วันนี้(23 มี.ค.)ฟอร์ด ประเทศไทย จัดงานเผยโฉมปิกอัพ “เรนเจอร์ โฉมใหม่” หรือรุ่นโมเดลเชนจ์ กับสื่อมวลชน ก่อนที่จะนำเข้าไปในงาน “บางกอกมอเตอร์โชว์ 2011” ที่จะเปิดรอบสาธารณชนทั่วไป 25 มีนาคม - 5 เมษายน นี้

ฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่ เตรียมเผยโฉมครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่มหกรรมยานยนต์ บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 พร้อมจัดแสดงทุกตัวถัง ทั้งแบบธรรมดา โอเพ่นแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ ภายใต้รูปโฉมที่นักออกแบบเรียกว่า “ความแข็งแกร่งแห่งศตวรรษที่ 21”
ด้วยรูปลักษณ์บึกบึน ด้านหน้าของรถมีจุดเด่นที่ระยะยื่นหน้าสั้น ติดตั้งกระจังหน้าลาย 3 แถบซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการออกแบบของปิกอัพฟอร์ด พร้อมกระจกบังลมหน้าออกแบบให้ทำมุมเอียงไปด้านหลังมากขึ้นเพิ่มความสปอร์ตและความโฉบเฉี่ยวให้กับรูปทรงโดยรวม
ขณะที่เหลี่ยมมุมต่างๆ ที่มักจะปรากฏให้เห็นในปิกอัพรุ่นก่อนๆ ได้ถูกลดทอนลงให้ดูทันสมัยและสอดคล้องกับหลักแอโรไดนามิกมากขึ้น ไฟหน้าและกระจกหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยขอบกระทะล้อแบบไม่แยกชิ้น ช่วยเสริมรูปลักษณ์ให้ลงตัวและมีความดุดัน


ในส่วนของ เรนเจอร์รุ่นไวล์ดแทรค จะเติมความสปอร์ตเพิ่มขึ้นด้วยโทนสีตัดกันบริเวณด้านหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนักออกแบบได้ใช้เส้นสายสีดำคาดตรงกลางด้านหน้าตัวถังและตัดสีด้วยการไฮไลท์ช่องลมด้านล่าง นอกจากนี้ยังใช้การเน้นสีแบบเดียวกันบริเวณกระจกมองข้าง มือจับประตู และช่องลมด้านข้างตัวถัง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แร็คหลังคาและโครงหลังคาด้านหลังแบบสปอร์ต ที่ช่วยเสริมมุมมองด้านข้างให้โดดเด่น
สำหรับรุ่นดับเบิ้ลแค็บ วิศวกรได้ย้ายเสากลางไปด้านหน้าเล็กน้อยทำให้ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่วางขาและระยะห่างจากหัวเข่าถึงเบาะหน้ากว้างที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน โดยผู้ใหญ่ 3 คน สามารถนั่งด้วยกันที่เบาะนั่งด้านหลังอย่างสบายๆ แม้ว่าผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังจะมีความสูงกว่า 180 ซม.
ส่วนรุ่นตัวถังแบบธรรมดาและแบบโอเพ่นแค็บ มีขนาดพื้นที่บรรทุกของด้านหลังใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันที่ 1.85 ลูกบาศก์เมตร และ 1.45 ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ขณะที่รุ่นดับเบิ้ลแค็บมีขนาดความจุอยู่ในระดับต้นๆ ของตลาดที่ 1.21 ลูกบาศก์เมตร


เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีอันชาญฉลาดมากมายที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบาย ปลอดภัย อาทิ การเชื่อมต่อสื่อสารผ่านบลูทูธ ยูเอสบี ไอพอด รวมทั้งระบบควบคุมการสั่งการด้วยเสียง เพื่อสั่งงานวิทยุ ซีดี ไอพอด ยูเอสบี ระบบแอร์อัตโนมัติ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบควบคุมการปรับอากาศทั้งร้อนและเย็น ระบบครูซ คอนโทรล รวมถึงหน้าจอสีแสดงผลขนาด 5 นิ้ว พร้อมระบบเนวิเกเตอร์ผ่านดาวเทียม และระบบกล้องมองภาพด้านหลัง (Rear View Camera System)
เรนเจอร์มีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ขณะเดียวกันก็มีระดับความสูงให้เลือก 2 ระดับ โดยรุ่นขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ ไฮ-ไรเดอร์ จะใช้โครงสร้างตัวถังเดียวกันกับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
ขุมพลังใหม่ มีถึง 3 ทางเลือกทั้ง ดีเซล และเบนซิน เริ่มจาก ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ ให้แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และดีเซล ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ ให้แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 200 แรงม้า
ปิดท้ายด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค ขนาด 2.5 ลิตร แบบ 4 สูบ ให้แรงบิด 226 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 166 แรงม้า สามารถใช้กับพลังงานทางเลือกแบบ LPG ได้


สำหรับเครื่องยนต์เบนซินของเรนเจอร์ ใหม่ จะให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน โดยรุ่นขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 9.8 ลิตร/100 กม.ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร ขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ มีอัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ยที่ 7.6 ลิตร/100 กม. ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 3.2 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 9.6 ลิตร/100 กม.
ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันดังกล่าวและขนาดของถังน้ำมันที่สามารถจุได้ถึง 80 ลิตร เรนเจอร์ ใหม่ เฉพาะรุ่นจึงสามารถขับได้ระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ในการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง นอกจากนี้ เครื่องยนต์ทุกรุ่นของเรนเจอร์ ใหม่ ยังมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ในระดับเดียวกับมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดของประเทศต่างๆ ที่จะทำตลาด
ด้านระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและเกียร์ธรรมดา เป็นตัวเลือกที่มาพร้อมเรนเจอร์รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร มีการติดตั้งระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ในส่วนของระบบกันสะเทือนหลัง ได้รับการปรับจูนให้เหมาะกับการขับขี่ในสภาพถนนหลากหลายรูปแบบ และรองรับการบรรทุกน้ำหนักมากๆ ทั้งยังช่วยให้การทรงตัวดีเยี่ยมเมื่อขับด้วยความเร็วสูงบนพื้นดิน นอกจากนี้ การปรับตั้งระบบกันสะเทือนที่เป็นเอกลักษณ์ ยังรวมถึงการพัฒนาสปริงและโช้คให้มอบความสบายยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการขับขี่บนถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ เช่นในประเทศไทย
วิศวกรของฟอร์ดยังค้นพบวิธีเก็บซ่อนชิ้นส่วนที่สำคัญให้พ้นจากอันตราย เพื่อให้ผู้ขับเรนเจอร์สามารถตะลุยไปได้แม้ในเส้นทางสุดโหด จุดต่ำสุดของรถอยู่สูงจากพื้นสูงสุดถึง 241 มม. ซึ่งเป็นผลจากการยกชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบส่งกำลังขึ้นไปอยู่ด้านบนคานเหล็กของโครงสร้างตัวถัง ทั้งชุดเกียร์ ถาดน้ำมัน และอุปกรณ์สำคัญอื่นๆ จึงได้รับการปกป้องอย่างปลอดภัย
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการลุยน้ำของเรนเจอร์ ใหม่ อุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นหลักๆ และชุดดักอากาศภายในห้องเครื่องจึงถูกยกให้สูงขึ้น ช่วยให้เรนเจอร์สามารถลุยน้ำได้ลึกกว่ารถกระบะอื่นๆ สำหรับรุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อและรุ่นขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ ไฮ-ไรเดอร์ สามารถลุยน้ำได้สูงสุด 800 มม. ซึ่งน่าจะโดนใจผู้ขับขี่ที่ต้องขับรถข้ามแม่น้ำหรือขับฝ่าน้ำท่วมอย่างแน่นอน


เรนเจอร์ยังเป็นรถที่ขับขี่บนทางลาดชันได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการติดตั้งระบบ Hill Launch Assist ทำให้แม้แต่รถที่บรรทุกน้ำหนักมาก ซึ่งอาจมีน้ำหนักรวมถึง 3,200 กิโลกรัม ก็ยังสามารถหยุดและออกตัวอีกครั้งได้บนถนนที่มีความลาดชันถึง 60%
นอกจากนี้เมื่อต้องขับลงจากเนินที่มีความลาดชัน ระบบ Hill Descent Control จะทำงานแบบอัตโนมัติในการช่วยเสริมแรงเบรกและลดความเร็วของรถโดยไม่ทำให้เบรกล็อก และผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกแต่อย่างใด
เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ได้รับการติดตั้งห้องเกียร์เสริม (Transfer Case) ที่มีความทนทาน ทั้งในรุ่นระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อเป็นแบบ 4 ล้อได้ทุกเวลา (Shift on the fly) ด้วยปุ่มควบคุมบนคอนโซลที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย สำหรับบางรุ่น ผู้ขับขี่สามารถเลือกเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ด สลิป หรือระบบดิเฟอเรนเชียลล็อคแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic locking rear differential) เพื่อช่วยลดอาการล้อหมุนฟรี
“ฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่” พร้อมอวดโฉมแต่ยังไม่พร้อมเป็นเจ้าของ ซึ่งใครอยากได้ต้องรอการทำตลาดอย่างเป็นทางการช่วงปลายปีนี้

ฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่ เตรียมเผยโฉมครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่มหกรรมยานยนต์ บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 32 พร้อมจัดแสดงทุกตัวถัง ทั้งแบบธรรมดา โอเพ่นแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ ภายใต้รูปโฉมที่นักออกแบบเรียกว่า “ความแข็งแกร่งแห่งศตวรรษที่ 21”
