เพียง 1 ปี หลังการเปิดตัวทำตลาดของ “นิสสัน มาร์ช” รถยนต์คันแรกในตระกูลอีโคคาร์ ถึงปัจจุบันฟันยอดขายไปกว่า 20,000 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ยังไม่รวมกลุ่มลูกค้าที่กำลังกอดใบจองรอรถอีก 3-4 เดือน หรือคิดเป็นยอดค้างส่งมอบเกือบ 10,000 คันเลยทีเดียว
...จากความสำเร็จดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นถึงความต้องการตลาดที่มีอย่างล้นหลาม และไม่เพียง “นิสสัน” เท่านั้นที่จะได้เก็บกินเค้กก้อนนี้ เพราะล่าสุดค่าย “ฮอนด้า” ก็พร้อมโดดลงมาแย่งยอดขาย ด้วยการเปิดตัว “บริโอ้” น้องใหม่ในตระกูลอีโคคาร์เช่นกัน
อย่างไรก็ตามหลังการเปิดตัว ซึ่งหลายคนได้เห็นราคาและสเปกแล้ว ย่อมเกิดคำถามในใจว่า“ฮอนด้า บริโอ้”น่าซื้อหามาใช้ไหม? หรือถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง “นิสสัน มาร์ช” แล้ว ตัวเลือกไหนคุ้มกว่ากัน?... “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จะลองเอารถทั้งสองรุ่นมาเปรียบมวย และขอว่ากันที่ออปชันกับราคาเท่านั้น ส่วนสมรรถนะการขับขี่เป็นอย่างไร? ต้องรอหลังสงกรานต์จะนำมาเสนออีกครั้ง
สำหรับ บริโอ้ มากับ 3 รุ่นย่อย คือ S เกียร์ธรรมดา ราคา 399,900 บาท V เกียร์ธรรมดา ราคา 469,500 บาท และ V เกียร์อัตโนมัติ 508,500 บาท
ส่วนมาร์ชนั้นมีทางเลือกหลากหลายถึง 6 รุ่นย่อย แบ่งเป็นเกียร์ธรรมดา 2รุ่น คือS ราคา375,000 บาท และ E 425,000 บาท ที่เหลือเป็นเกียร์อัตโนมัติ E 459,000 บาท EL 489,000 บาท V 507,000 บาท และVL ราคา537,000 บาท
ด้านเครื่องยนต์ใช้เบนซินขนาด 1.2 ลิตรเท่ากัน แต่มาร์ชจะเป็นบล็อก 3 สูบ 79 แรงม้า ส่วนบริโอ้ 4 สูบ 90 แรงม้า ระบบส่งกำลังเหมือนกันคือ อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
ขณะที่มิติตัวถัง มาร์ช อาจดูได้เปรียบ บริโอ้ นิดๆ เพราะถ้าเป็นมวยก็เหมือนรถรุ่นใหญ่ลดน้ำหนักลงมาต่อยรุ่นเล็ก ซึ่งมาร์ชนั้นแต่ไหนแต่ไรมาการทำตลาดในญี่ปุ่นและตลาดโลกก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม ซับคอมแพกต์ หรือ บีเซกเมนท์ แต่กระนั้นเมื่อเข้ามาสวมโครงการอีโคคาร์ในไทย จำเป็นต้องหันมาใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพื่อผ่านมาตรฐานไอเสีย และอัตราบริโภคน้ำมัน
ผิดกับบริโอ้ ที่เริ่มแนวคิดของการพัฒนาต่างกัน ซึ่งฮอนด้าคาดหวังจะให้เป็นเก๋งขนาดเล็ก และระดับการตลาดต่ำกว่าพวกซับคอมแพกต์(แจ๊ซ,ซิตี้)ชัดเจน
โดยรวมมิติตัวถังมาร์ชดูจะใหญ่กว่าบริโอ้ ด้วยความยาว (มาร์ช/บริโอ้) 3,780/3,610 มม. กว้าง 1,665 /1,680 มม. สูง 1,515/1,485 มม. และระยะฐานล้อ 2,450/2,345 มม.
