ต่อจากรุ่นคูเป้ คราวนี้ถึงคิวของเวอร์ชันเปิดประทุนบ้างที่จะได้สวมรหัสแรงอย่าง GT เมื่อออดี้เผยโฉม R8 GT Spyder ออกมาแล้ว ซึ่งนอกจากจะมาพร้อมกับความโฉบเฉี่ยวแล้ว ยังเร้าใจด้วยสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นจากกำลังสูงสุดที่ถูกขยับขึ้นมาเป็น 560 แรงม้า
ในปีที่แล้วออดี้เปิดตัวรหัส GT ให้บรรดาแฟนๆ ที่รักความเร้าใจได้รู้จัก โดยผ่านทางตัวถังคูเป้ของรุ่น R8 พร้อมกับได้รับการตอบรับที่ดีจนนำมาสู่การเพิ่มทางเลือกใหม่ในครั้งนี้ ซึ่ง R8 GT Spyder ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ของการลดน้ำหนักตัวถัง และเพิ่มฝีเท้าให้จัดจ้านขึ้น
สำหรับประเด็นแรก คือ การนำ CFRP-Carbon Fiber Reinforced Plastic มาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนตัวถังต่างๆ เช่น กันชนท้าย พื้นที่ตรงส่วนห้องเครื่องยนต์ด้านท้ายของตัวรถ และสปอยเลอร์รอบ แผงหน้าปัดและโครงสร้างเบาะนั่งคู่หน้าผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบาที่เรียกว่า GRP หรือ Glass-Reinforced Plastic ขณะที่กระจกบังลมหน้ามีความหนาลดลงแต่คงความแข็งแกร่งเหมือนเดิม สามารถลดน้ำหนักไปได้85 กิโลกรัม โดยน้ำหนักรวมของตัวรถอยู่ที่ 1,650 กิโลกรัม ขณะที่ตัวรถมีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักระหว่างด้านหน้าและหลัง 43:57%
หลังคาผ้าใบเป็นแบบพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้าใช้เวลา 19 วินาทีในการกางออกหรือพับเก็บ และสามารถทำงานได้ในขณะที่รถกำลังแล่น แต่ต้องมีความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่วนประเด็นต่อมาในด้านความแรง เครื่องยนต์ที่วางอยู่กลางลำเป็นบล็อกวี10 ทวินแคม พร้อมระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน หรือ FSI มีความจุกระบอกสูบ 5,200 ซีซี ถูกเพิ่มกำลังจาก 525 แรงม้าในรุ่นปกติมาเป็น 560 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดก็ขยับจาก 54.0 กก.-ม. มาเป็น 55.0 กก.-ม. ที่ 6,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่การขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ quattro ด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือแบบกึ่งอัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่น R Tronic ที่เป็นออพชั่นซึ่งลูกค้าต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ในด้านสมรรถนะของการขับเคลื่อน ตอบสนองด้วยความเร้าใจในขณะขับขี่ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 317 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เพิ่มความดุดันและสมรรถนะในการยึดเกาะด้วยล้อแม็กขนาด 8X19 นิ้วพร้อมยาง 235/35R19 สำหรับล้อหน้า และ 11X19 นิ้วกับยาง 295/30R19 สำหรับล้อหลัง ขณะที่ระบบช่วงล่างถูกปรับลดความสูงลงจากรุ่นมาตรฐานอีก 10 มิลลิเมตร ดิสก์เบรกเปลี่ยนมาเป็นแบบคาร์บอนเซรามิก มีขนาด 380 มิลลิเมตรสำหรับด้านหน้า และ 365 มิลลิเมตรสำหรับด้านหลัง
333 คันเท่านั้นที่จะมีการผลิตออกขาย ซึ่งก็เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่นเหมือนกับรุ่นคูเป้ ซึ่งตรงนี้แน่นอนว่าราคาย่อมแพงกว่ารุ่นปกติ โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 207,800 ยูโร ในเยอรมนี หรือ 9.14 ล้านบาท
ในปีที่แล้วออดี้เปิดตัวรหัส GT ให้บรรดาแฟนๆ ที่รักความเร้าใจได้รู้จัก โดยผ่านทางตัวถังคูเป้ของรุ่น R8 พร้อมกับได้รับการตอบรับที่ดีจนนำมาสู่การเพิ่มทางเลือกใหม่ในครั้งนี้ ซึ่ง R8 GT Spyder ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ของการลดน้ำหนักตัวถัง และเพิ่มฝีเท้าให้จัดจ้านขึ้น
สำหรับประเด็นแรก คือ การนำ CFRP-Carbon Fiber Reinforced Plastic มาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนตัวถังต่างๆ เช่น กันชนท้าย พื้นที่ตรงส่วนห้องเครื่องยนต์ด้านท้ายของตัวรถ และสปอยเลอร์รอบ แผงหน้าปัดและโครงสร้างเบาะนั่งคู่หน้าผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบาที่เรียกว่า GRP หรือ Glass-Reinforced Plastic ขณะที่กระจกบังลมหน้ามีความหนาลดลงแต่คงความแข็งแกร่งเหมือนเดิม สามารถลดน้ำหนักไปได้85 กิโลกรัม โดยน้ำหนักรวมของตัวรถอยู่ที่ 1,650 กิโลกรัม ขณะที่ตัวรถมีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักระหว่างด้านหน้าและหลัง 43:57%
หลังคาผ้าใบเป็นแบบพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้าใช้เวลา 19 วินาทีในการกางออกหรือพับเก็บ และสามารถทำงานได้ในขณะที่รถกำลังแล่น แต่ต้องมีความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่วนประเด็นต่อมาในด้านความแรง เครื่องยนต์ที่วางอยู่กลางลำเป็นบล็อกวี10 ทวินแคม พร้อมระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน หรือ FSI มีความจุกระบอกสูบ 5,200 ซีซี ถูกเพิ่มกำลังจาก 525 แรงม้าในรุ่นปกติมาเป็น 560 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดก็ขยับจาก 54.0 กก.-ม. มาเป็น 55.0 กก.-ม. ที่ 6,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่การขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแบบ quattro ด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือแบบกึ่งอัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่น R Tronic ที่เป็นออพชั่นซึ่งลูกค้าต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ในด้านสมรรถนะของการขับเคลื่อน ตอบสนองด้วยความเร้าใจในขณะขับขี่ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 317 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เพิ่มความดุดันและสมรรถนะในการยึดเกาะด้วยล้อแม็กขนาด 8X19 นิ้วพร้อมยาง 235/35R19 สำหรับล้อหน้า และ 11X19 นิ้วกับยาง 295/30R19 สำหรับล้อหลัง ขณะที่ระบบช่วงล่างถูกปรับลดความสูงลงจากรุ่นมาตรฐานอีก 10 มิลลิเมตร ดิสก์เบรกเปลี่ยนมาเป็นแบบคาร์บอนเซรามิก มีขนาด 380 มิลลิเมตรสำหรับด้านหน้า และ 365 มิลลิเมตรสำหรับด้านหลัง
333 คันเท่านั้นที่จะมีการผลิตออกขาย ซึ่งก็เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่นเหมือนกับรุ่นคูเป้ ซึ่งตรงนี้แน่นอนว่าราคาย่อมแพงกว่ารุ่นปกติ โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 207,800 ยูโร ในเยอรมนี หรือ 9.14 ล้านบาท