มากันให้ครบเซตตามตัวถังของอี-คลาสใหม่ที่วางขายอยู่ในตลาด ตอนแรกก็เป็นตัวถังซีดาน ตามด้วยคูเป้ และแน่นอนว่าต้องลงท้ายด้วยเปิดประทุนอย่างที่เห็นในภาพ ซึ่งนี่คือผลผลิตใหม่ล่าสุดของความเร้าใจบนความหรูในระดับ 800 แรงม้า ด้วยเวอร์ชัน E V12 Cabriolet จากค่ายบราบัส ที่นำเอาอี-คลาสเปิดประทุนมาสวมหัวใจวี12 พร้อมแต่งเข้มตลอดทั้งคันตามแบบฉบับของสำนักแต่งสัญชาติเยอรมัน
สิ่งที่เหมือนกันของทั้ง 3 ตัวถังในรหัสนี้คือ การเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่จากเดิมที่ในโรงงานสูงสุดแค่วี8 มาคราวนี้ขอเบ่งกล้ามด้วยขุมพลังซีซีเยอะของพี่ใหญ่อย่างรุ่น S600 โดยเป็นเครื่องยนต์วี12 ที่มีความจุ 5500 ซีซี แต่ถูกขยายความจุทั้งคว้านกระบอกสูบ และเพิ่มระยะชักจนมีปริมาตรอยู่ในระดับ 6300 ซีซี
เท่านั้นยังไม่พอ มีการเสริมระบบอัดอากาศเพื่อรีดกำลังออกมาตอบสนองทั้งตีนต้นและตีนปลายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการโมดิฟายฝาสูบ และเปลี่ยนแคมชาฟต์เพื่อเพิ่มความลื่นไหลของอากาศขณะเข้าสู่เครื่องยนต์ และอินเตอร์คูลเลอร์ 4 ตัวช่วยในการลดความร้อนของอากาศที่ถูกอัดเข้ามา เช่นเดียวกับท่อร่วมไอเสียชุดใหม่ที่เน้นทั้งเสียงอันหนักแน่น และประสิทธิภาพในการระบายไอเสีย และปรับ Map การทำงานของกล่อง ECU ที่ควบคุมเครื่องยนต์
กำลังของเครื่องยนต์บล็อกนี้อยู่ที่ 800 แรงม้าในหน่วย HP หรือ 788 แรงม้าถ้าคิดตามหน่วย BHP ที่ 5,500 รอบ/นาที ขณะที่แรงบิดสูงสุดถูกปลดปล่อยออกมาเต็มพิกัดด้วยเลข 4 หลัก โดยอยู่ในระดับ 1,420 นิวตัน-เมตร หรือ 144.7 กก.-ม. แต่ด้วยเหตุที่บราบัสกลัวเครื่องหรือเกียร์จะพังคาเท้า หรือกลับบ้านเก่าก่อนวัยอันควร ก็เลยควบคุมการปล่อยแรงบิดสูงสุดออกมาในระดับที่เหมาะสม แค่ 1,100 นิวตัน-เมตร หรือ 112.1 กก.-ม. แทน ถ้าใครอยากเสี่ยงก็เปิดก๊อกไขปล่อยแรงบิดกันเอาเอง
เห็นตัวเลขแรงม้า และแรงบิดแล้วคงเดาสมรรถนะของตัวรถกันได้ไม่ยาก ซึ่ง E V12 Cabriolet1 มาพร้อมกับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในระดับ 3.7 วินาที และ 9.9 วินาที สำหรับย่านความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั้วโมง แต่ถ้าจะกดให้ทะลุ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมงก็อดใจอีกหน่อย เพราะต้องใช้เวลา 23.9 วินาที สำหรับความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 370 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียกว่าสมรรถนะไม่น้อยบรรดาซูเปอร์คาร์พันธุ์แท้จากโรงงานเลย
แน่นอนว่าเมื่อมีการรีดเค้นสมรรถนะออกมาอย่างดุดันขนาดนี้ ตัวรถจะต้องมีการปรับแต่งหรือปรับปรุงเพื่อรองรับกับการขับขี่ ซึ่งทีมวิศวกรของบราบัสได้ให้ความสำคัญกับการปรับแต่งเพื่อเน้นความปลอดภัยทั้งในแง่ของการทรงตัวบนทางตรงและทางโค้ง ขณะขับด้วยความเร็ว และความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวถังที่จะต้องรับมือกับการบิดตัวในจังหวะที่มีการถ่ายทอดม้าลงสู่พื้นถนน
ในแง่ของความสวยและประสิทธิภาพในการทรงตัวย่านความเร็วสูงนั้นมาจากชุดสปอยเลอร์รอบคันที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งในแง่ของความสวยงามและการใช้งาน อีกทั้งยังเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาและลงตัวอย่างคาร์บอนไฟเบอร์แบบ High Strength มาใช้ในการผลิต และเพื่อให้เกิดความมั่นใจในแง่ของสมรรถนะการใช้งาน มีการนำเข้าไปแล่นทดสอบในอุโมงค์ลมอีกด้วย
สปอยเลอร์ด้านหน้าจะทำหน้าที่ในการลดอาการยกของตัวถังด้านหน้า ในกรณีที่มีกระแสลมที่มีความรุนแรงลอดผ่านใต้ท้องรถ เวลาแล่นด้วยความเร็วสูง ขณะที่ลวดลายของกันชนหน้าออกแบบโดยเน้นในแง่ของประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้กับหม้อน้ำ ส่วนสปอยเลอร์หลังก็ทำหน้าที่ในการสร้างแรงกดเพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น
ในส่วนของช่วงล่างมีการปรับปรุงมากมาย ทั้งล้อแม็กลายพิเศษขนาด 9.5X19 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/30ZR19 สำหรับด้านหน้า ส่วนด้านหลังมีหน้ากว้าง 10 นิ้ว จับคู่กับยาง 295/30ZR19 โดยที่ดิสก์เบรกด้านหน้าถูกขยายขนาดเป็น 380 มิลลิเมตร พร้อมคาลิเปอร์ 12 ลูกสูบ และด้านหลัง 360 มิลลิเมตรจับคู่กับคาลิเปอร์ 6 ลูกสูบ
สำหรับคนที่สนใจความแรงแบบดุๆ ในสไตล์เปิดประทุน เก็บเงินรอเอาไว้เยอะหน่อยละกัน เพราะในเยอรมนีตั้งราคาเอาไว้ที่ 478,000 ยูโร หรือ 21.03 ล้านบาท หากเข้าบ้านเราน่าจะมีราคาแบบรวมภาษีอยู่ที่เท่าไร ให้เอา 3 คูณเข้าไปได้เลย ก็จะได้ตัวเลขคร่าวๆ ที่จะต้องบรรจงเซ็นใส่ลงบนเช็ค