xs
xsm
sm
md
lg

“เกีย โซล”แฟชั่นคาร์อารมณ์ใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เกีย โซล” (Kia Soul) นับเป็นโปรดักต์ตัวแรกๆ ที่โชว์ความทันสมัยของการออกแบบ หรือเป็นสัญลักษณ์แห่งการก้าวสู่นวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่ของเกีย เพราะที่ผ่านๆ มา เรามักจะเห็นแต่ความโบราณ จากบรรดารถเก๋ง ตลอดจนเอสยูวี และเอ็มพีวี ที่“ทู่ซี้”ทำตลาดมานานหลายปี

….ผู้เขียนเคยคุยกับ คุณ “สาธิต เตชะลาภอำนวย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด สมัยนั้น (ตอนนี้ออกไปทำธุรกิจส่วนตัว จนร่ำรวยไปแล้ว) ช่วงก่อนที่จะนำ “เกีย โซล” เข้ามาทำตลาด ซึ่ง “คุณสาธิต” มั่นใจกับโปรดักต์ตัวนี้มาก ส่วนหนึ่งเพราะรูปลักษณ์โดดเด่นแตกต่าง พร้อมความอเนกประสงค์ และตั้งราคาขายเพียงล้านต้นๆเท่านั้น

แต่หลังจากไอเดียตกผลึก โดย “ยนตรกิจเกีย” เตรียมจัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อต้นปีที่แล้ว และคาดว่าจะเชิญลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย หวังสร้างกระแสให้กระหึ่ม(ช่วงเปิดตัวต้องตะโกนเสียงดังหน่อย) แต่สุดท้ายดันมา “แป๊ก” ติดม็อบเสื้อแดง แผนทุกอย่างล้มครืน จึงทำให้การนำ“เกีย โซล”เข้าสู่ตลาดเงียบหงอยไปนิด (แม้จะนำไปเปิดตัวในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2010)

ถึงวันนี้ “เกีย โซล” ทำยอดขายได้เพียง10-20 คันต่อเดือน ส่วนหนึ่งเพราะได้โควตาจากบริษัทแม่มาน้อย รวมถึงข้อจำกัดเรื่องสีตัวถัง เนื่องจากสีที่ลูกค้านิยมกลับมีไม่พอต่อความต้องการ

...เอาละครับหนึ่งปีผ่านไป “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ถึงจะมีโอกาสได้ลองขับ “เกีย โซล” ถือว่านานเอาการ แต่ก็เข้าใจทาง “ยนตรกิจเกีย” เพราะที่ผ่านมาได้รถมาน้อย ดังนั้นพอนำเข้ามาปุ๊บ ก็ต้องรีบจัดส่งให้ลูกค้าที่เขาจ่ายเงินรอทันที

สำหรับ“เกีย โซล” ใครเห็นรูปทรงก็พอจะรู้ว่า ทำออกมากระชากใจวัยรุ่น หรือเดินตามรอยพวก “โตโยต้า บีบี” หรือ “นิสสัน คิวบ์” ซึ่ง2-3 ปีที่ผ่านมา “เกรย์มาร์เกต” เมืองไทยนำเข้ามาขายกันจนนับออเดอร์ไม่ไหว แม้ราคาค่าตัวจะสูงถึง 1.5-1.6 ล้านบาทก็ตาม

สำหรับ“เกีย โซล” เป็นรถนำเข้าทั้งคันจากประเทศเกาหลี สนนราคา1.328 ล้านบาท มาพร้อมรูปลักษณ์ทรงกล่อง 5 ประตู มิติตัวถัง ยาว 4,105มม. กว้าง 1,785มม. สูง 1,610มม. และระยะฐานล้อ 2,550 มม.

ภายในตกแต่งเร้าอารมณ์สุดๆ ด้วยโทนสีดำแดง (ตอนนี้มีให้เลือกแบบเดียว) ทั้งแผงแดชบอร์ด แผงประตู คอนโซล พวงมาลัย และเบาะนั่ง พร้อมเครื่องเสียงชั้นดี มีช่องเสียง AUX USB หรือ iPod และขับด้วยลำโพง8 ตัว ซึ่งยามค่ำคืนจะโดดเด่นด้วยสีสันเรืองแสงของลำโพงที่เปลี่ยนได้ถึง 7 สี ทั้งนี้ยังมีปุ่มควบคุมระดับแสง หรือเลือกสีได้ตามใจชอบอีกด้วย

ออปชันเด่นอีกอย่างของ “เกีย โซล” คือ กล้องมองหลังที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจอดรถเข้าซอง โดยจะส่งภาพมายังกระจกมองหลัง ซึ่งใช้พื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของกระจกในการแสดงภาพขณะถอย (เหมือน ฮุนได ทูซอน) ให้ความแม่นยำและชัดเจนดีทีเดียว

การเข้า-ออกภายในห้องโดยสารสะดวก พอนั่งแล้วรู้สึกกว้างขวางเหมือนเก๋งคอมแพกต์ทั่วไปแต่ตำแหน่งสูงกว่า ส่วนเบาะนั่งผู้ขับปรับระดับโดยใช้มือโยก โครงเบาะรับสรีระนั่งสบาย ทัศนวิสัยด้านหน้าชัดเจน แต่ต้องทำความคุ้นเคยกับการกะระยะหักเลี้ยวสักนิด ส่วนการมองผ่านกระจกมองหลังถือว่ากว้างพอใช้ได้ แต่จะมีจุดอับตรงมุมซ้าย(เสา ซี-พิลลาร์) ซึ่งตรงนี้แตกต่างจาก “นิสสัน คิวบ์” ที่ออกแบบเป็นกระจกใสให้ความชัดเจนกว่า

