรุ่นใหม่ที่มีหัวคิดทันสมัย และกำลังมองหาทางเลือกใหม่ ซึ่งบริษัทฯ มีช่องทางในการทำการตลาด ด้วยการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดด้วยรูปแบบหรือ business model ใหม่ โดยในช่วงแรกบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะจัดจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดที่มีคลังแก๊สของบริษัทตั้งอยู่คือ จังหวัดภาคตะวันออก จากนั้นจะเริ่มขยายเข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
***สนใจโทร0-2692-8404-12***