ต่อจากการรุกตลาดรถยนต์ระดับหรูขนาดกลางด้วยตัวถังซีดานไปแล้ว คราวนี้ทางด้านออดี้จัดการเปิดตัวรุ่นอเนกประสงค์ในแบบสเตชันแวกอนให้กับสายพันธุ์ A6 ยืดตัวถังด้านท้ายเพื่อรองรับกับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และเพียบพร้อมด้วยความสวยสปอร์ตบนความหรูตามแบบฉบับตัวถัง Avant ของค่ายออดี้
รุ่นแวกอนเป็น 1 ใน 2 ตัวถังที่วางขายควบคู่กันมานานตั้งแต่จุดเริ่มของสายพันธุ์ A6 ที่ถูกเปลี่ยนจากออดี้ 100 เมื่อปี 1994 ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ถือเป็นเจนเนอเรชันที่ 4 ของ A6 แล้ว โดยมีรหัสเรียกรุ่นว่า C7 และทางออดี้เปิดตัวรุ่นซีดานออกมาขายเมื่อต้นปี 2011 ที่ผ่านมา
งานนี้เป็นเรื่องของการเพิ่มทางเลือกของตัวถังในรถยนต์สายพันธุ์เดียวกัน ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจที่จะพบว่าตัวถังด้านหน้า รวมถึงแผงมาตรวัดในห้องโดยสาร ไล่ไปจนถึงประตูบานท้ายของรุ่น Avant จะถอดแบบมาจากรุ่นซีดาน ส่วนด้านท้ายมีการออกแบบใหม่เพื่อรองรับกับการใช้งานที่เน้นความอเนกประสงค์ตามแบบฉบับรถยนต์แวกอน พร้อมกับพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีความจุในยามปกติ 565 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 1,680 ลิตร เมื่อพับเบาะนั่งด้านหลังลงมาทั้งหมด
ตัวรถมีความยาวในระดับ 4,930 มิลลิเมตร กว้าง 1,870 มิลลิเมตร สูง 1,460 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,910 มิลลิเมตร โดยมีการนำอลูมิเนียมมาใช้ในการผลิตตัวถังจำนวน 20% ของโครงสร้างตัวถังทั้งหมด ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงได้ 70 กิโลกรัม โดยมีตัวเลขของน้ำหนักอยู่ที่ 1,640 กิโลกรัม สำหรับรุ่น 2.0 TDi หรือเบากว่า A6 Avant รุ่นเดิมถึง 30 กิโลกรัม
ความหลากหลายของเครื่องยนต์ยังเป็นสิ่งที่ออดี้นำเสนอให้กับลูกค้าของ A6 แต่ดูเหมือนจะเน้นไปที่รุ่นของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล เพราะเน้นกลุ่มลูกค้าในยุโรปเป็นหลัก โดยใน A6 Avant รุ่นนี้มีทางเลือกของรุ่น TDi มากถึง 4 แบบด้วยกัน เริ่มจาก 4 สูบเรียง 2000 ซีซี กำลังสูงสุด 177 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 20 กิโลเมตร/ลิตร
ตามด้วยรุ่นวี6 ขนาด 3000 ซีซี TDi มาพร้อมกับเทอร์โบ 2 ลูกในแบบ 2 จังหวะ Two-Stage ที่ปรับบูสต์สูงสุดเอาไว้ที่ 3.2 บาร์ มีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน คือ 204 แรงม้า, 245 แรงม้า และ 313 แรงม้า ซึ่งในรุ่นท็อปมาพร้อมกับอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ถ้าชอบเครื่องยนต์เบนซินก็มีอีก 2 แบบ แต่เน้นความเร้าใจด้วยเครื่องยนต์มากสูบอย่างวี6 โดยในรุ่น 2800 ซีซี มาพร้อมกับระบบวาล์วแปรผัน AVS-Audi Valvelift System และระบบ FSI แบบจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง มีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และอีกรุ่นเป็น 3000 ซีซี เทอร์โบคู่ รีดกำลังออกมาได้ 300 แรงม้า
ทุกเครื่องยนต์มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ 4 ล้อตลอดเวลาให้เลือกใช้งาน เช่นเดียวกับระบบเกียร์ที่มีให้เลือกมากมายและหลากหลาย ทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติทั้งแบบ CVT, แบบคลัตช์คู่ S Tronic 7 จังหวะ และแบบอัตโนมัติธรรมดา 8 จังหวะ
ค่าตัวของ A6 Avant ในเยอรมนีเริ่มต้นที่ 40,850 ยูโร หรือเกือบๆ 1.8 ล้านบาท โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในตลาดยุโรปได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ ส่วนบ้านเรา ถ้าอยากขับ ลองติดต่อตัวแทนจำหน่ายดู