นับจากการเปิดตัวรุ่น DS3 ในปี 2009 ถึงตอนนี้สายพันธุ์ DS หรือ Different Spirit ของค่ายซีตรองก็มากันครบตามที่วางแผนเอาไว้แล้ว โดยรุ่นสุดท้ายที่ถูกเปิดตัวออกสู่ตลาดคือ DS5 เน้นการเจาะตลาดรถยนต์ระดับหรูขนาดกลางด้วยความสวยแบบสปอร์ตบนตัวถังสไตล์แวกอนที่เน้นความอเนกประสงค์ ซึ่งถูกผสมสผานกับความหรูหราได้อย่างลงตัว
รหัส DS ของซีตรองคือความพยายามของแบรนด์ดังแห่งฝรั่งเศส ในการอัพเกรดผลผลิตของตัวเองให้มีความทัดเทียมกับแบรนด์ระดับหรูของเยอรมนี และถึงแม้ว่า DS จะแชร์พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับรถยนต์สายพันธุ์อื่นๆ ในค่าย แต่ก็มีการออกแบบพร้อมกับการอัพสเปก ส่วนชื่อรุ่นเป็นการปัดฝุ่นนำเอา DS ยานยนต์ระดับหรูที่เคยผลิตขายในระหว่างปี 1955-1975 กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง พร้อมกับสร้างคอนเซปต์ให้แตกต่างเพื่อครอบคลุมทุกทางเลือก
ซีตรองวางตำแหน่งทางการตลาดของรถยนต์ในกลุ่ม DS ให้สูงกว่าสายพันธุ์ปกติ โดยมีการเปิดเผยว่าจะทำตลาดด้วยกัน 3 รุ่นคือ DS3 ในกลุ่มซูเปอร์มินิและถือเป็นคู่ปรับโดยตรงของมินิ คูเปอร์จากค่ายบีเอ็มดับเบิลยู ตามด้วย DS4 เป็นครอสส์โอเวอร์แบบ 5 ประตูที่เน้นความปราดเปรียว และปิดท้ายกับรถยนต์ระดับหรูทรงแวกอนอย่างรุ่น DS5 ซึ่งจะเริ่มวางขายในยุโรปปลายปีนี้
ในแง่ของการออกแบบแม้ว่ารถยนต์คันนี้จะเป็นของใหม่แกะกล่อง แต่ความจริงแล้ว สไตล์หรือรูปแบบการสร้างสรรค์น่าจะคุ้นตาใครหลายคน เพราะว่าซีตรองปัดฝุ่นนำแนวทางการพัฒนาของต้นแบบรุ่น C-Sport Lounge Concept ที่เปิดตัวในปี 2008 มาใช้ต่อยอดแนวคิด
สำหรับรุ่น DS5 ถูกกำหนดระดับตลาดให้เทียบเคียงกับรถยนต์ในกลุ่มบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3, เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส และออดี้ เอ4 แต่นำเสนอทางเลือกใหม่ ด้วยความแปลกและไม่เหมือนใครกับตัวถังแบบแวกอน เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการยานยนต์ระดับหรูที่มีความโดดเด่นบนท้องถนน และไม่ซ้ำใครในท้องตลาด โดยเฉพาะในแง่ของการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก
ขนาดตัวถังมาพร้อมความกะทัดรัดไม่ใหญ่จนเกินไป ด้วยความยาว 4,520 มิลลิเมตร และกว้าง 1,850 มิลลิเมตร เพิ่มความเร้าใจด้วยล้อแม็กขนาด 16-19 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย และภายในห้องโดยสารมีการจัดวางเบาะนั่งโดยให้อารมณ์สปอร์ตเหมือนกับพวกรถสปอร์ตในแบบ GT หรือ Gran Turismo ส่วนพื้นที่ว่างด้านหลังสามารถบรรทุกสัมภาระได้ในระดับความจุ 465 ลิตร
อีกจุดเด่นของ DS5 คือ การนำเสนอรูปแบบใหม่ของการขับเคลื่อน ด้วยเทคโนโลยีไฮบริดของกลุ่ม PSA อย่าง Hybrid4 ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลแบบ 4 สูบ 2000 ซีซี 163 แรงม้าเป็นต้นกำลัง และมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 37 แรงม้า วางอยู่ที่เพลาท้ายรับหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อน หรือขับเคลื่อนแบบเดี่ยวๆ ก็ได้
โดยซีตรองเผยว่าเมื่อทั้ง 2 ระบบทำงานร่วมกันจะสามารถผลิตกำลังออกมาได้ในระดับ 200 แรงม้า และขับเคลื่อนในแบบ 4 ล้อ ส่วนในโหมด EV ที่มอเตอร์ไฟฟ้ารับหน้าที่ส่งกำลังหลัก ตัวรถก็จะเปลี่ยนการขับเคลื่อนมาที่ล้อหลังชั่วคราว ขณะที่การคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียอยู่ในระดับเพียง 99 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร เท่านั้น ส่วนสเปกที่เหลือทางซีตรองจะเปิดเผยอีกครั้งเมื่อถึงเวลาจำหน่ายจริง
ใครที่เป็นแฟนของซีตรอง หรือกำลังมองหายานยนต์ระดับหรูเอาไว้ใช้สักคัน DS5 ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อาจจะเริ่มเบื่อแบรนด์เยอรมนี ส่วนราคาที่จำหน่ายในยุโรปยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ แต่คาดว่าน่าจะอยู่ในระดับ 25,000 ยูโร หรือประมาณล้านนิดๆ