แม้รูปลักษณ์จะเป็นเหลี่ยมสันออกแนวต้านลม แต่การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม หรือจะมีเพียงเสียงยางบดพื้นถนนสะท้านมาให้ได้ยินบ้างเล็กน้อย (ใช้ยางแมกซิสขนาด 225/45 R18)

ในส่วนของการขับขี่ “เกีย โซล” โดยรวมถือว่าเป็นรถขับขี่สบาย ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.25 เมตร พร้อมพวงมาลัยไฟฟ้าแรคแอนด์พิเนียน น้ำหนักจะเบาช่วงใช้ความเร็วต่ำ หรือกรณีขึ้นห้าง วนหาที่จอดยังทำได้สบายมือ

ขณะเดียวกันการขับขี่ความเร็วสูง หรือวิ่งออกนอกเมือง ใช้ความเร็ว 100-120 กม./ชม. น้ำหนักพวงมาลัยจะหนืดหน่วงขึ้นมาอีกนิด แต่กระนั้นการบังคับควมคุมอาจไม่เฉียบคมนัก การตอบสนองซ้าย-ขวามีระยะฟรีพอสมควร ตรงนี้แล้วแต่ความตั้งใจของวิศวกร ซึ่งดูแล้วอาจจะเซตให้เป็นรถขับง่าย เน้นความปลอดภัยมากกว่า

ด้านช่วงล่างหน้าเป็นอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และคอยล์สปริง หลังเป็นทอร์ชันบีม และเทรลลิ่งอาร์ม พร้อมโช้คอัพก๊าซ (ไนโตรเจน) ของ Sachs เซตออกแนวสปอร์ตแข็ง ซึ่งการขับเรื่อยๆในเมืองไม่ถึงกับดิบกระด้าง แต่ก็ดีดเด้งพอสมควร เมื่อผ่านเนินลูกระนาด หรือขึ้นลงคอสะพาน

อย่างไรก็ตาม แม้ “เกีย โซล” คันนี้ดูจะตั้งใจเซตช่วงล่างมาให้หนึบสุดๆ แต่ส่วนตัวผู้เขียนเองไม่ค่อยประทับใจกับการทรงตัวในโค้งเท่าไหร่นัก เพราะลองเข้าโค้งยาวๆ ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.ตัวถังจะออกอาการโยกโยนนิดหน่อย ซึ่งถ้าหากมีผู้โดยสารนั่งอยู่ด้วยสัก 2-3 คน หรือมีสัมภาระบรรทุกไปด้วยอาจจะเนียนกว่านี้

ใต้ฝากระโปรงของ “เกีย โซล” วางเครื่องยนต์เบนซิน Gamma ขนาด 1.6 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน CVVT ให้กำลังสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 156 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมระบบเลือกเล่นเปลี่ยนเกียร์เอง ซึ่งเกียเรียกว่า H-Matic

ในจังหวะออกตัว (เกียร์หนึ่ง) รถเหมือนจะพุ่งกระตือรือร้นดีนะครับ แต่พอความเร็วถึง 40 กม./ชม. แล้วหวังไล่ตัวเลขความเร็วขึ้นไปดูจะอืดๆไปนิด เช่นเดียวกับจังหวะคิกด์ดาวน์เร่งแซง อาจต้องใช้เวลาเร่งลุ้นสักพัก

ทั้งนี้เมื่อทำความความเร็วเกิน 100 กม./ชม.ขึ้นไป พละกำลังเริ่มมาอย่างต่อเนื่องและไหลไปได้ยาวๆ โดยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 160 กม./ชม.

ด้านเบรกเป็นหน้าดิสก์พร้อมช่องระบายความร้อน หลังเป็นดรัม โดยน้ำหนักแป้นเบรกกำลังดี กดหยุดนุ่มนวลและได้ระยะตามคาด ขณะเดียวกัน ยังเสริมด้วยระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และความปลอดภัยระดับถุงลมนิรภัยคู่หน้า

ในส่วนของอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยในเมือง-นอกเมืองขับความเร็วสูง ระยะทางร่วม 200 กิโลเมตร ผู้เขียนเห็นตัวเลขที่หน้าจอแสดงประมาณ 8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ12.5 กิโลเมตร/ลิตร

รวบรัดตัดความ...สมรรถนะไม่ได้จัดจ้านตามสีสันที่เห็น แต่ซื้อมาแล้วขับเท่ สะกดทุกสายตาบนท้องถนน การใช้งานในเมืองคล่องตัวพอสมควร ส่วนภายในกว้างขวางนั่งสบาย ขนเพื่อนสัก 3-4คน พร้อมบรรทุกสัมภาระไปด้วยยังเหลือๆ...รถ“แฟชั่นคาร์”แบบนี้ ถ้าชอบก็ซื้อครับ อย่าคิดมาก




กำลังโหลดความคิดเห็น