ด้านน้ำหนักตัวในรุ่นล่างสุด S เกียร์ธรรมดา มาร์ช 900 กิโลกรัม ส่วนบริโอ้ เริ่มที่ 925 กิโลกรัม ขณะที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT ของมาร์ชจะเริ่มตั้งแต่ 950-965 กิโลกรัม ส่วนบริโอ้รุ่นท็อปหนัก 950 กิโลกรัม
ในรุ่นล่างเกียร์ธรรมดา มาร์ช (375,000 บาท) กับ บริโอ้ (399,900 บาท) มีระบบปรับอากาศแต่ไม่มีเครื่องเสียง และลูกค้าจะได้ล้อกระทะขนาด 14 นิ้วเหมือนกัน ส่วนมาร์ชนั้นกระจกข้างใช้มือหมุนทั้ง 4 บาน แต่บริโอ้เป็นแบบไฟฟ้าคู่หน้า ขณะเดียวกันราคาที่แพงกว่าของบริโอ้ ลูกค้าจะได้ระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ส่วนมาร์ช มีให้ลูกเดียวฝั่งคนขับ
อย่างไรก็ตามชีวิตคนเมือง หรือพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ ย่อมเน้นการใช้รถเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งบริโอ้มีเพียงรุ่นท็อปV ราคา 508,500 บาท เป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น และน่าจะเทียบได้กับมาร์ช รุ่น V ราคา 507,000 บาท
ระหว่างสองรุ่นย่อยนี้ ดูออปชันหลักๆแล้ว มาร์ช จะเหนือกว่านิดๆ เริ่มจากภายนอก มากับล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว (บริโอ้ 14 นิ้ว) และมีใบปัดน้ำฝนด้านหลัง (บริโอ้ ไม่มี) แต่ในส่วนของไฟเบรกดวงที่สาม บริโอ้ใช้แบบ LED ส่วนมาร์ชใช้หลอดธรรมดา
ภายในมาร์ช ติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (บริโอ้ ธรรมดา) ส่วนเครื่องเสียงเล่น วิทยุ ซีดี MP3 1 แผ่น เสริมช่องต่อ AUX ขับด้วยลำโพง 4 ตัว ขณะที่บริโอ้ เป็นแบบเดียวกับซิตี้ คือไม่มีช่องเล่นซีดี แต่จะใช้เสียบ USB และรูต่อ AUX แทน พร้อมลำโพง 2 ตัว
ระบบความปลอดภัยมาร์ช และบริโอ้ จัดถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบเบรก ABS EBD มาให้เหมือนกัน แต่มาร์ชจะเพิ่มระบบเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ BA มาด้วย
ขณะเดียวกันระบบIdling Stop ที่จะสั่งให้เครื่องยนต์หยุดทำงานเมื่อมีการจอดรถสนิท และสตาร์ทอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์เหยียบคันเร่ง แม้จะมีความยุ่งยากในการใช้งานจริง แต่มาร์ช เกียร์ CVT ทุกรุ่นก็ถือว่ามีมาให้ต่างจากบริโอ้
เหนืออื่นใดตัวท็อปสุดของมาร์ช ที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกประมาณ 30,000 บาท คุณจะได้ทุกออปชันที่กล่าวมา และเสริมด้วย กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ รวมถึงมาตรวัดค่าต่างๆของรถ แสดงผลผ่านหน้าจอ Multi-display กุญแจอัจฉริยะที่เพียงพกกุญแจไว้ในกระเป๋า ก็เปิดประตูเข้ารถได้ทันที พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และเซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง 4 จุด
...ทั้งหมดเป็นออปชันหลัก หรือสิ่งต้องเห็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” เอามาเปรียบเทียบกัน ที่สำคัญก่อนตัดสินใจควรไปลองขับสัมผัสนั่ง รถทั้งสองรุ่นที่โชว์รูม นิสสัน-ฮอนด้า อีกครั้ง ซึ่งใครอยากเป็นเจ้าของมาร์ช ตอนนี้อาจต้องรอประมาณ 4 เดือน ส่วนบริโอ้จะเริ่มส่งมอบรถคันแรกปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป แต่แว่วๆว่าใครเริ่มจองวันนี้ น่าจะได้รับรถช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นอย่างเร็ว
ตารางเปรียบเทียบรุ่น มาร์ช กับ บริโอ้ รุ่น V เกียร์อัตโนมัติ
...จากความสำเร็จดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นถึงความต้องการตลาดที่มีอย่างล้นหลาม และไม่เพียง “นิสสัน” เท่านั้นที่จะได้เก็บกินเค้กก้อนนี้ เพราะล่าสุดค่าย “ฮอนด้า” ก็พร้อมโดดลงมาแย่งยอดขาย ด้วยการเปิดตัว “บริโอ้” น้องใหม่ในตระกูลอีโคคาร์เช่นกัน