ด้วยรูปลักษณ์บึกบึน ด้านหน้าของรถมีจุดเด่นที่ระยะยื่นหน้าสั้น ติดตั้งกระจังหน้าลาย 3 แถบซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการออกแบบของปิกอัพฟอร์ด พร้อมกระจกบังลมหน้าออกแบบให้ทำมุมเอียงไปด้านหลังมากขึ้นเพิ่มความสปอร์ตและความโฉบเฉี่ยวให้กับรูปทรงโดยรวม
ขณะที่เหลี่ยมมุมต่างๆ ที่มักจะปรากฏให้เห็นในปิกอัพรุ่นก่อนๆ ได้ถูกลดทอนลงให้ดูทันสมัยและสอดคล้องกับหลักแอโรไดนามิกมากขึ้น ไฟหน้าและกระจกหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยขอบกระทะล้อแบบไม่แยกชิ้น ช่วยเสริมรูปลักษณ์ให้ลงตัวและมีความดุดัน
ในส่วนของ เรนเจอร์รุ่นไวล์ดแทรค จะเติมความสปอร์ตเพิ่มขึ้นด้วยโทนสีตัดกันบริเวณด้านหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนักออกแบบได้ใช้เส้นสายสีดำคาดตรงกลางด้านหน้าตัวถังและตัดสีด้วยการไฮไลท์ช่องลมด้านล่าง นอกจากนี้ยังใช้การเน้นสีแบบเดียวกันบริเวณกระจกมองข้าง มือจับประตู และช่องลมด้านข้างตัวถัง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แร็คหลังคาและโครงหลังคาด้านหลังแบบสปอร์ต ที่ช่วยเสริมมุมมองด้านข้างให้โดดเด่น
สำหรับรุ่นดับเบิ้ลแค็บ วิศวกรได้ย้ายเสากลางไปด้านหน้าเล็กน้อยทำให้ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่วางขาและระยะห่างจากหัวเข่าถึงเบาะหน้ากว้างที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน โดยผู้ใหญ่ 3 คน สามารถนั่งด้วยกันที่เบาะนั่งด้านหลังอย่างสบายๆ แม้ว่าผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังจะมีความสูงกว่า 180 ซม.
ส่วนรุ่นตัวถังแบบธรรมดาและแบบโอเพ่นแค็บ มีขนาดพื้นที่บรรทุกของด้านหลังใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันที่ 1.85 ลูกบาศก์เมตร และ 1.45 ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ขณะที่รุ่นดับเบิ้ลแค็บมีขนาดความจุอยู่ในระดับต้นๆ ของตลาดที่ 1.21 ลูกบาศก์เมตร
เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีอันชาญฉลาดมากมายที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบาย ปลอดภัย อาทิ การเชื่อมต่อสื่อสารผ่านบลูทูธ ยูเอสบี ไอพอด รวมทั้งระบบควบคุมการสั่งการด้วยเสียง เพื่อสั่งงานวิทยุ ซีดี ไอพอด ยูเอสบี ระบบแอร์อัตโนมัติ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบควบคุมการปรับอากาศทั้งร้อนและเย็น ระบบครูซ คอนโทรล รวมถึงหน้าจอสีแสดงผลขนาด 5 นิ้ว พร้อมระบบเนวิเกเตอร์ผ่านดาวเทียม และระบบกล้องมองภาพด้านหลัง (Rear View Camera System)
เรนเจอร์มีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ขณะเดียวกันก็มีระดับความสูงให้เลือก 2 ระดับ โดยรุ่นขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ ไฮ-ไรเดอร์ จะใช้โครงสร้างตัวถังเดียวกันกับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
ขุมพลังใหม่ มีถึง 3 ทางเลือกทั้ง ดีเซล และเบนซิน เริ่มจาก ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ ให้แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และดีเซล ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ ให้แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 200 แรงม้า
ปิดท้ายด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค ขนาด 2.5 ลิตร แบบ 4 สูบ ให้แรงบิด 226 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 166 แรงม้า สามารถใช้กับพลังงานทางเลือกแบบ LPG ได้
สำหรับเครื่องยนต์เบนซินของเรนเจอร์ ใหม่ จะให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน โดยรุ่นขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 9.8 ลิตร/100 กม.ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร ขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ มีอัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ยที่ 7.6 ลิตร/100 กม. ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 3.2 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 9.6 ลิตร/100 กม.
ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันดังกล่าวและขนาดของถังน้ำมันที่สามารถจุได้ถึง 80 ลิตร เรนเจอร์ ใหม่ เฉพาะรุ่นจึงสามารถขับได้ระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ในการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง นอกจากนี้ เครื่องยนต์ทุกรุ่นของเรนเจอร์ ใหม่ ยังมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ในระดับเดียวกับมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดของประเทศต่างๆ ที่จะทำตลาด
ด้านระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและเกียร์ธรรมดา เป็นตัวเลือกที่มาพร้อมเรนเจอร์รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร มีการติดตั้งระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ในส่วนของระบบกันสะเทือนหลัง ได้รับการปรับจูนให้เหมาะกับการขับขี่ในสภาพถนนหลากหลายรูปแบบ และรองรับการบรรทุกน้ำหนักมากๆ ทั้งยังช่วยให้การทรงตัวดีเยี่ยมเมื่อขับด้วยความเร็วสูงบนพื้นดิน นอกจากนี้ การปรับตั้งระบบกันสะเทือนที่เป็นเอกลักษณ์ ยังรวมถึงการพัฒนาสปริงและโช้คให้มอบความสบายยิ่งขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการขับขี่บนถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ เช่นในประเทศไทย
วิศวกรของฟอร์ดยังค้นพบวิธีเก็บซ่อนชิ้นส่วนที่สำคัญให้พ้นจากอันตราย เพื่อให้ผู้ขับเรนเจอร์สามารถตะลุยไปได้แม้ในเส้นทางสุดโหด จุดต่ำสุดของรถอยู่สูงจากพื้นสูงสุดถึง 241 มม. ซึ่งเป็นผลจากการยกชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบส่งกำลังขึ้นไปอยู่ด้านบนคานเหล็กของโครงสร้างตัวถัง ทั้งชุดเกียร์ ถาดน้ำมัน และอุปกรณ์สำคัญอื่นๆ จึงได้รับการปกป้องอย่างปลอดภัย
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการลุยน้ำของเรนเจอร์ ใหม่ อุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นหลักๆ และชุดดักอากาศภายในห้องเครื่องจึงถูกยกให้สูงขึ้น ช่วยให้เรนเจอร์สามารถลุยน้ำได้ลึกกว่ารถกระบะอื่นๆ สำหรับรุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อและรุ่นขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ ไฮ-ไรเดอร์ สามารถลุยน้ำได้สูงสุด 800 มม. ซึ่งน่าจะโดนใจผู้ขับขี่ที่ต้องขับรถข้ามแม่น้ำหรือขับฝ่าน้ำท่วมอย่างแน่นอน
เรนเจอร์ยังเป็นรถที่ขับขี่บนทางลาดชันได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการติดตั้งระบบ Hill Launch Assist ทำให้แม้แต่รถที่บรรทุกน้ำหนักมาก ซึ่งอาจมีน้ำหนักรวมถึง 3,200 กิโลกรัม ก็ยังสามารถหยุดและออกตัวอีกครั้งได้บนถนนที่มีความลาดชันถึง 60%
นอกจากนี้เมื่อต้องขับลงจากเนินที่มีความลาดชัน ระบบ Hill Descent Control จะทำงานแบบอัตโนมัติในการช่วยเสริมแรงเบรกและลดความเร็วของรถโดยไม่ทำให้เบรกล็อก และผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกแต่อย่างใด
เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ได้รับการติดตั้งห้องเกียร์เสริม (Transfer Case) ที่มีความทนทาน ทั้งในรุ่นระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อเป็นแบบ 4 ล้อได้ทุกเวลา (Shift on the fly) ด้วยปุ่มควบคุมบนคอนโซลที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย สำหรับบางรุ่น ผู้ขับขี่สามารถเลือกเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ด สลิป หรือระบบดิเฟอเรนเชียลล็อคแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic locking rear differential) เพื่อช่วยลดอาการล้อหมุนฟรี
“ฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่” พร้อมอวดโฉมแต่ยังไม่พร้อมเป็นเจ้าของ ซึ่งใครอยากได้ต้องรอการทำตลาดอย่างเป็นทางการช่วงปลายปีนี้