ข่าวในประเทศ-ค่าย “มาสด้า” เดินหน้าเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดไทย เล็งดึงรถอเนกประสงค์เอสยูวีโมเดลใหม่ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” รถคันแรกภายใต้เทคโนโลยีโลสกายแอคทีฟเต็มรูปแบบมาเป็นอีกทางเลือกเพิ่ม เผยเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกของโปรดักต์ใหม่ ที่จะต้องผลักดันให้มีการประกอบในไทย หลังจากยื่นข้อมูลรายละเอียดให้กับมาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นพิจารณาหมดแล้ว เหลือขั้นตอนเพียงตัดสินใจจะใช้โรงงานเอเอที จ.ระยอง หรือเลือกประเทศอื่นในอาเซียนขึ้นไลน์ประกอบ แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน? นับถอยหลังอีก 15 เดือน หรืออย่างเร็ว 12 เดือนนับจากนี้ไป ลูกค้าชาวไทยจะได้สัมผัสเป็นเจ้าของแน่นอน ยืนยันแม้จะเป็นรถนำเข้าก็จะเคาะราคาแข่งขันในตลาดได้
ขณะที่เร็วๆ นี้ เตรียมรุกเก๋งซับคอมแพกต์ เปิดตัวรถตัวธง “มาสด้า2” เวอร์ชั่น 2011 ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับรถ โดยเฉพาะรุ่นล่างและรองท็อป อาทิ ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่น ปรับช่วงล่างแบบสปอร์ต และติดดีวีดี 7 นิ้ว โดยปรับราคาเพิ่มประมาณ 5,000 - 20,000 บาท หวังดันยอดขายพุ่งต่อเนื่อง หลังสามารถทำตัวเลขทะลุ 3,000 คัน ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 พร้อมรุกบริการหลังการขาย ขยายศูนย์คอลเซ็นเตอร์ “มาสด้า สปีดไลน์” หวังเพิ่มช่องทางสื่อสารกับลูกค้าแนบแน่นมากขึ้น
บริษัทรถรายใหญ่ไม่ว่าจะเป็น เชฟโรเลต, ฟอร์ด หรือล่าสุดนิสสัน ต่างพากันประกาศแผนการเปิดตัวรถใหม่ในไทยและอาเซียน 4-10 รุ่น ภายในระยะเวลา 14 เดือน ไปจนถึง 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป ขณะที่ค่ายอื่นๆ แม้จะไม่ประกาศชัดเจน แต่เป็นที่ทราบกันต่างมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อยู่ในแผนแนะนำสู่ตลาดไม่น้อยหน้า และค่าย “มาสด้า” เป็นอีกรายที่กำลังหาผลิตภัณฑ์เหมาะสมกับตลาดไทย ตามนโยบายที่ต้องการจะมีสินค้าหลากหลาย และครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ที่สำคัญเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายยอดขาย 4-5 หมื่นคันต่อปี ในอนาคตอันใกล้นี้...
“มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นไลน์ผลิตรถยนต์นั่งขนาดกลาง และเอสยูวีใหม่ ซึ่งมาสด้าในไทยได้นำเสนอแผน รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาด ปริมาณการผลิต และคู่แข่ง ไปให้กับทางมาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น พิจารณาหมดแล้ว รอเพียงการศึกษาและตัดสินใจจากบริษัทแม่เท่านั้น ส่วนผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร คงไม่สามารถให้คำตอบได้”
นั่นเป็นคำกล่าวของ “โชอิชิ ยูกิ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด ในการให้สัมภาษณ์กับ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” หลังจากเข้ารับตำแหน่งใหม่หมาดๆ เมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ปีที่ผ่านมา แต่จากนั้นมาโฟกัสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่มาสด้า ดูเหมือนจะมุ่งไปที่โฉมใหม่ของ “มาสด้า3” ซึ่งเปิดตัวสู่ตลาดไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และ “มาสด้า บีที-50” ที่จะเปิดตัวต้นปีหน้านี้แทน รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาด “มาสด้า2” รถตัวธงของมาสด้าในปัจจุบัน
แต่เมื่อมาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้เผยภาพและข้อมูลทางการของ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” (Mazda CX-5) รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวีโมเดลใหม่ ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้โครงการทำตลาดเอสยูวีใหม่ในไทย กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง และโดยเฉพาะมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้แย้มออกมาต่อท้ายรายงานข่าวซีเอ็กซ์-5 ซึ่งมาสด้าเรียกเป็นรถสปอร์ตครอสโอเวอร์ว่า...