อย่างไรก็ตามหลังการเปิดตัว ซึ่งหลายคนได้เห็นราคาและสเปกแล้ว ย่อมเกิดคำถามในใจว่า“ฮอนด้า บริโอ้”น่าซื้อหามาใช้ไหม? หรือถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง “นิสสัน มาร์ช” แล้ว ตัวเลือกไหนคุ้มกว่ากัน?... “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จะลองเอารถทั้งสองรุ่นมาเปรียบมวย และขอว่ากันที่ออปชันกับราคาเท่านั้น ส่วนสมรรถนะการขับขี่เป็นอย่างไร? ต้องรอหลังสงกรานต์จะนำมาเสนออีกครั้ง
สำหรับ บริโอ้ มากับ 3 รุ่นย่อย คือ S เกียร์ธรรมดา ราคา 399,900 บาท V เกียร์ธรรมดา ราคา 469,500 บาท และ V เกียร์อัตโนมัติ 508,500 บาท
ส่วนมาร์ชนั้นมีทางเลือกหลากหลายถึง 6 รุ่นย่อย แบ่งเป็นเกียร์ธรรมดา 2รุ่น คือS ราคา375,000 บาท และ E 425,000 บาท ที่เหลือเป็นเกียร์อัตโนมัติ E 459,000 บาท EL 489,000 บาท V 507,000 บาท และVL ราคา537,000 บาท
ด้านเครื่องยนต์ใช้เบนซินขนาด 1.2 ลิตรเท่ากัน แต่มาร์ชจะเป็นบล็อก 3 สูบ 79 แรงม้า ส่วนบริโอ้ 4 สูบ 90 แรงม้า ระบบส่งกำลังเหมือนกันคือ อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
ขณะที่มิติตัวถัง มาร์ช อาจดูได้เปรียบ บริโอ้ นิดๆ เพราะถ้าเป็นมวยก็เหมือนรถรุ่นใหญ่ลดน้ำหนักลงมาต่อยรุ่นเล็ก ซึ่งมาร์ชนั้นแต่ไหนแต่ไรมาการทำตลาดในญี่ปุ่นและตลาดโลกก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม ซับคอมแพกต์ หรือ บีเซกเมนท์ แต่กระนั้นเมื่อเข้ามาสวมโครงการอีโคคาร์ในไทย จำเป็นต้องหันมาใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพื่อผ่านมาตรฐานไอเสีย และอัตราบริโภคน้ำมัน
ผิดกับบริโอ้ ที่เริ่มแนวคิดของการพัฒนาต่างกัน ซึ่งฮอนด้าคาดหวังจะให้เป็นเก๋งขนาดเล็ก และระดับการตลาดต่ำกว่าพวกซับคอมแพกต์(แจ๊ซ,ซิตี้)ชัดเจน
โดยรวมมิติตัวถังมาร์ชดูจะใหญ่กว่าบริโอ้ ด้วยความยาว (มาร์ช/บริโอ้) 3,780/3,610 มม. กว้าง 1,665 /1,680 มม. สูง 1,515/1,485 มม. และระยะฐานล้อ 2,450/2,345 มม.
ด้านน้ำหนักตัวในรุ่นล่างสุด S เกียร์ธรรมดา มาร์ช 900 กิโลกรัม ส่วนบริโอ้ เริ่มที่ 925 กิโลกรัม ขณะที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT ของมาร์ชจะเริ่มตั้งแต่ 950-965 กิโลกรัม ส่วนบริโอ้รุ่นท็อปหนัก 950 กิโลกรัม
ในรุ่นล่างเกียร์ธรรมดา มาร์ช (375,000 บาท) กับ บริโอ้ (399,900 บาท) มีระบบปรับอากาศแต่ไม่มีเครื่องเสียง และลูกค้าจะได้ล้อกระทะขนาด 14 นิ้วเหมือนกัน ส่วนมาร์ชนั้นกระจกข้างใช้มือหมุนทั้ง 4 บาน แต่บริโอ้เป็นแบบไฟฟ้าคู่หน้า ขณะเดียวกันราคาที่แพงกว่าของบริโอ้ ลูกค้าจะได้ระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ส่วนมาร์ช มีให้ลูกเดียวฝั่งคนขับ
อย่างไรก็ตามชีวิตคนเมือง หรือพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ ย่อมเน้นการใช้รถเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งบริโอ้มีเพียงรุ่นท็อปV ราคา 508,500 บาท เป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น และน่าจะเทียบได้กับมาร์ช รุ่น V ราคา 507,000 บาท
ระหว่างสองรุ่นย่อยนี้ ดูออปชันหลักๆแล้ว มาร์ช จะเหนือกว่านิดๆ เริ่มจากภายนอก มากับล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว (บริโอ้ 14 นิ้ว) และมีใบปัดน้ำฝนด้านหลัง (บริโอ้ ไม่มี) แต่ในส่วนของไฟเบรกดวงที่สาม บริโอ้ใช้แบบ LED ส่วนมาร์ชใช้หลอดธรรมดา
