งานปารีส มอเตอร์โชว์เมื่อปี 2010 นอกจากหลากหลายยนตรกรรมต้นแบบจากบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นแนวหน้าของโลกแล้ว ยังมียานยนต์ที่น่าสนใจอยู่คันหนึ่ง ซึ่งก็คือ รถสปอร์ตต้นแบบในสไตล์ E-REV (Extended Range Electric Vehicle) คันหนึ่งที่จอดอยู่บนพื้นที่ของทีมแข่งสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง Exagon โดยตอนนี้ผลผลิตนี้ถูกเปลี่ยนสถานะจากคำว่า ‘ต้นแบบ’ มาเป็น ‘กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา’ ก่อนจะข้ามไปเป็น ‘เปิดตัวขายจริงแน่ 2012’
Exagon เปิดเผยว่า Furtive e-GT ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ทาง Exagon ได้นำออกแล่นทดสอบสมรรถนะแล้ว เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการปรับปรุงตัวรถเพื่อนำไปสู่การผลิตจริง โดยมีการวางแผนเอาไว้ว่า Furtive e-GT จะเริ่มวางขายปลายปี 2012
คันที่ Exagon นำออกแล่นทดสอบเป็นสเป็กเดียวกับคันต้นแบบที่โชว์โฉมเมื่อปี 2010 และงานนี้ได้ตัวนิโกลาส์ พรอสต์ ทายาทของนักแข่ง F1 ชื่อดังอย่าง อแลง พรอสต์ เข้ามาร่วมทำงาน ซึ่งพรอสต์ ผู้ลูกนำ Furtive e-GT ออกแล่นทดสอบในสนามแม็กนีย์ คูร์ ซึ่งในอดีตเคยใช้จัดรายการเฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ เพื่อพิสูจน์ทั้งสมรรถนะความแรง และความอึด
ตามแผนการของ Exagon ตั้งใจจะผลิต Furtive e-GT ออกมาในรูปแบบของสปอร์ต E-REV ที่มีปริมาณการผลิตไม่มากนัก โดยตั้งเป้าเอาไว้ที่ 100 คันต่อปีเท่านั้นเอง เพื่อรองรับกับความเปลี่ยนแปลงในตลาดยุโรป ซึ่งผู้คนเริ่มหันมาสนใจรถยนต์พลังไฟฟ้ากันมากขึ้น เช่นเดียวกับที่รัฐบาลของบางประเทศเริ่มอุดหนุนและสนับสนุนโครงการรถยนต์พลังไฟฟ้ามากขึ้นกว่าเดิม
Furtive e-GT เป็นสปอร์ตคูเป้แบบ 2+2 ที่นั่ง เครื่องยนต์วางด้านหน้า โดยหน้าที่ของการขับเคลื่อนจะเป็นงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และมีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กรับหน้าที่ในการชาร์จกระแสไฟฟ้าที่สูญเสียไปในระหว่างขับ และเป็นการช่วยเพิ่มระยะทางในการขับตามชื่อประเภทที่เรียกว่า E-REV
ในแง่สมรรถนะการขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัวจาก Siemens สามารถสร้างกำลังขับเคลื่อนตัวละ 125 กิโลวัตต์ หรือโดยรวมแล้วสามารถผลิตกำลังขับเคลื่อนได้ในระดับ 340 แรงม้า ที่ 5,000-10,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ให้ความต่อเนื่องและคงที่เกือบทุกรอบเครื่องยนต์ โดยมีตัวเลขอยู่ในระดับ 48.9 กก.-ม.
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ในตัวรถเป็นแบบลิเธียม-ไอออน มีขนาด 50 kWH และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยมีการเปิดเผยว่าสามารถชาร์จได้มาถึง 3,000 ครั้ง ส่วนระยะทางที่ทำได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้งจะอยู่ระหว่าง 197-402 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพการขับ แต่ถ้าเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กถูกปลุกให้ขึ้นมาทำงานด้วย ระยะทางก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 807 กิโลเมตร
ในแง่สมรรถนะของการขับเคลื่อนถือว่าเร้าใจไม่แพ้กัน เพราะใช้เวลาเพียง 3.5 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 287 กิโลเมตร/ชั่วโมงเมื่อเข้าสู่โหมด Race แต่ถ้าเป็นโหมดปกติ จะมีการล็อกความเร็วเอาไว้แค่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้นเอง
ใครที่กำลังมองหาสปอร์ตแบบ E-REV ที่มาพร้อมกับความเร้าใจของสมรรถนะ Furtive e-GT ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง เพียงแต่ว่าราคายังไม่เผยออกมาว่าจะอยู่ที่เท่าไร