จากเดิมที่เคยจัดกันในช่วงเดือนเมษายนอยู่เป็นประจำทุกปี แต่ในปีนี้งานรวมพลของบรรดาคนรักรถยนต์ของโฟล์คสวาเกนและบริษัทในเครือก็โดนเลื่อนออกมา และคราวนี้มาจัดกันในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ระหว่างวันที่ 1-4 แทน
สถานที่ในการจัดแสดงยังเหมือนเดิม คือ ใช้พื้นที่ริมทะเลสาบของเมือง Reifnitz ประเทศออสเตรีย และอีกสิ่งที่เหมือนเดิม คือ โฟล์คสวาเกนและพลพรรคก็ยกพลมาสร้างสีสันกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเหมือนเดิม และที่เห็นอยู่นี้ คือ หนึ่งในนั้น
งานนี้มีชื่อว่า Wortherseetour และมีขึ้นยาวนานซึ่งในปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 30 แล้ว ขณะที่รถยนต์เด่นของงานในปีมาจากค่ายออดี้ ซึ่งยังชู A1 เป็นตัวฮ็อตของงานเช่นเคยเหมือนกับปีที่แล้ว โดยในปีนี้ A1 มากับรหัสที่เรียกว่า Clubsport พกม้ามามากกว่า 500 ตัว
ต้องบอกว่าเป็นที่สุดของ A1 เลยก็ว่าได้ เพราะรถยนต์ในคลาส A-Segment แต่กลับพกเรี่ยวแรงมหาศาลมาด้วย โดยแหล่งผลิตกำลังก็มาจากเครื่องนนต์ 5 สูบ 2500 ซีซี FSI เทอร์โบ ที่แฟนๆ ของออดี้คุ้นเคยกันดี เพราะประจำการอยู่ในตัวแรงอย่าง TT RS และ RS3 Sportback ซึ่งตามปกติแล้วมีเรี่ยวแรงเลียบๆ เคียงๆ อยู่ที่ 300 แรงม้า
แต่สำหรับบล็อกที่วางใน A1 Clubsport มีการอัพเกรดแรงม้าครั้งใหญ่ ขยับตัวเลขขึ้นมาอยู่ที่ 503 ตัว และแรงบิดมหาศาลถึง 67.2 กก.-ม. ที่ระหว่างรอบ 2,500-3,500 รอบ/นาที โดยม้าที่เพิ่มขึ้นมานี้เป็นผลมาจากการปรับจูนเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ระบบท่อไอเสีย และชุดกล่องควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์
อย่างไรก็ตาม แม้จะดูแล้วตัวเล็ก แต่น้ำหนักกับผิดคาด เพราะดูจากไซส์แล้ว A1 น่าจะมีน้ำหนักตัวอยู่ในระดับ 1 ตันนิดๆ แต่สำหรับเวอร์ชัน Clubsport มีน้ำหนักอยู่ในระดับ 1,390 กิโลกรัมเลยทีเดียว
แต่นั่นก็ไม่ส่งผลอะไรต่อสมรรถนะในการขับเคลื่อน เพราะอัตราเร่งตีนต้นจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 3.7 วินาทีเท่านั้น ส่วนในย่านความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ความเร็ว 10.9 วินาที โดยอัตราเร่งแซงในช่วงความเร็ว 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่เกียร์ 4 ใช้เวลาทันใจมากเพียง 2.4 วินาทีเท่านั้น และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สำหรับหน้าที่ในการส่งกำลังเป็นงานของเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาในแบบ quattro และไม่ได้เร้าใจเฉพาะสมรรถนะเท่านั้น แต่รูปลักษณ์ภายนอก ทางออดี้ยังอัพเกรดจนเอี่ยมเลย โดยเฉพาะการแต่งแต้มด้วยสปอยเลอร์รอบคันที่ให้ทั้งความสวยงาม และประสิทธิภาพในการทรงตัวเมื่อต้องขับด้วยความเร็วสูง พร้อมกับเจาะช่องระบายอากาศบนฝากระโปรงหน้าให้กับเครื่องยนต์
นอกจากนั้นแผ่นหลังคายังเปลี่ยนมาใช้แบบคาร์บอนไฟเบอร์ CFRP หรือ Carbon Fiber-Reinforced Polymer เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มความสวยงาม และยังขยายตัวถังให้เป็นแบบ Wide Body ด้วยการเพิ่มความกว้างอีก 60 มิลลิเมตร ส่วนกระจกมองข้างก็ถูกออกแบบให้เพรียวลม และมีลักษณะคล้ายกับที่ใช้อยู่ในซูเปอร์คาร์รุ่น R8 ขณะที่ปลายท่อไอเสียออกทางด้านหน้าของซุ้มล้อหลังเหมือนกับตัวแข่ง Audi A4 DTM
ล้อแม็กวงโตขนาด 19 นิ้วจับคู่กับยางแก้มเตี้ยไซส์ 255/30R19 และเหนือชั้นแบบสุดๆ ด้วยดิกส์เบรกแบบคาร์บอนเซรามิกพร้อมคาลิเปอร์แบบ 6 ลูกสูบที่ด้านหน้า ขณะที่ด้านหลังเป็นดิสก์แบบธรรมดา แต่มีขนาดใหญ่ขึ้นจากรุ่นปกติ
คันนี้ออดี้บอกมาว่าแค่ทำโชว์เท่านั้น ไม่มีขาย แต่ที่จะมีแน่ๆ คือ เวอร์ชันตัวแรงของ A1ซึ่งก็คงถูกตอนกำลังให้เหลือระดับป้วนเปี้ยน 200 แรงม้าต้นๆ