ภายในมาร์ช ติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (บริโอ้ ธรรมดา) ส่วนเครื่องเสียงเล่น วิทยุ ซีดี MP3 1 แผ่น เสริมช่องต่อ AUX ขับด้วยลำโพง 4 ตัว ขณะที่บริโอ้ เป็นแบบเดียวกับซิตี้ คือไม่มีช่องเล่นซีดี แต่จะใช้เสียบ USB และรูต่อ AUX แทน พร้อมลำโพง 2 ตัว
ระบบความปลอดภัยมาร์ช และบริโอ้ จัดถุงลมนิรภัยคู่หน้า และระบบเบรก ABS EBD มาให้เหมือนกัน แต่มาร์ชจะเพิ่มระบบเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ BA มาด้วย
ขณะเดียวกันระบบIdling Stop ที่จะสั่งให้เครื่องยนต์หยุดทำงานเมื่อมีการจอดรถสนิท และสตาร์ทอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์เหยียบคันเร่ง แม้จะมีความยุ่งยากในการใช้งานจริง แต่มาร์ช เกียร์ CVT ทุกรุ่นก็ถือว่ามีมาให้ต่างจากบริโอ้
เหนืออื่นใดตัวท็อปสุดของมาร์ช ที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกประมาณ 30,000 บาท คุณจะได้ทุกออปชันที่กล่าวมา และเสริมด้วย กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ รวมถึงมาตรวัดค่าต่างๆของรถ แสดงผลผ่านหน้าจอ Multi-display กุญแจอัจฉริยะที่เพียงพกกุญแจไว้ในกระเป๋า ก็เปิดประตูเข้ารถได้ทันที พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และเซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง 4 จุด
...ทั้งหมดเป็นออปชันหลัก หรือสิ่งต้องเห็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” เอามาเปรียบเทียบกัน ที่สำคัญก่อนตัดสินใจควรไปลองขับสัมผัสนั่ง รถทั้งสองรุ่นที่โชว์รูม นิสสัน-ฮอนด้า อีกครั้ง ซึ่งใครอยากเป็นเจ้าของมาร์ช ตอนนี้อาจต้องรอประมาณ 4 เดือน ส่วนบริโอ้จะเริ่มส่งมอบรถคันแรกปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป แต่แว่วๆว่าใครเริ่มจองวันนี้ น่าจะได้รับรถช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นอย่างเร็ว
ตารางเปรียบเทียบรุ่น มาร์ช กับ บริโอ้ รุ่น V เกียร์อัตโนมัติ
ข้อมูลทางเทคนิค | บริโอ้ V AT ราคา 508,500บาท | มาร์ช V ATราคา507,000บาท |
เครื่องยนต์ | i-VTEC SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว | CVTC DOHC 3 สูบ 12 วาล์ว |
ขนาดกระบอกสูบ(ซีซี) | 1198 | 1198 |
แรงม้าสูงสุด(พีเอส/รตน.) | 90/6,000 | 79/6,000 |
แรงบิดสูงสุด(นิวตัน-เมตร/รตน.) | 110/4,800 | 106/4,400 |
ความจุถังน้ำมัน(ลิตร) | 35 | 41 |
เกียร์ | อัตโนมัติ CVT | อัตโนมัติ CVT |
ช่วงล่างหน้า | แม็กเฟอร์สันสตรัท เหล็กกันโคลง | แม็กเฟอร์สันสตรัท |
ช่วงล่างหลัง | ทอร์ชันบีม | ทอร์ชันบีม |
พวงมาลัย | ไฟฟ้า แร็คแอนด์พิเนียน | ไฟฟ้า แร็คแอนด์พิเนียน |
รัศมีวงเลี้ยว(เมตร) | 4.5 | 4.5 |
ระบบเบรกหน้า | ดิสก์ | ดิสก์ |
ระบบเบรกหลัง | ดรัม | ดรัม |
ขนาดล้อ/ยาง | 175/65 R14 | 175/60 R15 |
ออปชัน | บริโอ้ V AT ราคา 508,500บาท | มาร์ช V ATราคา507,000บาท |
ไฟหน้าฮาโลเจน | มี | มี |
ไฟเบรกดวงที่สาม | มี แบบLED | มี |
ที่ปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา | มี | มี |
ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง | ไม่มี | มีแบบหน่วงเวลา |
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า | มี | มี |
วัสดุหุ้มเบาะ | ผ้า | ผ้า |
ระบบปรับอากาศ | ธรรมดา | อัตโนมัติ |
เครื่องเสียงเล่น CD/MP3 | ไม่ได้ | 1 แผ่น |
ช่องต่ออุปกรณ์ภายนอก | AUX และUSB | AUX |
ลำโพง | 2 ตัว | 4 ตัว |
มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน | มี | มี |
กุญแจนิรภัย Immobilizer | มี | มี |
ถุงลม SRSคู่หน้า | มี | มี |
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ | มี | มี |
ระบบเบรก ABS,EBD | มี | มี |
ระบบเสริมแรงเบรก BA | ไม่มี | มี |