“สำหรับตลาดในประเทศไทย ผู้รักรถเอนกประสงค์แบบสปอร์ตสไตล์ครอสโอเวอร์ น่าจะได้ขับกันในอีกไม่นาน ต้องคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวกันอย่างใกล้ชิด”
นี่จึงเป็นความคืบหน้าอีกระดับหนึ่ง เกี่ยวกับแผนการทำตลาดเอสยูวี หรือครอสโอเวอร์ของมาสด้าในไทย ซึ่งมีรายงานข่าวจากมาสด้า เซลส์ ประเทศไทยระบุว่า มาสด้าในไทยยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมมากที่สุด ดังนั้นจึงมองหารถใหม่ๆ หลากหลายประเภทมาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นเอสยูวี หรือเก๋งขนาดกลาง
“สิ่งสำคัญ ณ ตอนนี้ มาสด้ามุ่งไปที่รถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี หรือครอสโอเวอร์ขนาดคอมแพกต์เป็นลำดับแรก เรากำลังจับตามองภาพรวมของตลาด และคู่แข่งในปัจจุบันอย่างใกล้ชิด โดยเชื่อว่าทิศทางความต้องการน่าจะเติบโตสูงขึ้น เพราะสอดคล้องกับสภาพถนน หรือปัญหาน้ำท่วมในบ้านเรา และมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 น่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”
ส่วนแผนการเกี่ยวกับทำตลาดมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 มีรายงานว่ามาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้เสนอข้อมูลรายละเอียดไปให้กับมาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ตอนนี้ขั้นตอนเหลือเพียงการพิจารณาเลือก จะขึ้นไลน์ประกอบที่ไหนในภูมิภาคอาเซียน อาจจะเป็นโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (AAT) จ.ระยองของไทย หรือที่ประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม หรือมาเลเซีย
“ไม่ว่าไทยจะได้ขึ้นไลน์ประกอบหรือไม่ แต่เรามุ่งมั่นที่จะนำมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เข้ามาทำตลาดแน่นอน ซึ่งหากนำเข้าซีบียูก็จะเป็นรถที่มีราคาสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยคาดว่าลูกค้าในไทยจะได้สัมผัสและขับ ภายในระยะเวลา 15 เดือน หรืออย่างเร็ว 12 เดือนนับจากนี้ไป”
สำหรับมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เป็นรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ ที่ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นภายใต้เทคโนโลยี SKYACTIV อย่างเต็มรูปแบบรุ่นแรก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ตัวถัง และช่วงล่าง จึงทำให้มีสมรรถนะการขับขี่ ความปลอดภัย และอัตราสิ้นเปลืองที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D 2.2ลิตร ซึ่งปล่อยค่าคาร์บอนไดอ็อกไซด์ (CO2 ) น้อยกว่า 120 กรัมต่อกิโลเมตร (คลิ๊กอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ซีเอ็กซ์-5) โดยกำหนดเปิดตัวเป็นทางการ ในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 ต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นรถใหม่ในระยะเวลา 12-15 เดือนข้างหน้า แต่ในสัปดาห์หน้าวันที่ 15 สิงหาคมนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เตรียมเขย่าตลาดเก๋งซับคอมแพกต์อีกระลอก ด้วยการแนะนำ “มาสด้า2” เวอร์ชั่นปี 2011 โดยได้มีการปรับเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานเข้าไป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับรถ โดยเฉพาะตัวล่างและรุ่นรองท็อปของมาสด้า2 ทั้งแบบ 4 ประตู และ 5 ประตู
โดยตามรายงานข่าวมาสด้า 2 ใหม่ ในรุ่นซีดานหรือแบบ 4 ประตู จะเปลี่ยนกันชน-กระจังหน้าใหม่ ให้เป็นแบบเดียวกับรุ่น 5 ประตู และตัวล่างของทั้งสองโมเดล จะเปลี่ยนเป็นใส่ล้อแม็กซ์ขนาด 15 นิ้ว พร้อมกับติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าทุกรุ่น ซึ่งรุ่นรองท็อป(Spirit Sport) จะใส่สเกิร์ต และปรับช่วงล่างเป็นแบบสปอร์ต เช่นเดียวกับรุ่น 5 ประตู ขณะที่รุ่นท็อป (Maxx Sport) ได้ติดดีวีดีขนาด 7 นิ้วเพิ่มเข้ามา ส่วนราคาปรับขึ้นประมาณ 5 พันบาท จนถึง 2 หมื่นบาทแล้วแต่รุ่น
ด้านสถานการณ์การขายรถยนต์มาสด้าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาสด้ายังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายที่ยังคงเติบโตทะลุ 3,000 คัน เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน โดยสามารถทำได้ทั้งหมด 3,659 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 21% โดยเฉพาะมาสด้า3 รุ่น 2.0 ลิตร โฉมใหม่ หลังจากที่เริ่มส่งมอบให้กับลูกค้า ส่งผลให้หนุนยอดขายมาสด้า3 โดยรวมสูงถึง 668 คัน เพิ่มขึ้นถึง 87% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ตัวแรงอย่างมาสด้า2 มียอดขายทะลุ 2,195 คัน และเมื่อรวมยอดขายรถมาสด้าทุกรุ่นในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.) ทำได้ถึง 23,963 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 19,929 คัน มีอัตราการเติบโต 20%
จากปริมาณจำนวนของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มาสด้าจึงได้ยกระดับการบริการเพิ่มมาตรฐานและขยายระบบให้รองรับได้มากยิ่งขึ้น โดยได้ทำการขยายศูนย์คอลเซ็นเตอร์ "มาสด้า สปีดไลน์"(Mazda Speedline) พร้อมทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพทีมใหญ่ เพื่อพัฒนาช่องทางในการสื่อสาร ระหว่างบริษัทกับลูกค้าให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และเป็นแหล่งรวบรวมและให้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางคอยให้ความช่วยเหลือลูกค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ทั้งทางด้านการขาย (SSI) และการบริการหลังการขาย (CSI)
เรียกว่า... ค่าย “มาสด้า” เตรียมลุยเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่ หรือบริการหลังการขาย ทำให้เป้าหมายยอดขาย 4-5 หมื่นคันต่อปี ในอนาคตอันใกล้นี้น่าจะบรรลุแน่นอน?!