รุกเข้มเต็มสูบในช่วง 2-3 ปีหลัง เพราะหวังก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดรถหรูเมืองไทย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ภายใต้การนำของ “มิคาเอล คอร์ดิส” ที่ขยันสื่อสารประชาสัมพันธ์ พร้อมเปิดตลาดด้วยรถใหม่รวมถึงรุ่นย่อยในอนุกรมหลักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปี 2553 ปีเดียว ค่ายใบพัดสีฟ้ามีรถยนต์ใหม่ลงโชว์รูมมากกว่า 20 รุ่น (ถ้ารวมมอเตอร์ไซค์ และแบรนด์มินิ ก็น่าจะมีถึง 40 รุ่น)
วันนี้“มิคาเอล คอร์ดิส”กลับไปรับภารกิจที่บ้านเกิดเยอรมนี พร้อมส่งไม้ให้ประธานคนใหม่ “แมทธิอัส พฟาลซ์”เข้ามาสานงานต่อ ผู้บริหารหนุ่มคนนี้มองการแข่งขันในตลาดรถหรูอย่างไร และเตรียมใช้แผนงานใดโค่นบัลลังก์ “เมอร์เซเดส-เบนซ์”... “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ร่วมสัมภาษณ์
*สรุปภาพรวมของบีเอ็มดับเบิลยูปีที่แล้ว
ปี 2553 ที่ผ่านมา มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะตลาดรถยนต์เมืองไทยโดนปัจจัยลบกระหน่ำ ทั้ง วิกฤตการเงินโลกที่ลามมาถึงยุโรป การเมืองในประเทศ และปัญหาน้ำท่วม แต่สุดท้ายแล้วอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังโชว์ความสามารถและศักยภาพที่แข็งแกร่ง พร้อมทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือประมาณ 800,000 คัน ในจำนวนนี้เป็นยอดขายกลุ่มรถยนต์ระดับหรูประมาณ 9,600-9,700 คัน
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ถือว่าประสบความสำเร็จเช่นกัน ด้วยยอดขายรถยนต์แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู 3,015 คัน เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปี 2552 รวมถึงแบรนด์มินิ ที่แม้จะโดนเกรย์มาร์เก็ตแย่งชิงยอดขายไปบ้างแต่สุดท้ายยังทำได้ถึง 407 คัน นอกจากนี้ยังมีรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู ที่ขายได้อีก 245 คัน เติบโต 73% เมื่อเทียบกับปี 2552
*ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
เราขยันเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันได้นำเทคโนโลยีดีที่สุดมาใส่ไว้ในรถทุกคัน ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี EfficientDynamics ที่ช่วยให้รถประหยัดน้ำมันมากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยม
“เรานำเทคโนโลยีระดับโลก มาให้คนไทยได้สัมผัสในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ใน 525d รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ระบบ Comfort Access (เข้า-ออก สตาร์เครื่องไม่ต้องใช้กุญแจ) รวมถึงระบบนำทาง ที่ใส่มาครบใน ซีรีส์ 3,5,7”
นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่เข้มแข็ง อย่างการเปิดโชว์รูม-ศูนย์บริการ ของ เยอรมัน ออโต้ ซึ่งเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยูประเทศไทย และการเปิดศูนย์บริการของบาร์เซโลน่า มอเตอร์ ที่พระราม 9 รวมถึงศูนย์บริการอีก 2-3 แห่งในต่างจังหวัด
อย่างไรก็ตามการสำรวจในปีที่ผ่านมา พบว่าแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูแข็งแกร่ง และได้การยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายรถล็อตใหญ่ (Fleet)ให้ผู้บริหาร หรือหน่วยราชการต่างๆ ทั้งยังได้รับเลือกเป็นรถนำขบวนสำหรับบุคคลสำคัญอีกด้วย
*แผนงานในปี 2554
เราเดินตามแผนการในปีที่แล้ว แต่จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมุ่งสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู ด้วยประสบการณ์ดีๆจากการบริการ โดยเฉพาะโชว์รูม-ศูนย์บริการที่จะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ ดอนเมือง และ พระราม3
ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ จะนำเสนอต่อเนื่องทั้งแบบนำเข้าทั้งคัน (CBU) และประกอบในประเทศ (CKD) อย่างล่าสุดในงานแถลงข่าววันนี้ (24 ม.ค.) เรานำ“ซีรีส์ 6 Convertible” มาอวดโฉม หลังจากเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน “ดีทรอยต์มอเตอร์โชว์ 2011” เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนการขายจริงจะมีขึ้นเร็วๆนี้ (ยังไม่เปิดเผยราคา)
ส่วนรุ่นประกอบในประเทศ เตรียมเปิดตัวBMW X1 sDrive18i ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นรุ่นที่ 5ของโรงงานระยอง ที่เดิมประกอบ ซีรีส์ 3, 5 ,7 และรถอเนกประสงค์ X3 ทั้งนี้รุ่น X3 ใหม่ หรือแบบโมเดลเชนจ์ จะพร้อมประกอบในประเทศ และเตรียมแนะนำสู่ตลาดช่วงกลางปีนี้เช่นกัน
*แผนการทำตลาด ซีรีส์ 3 โมเดลเชนจ์
แน่นอนเรามีแผนขาย “ซีรีส์ 3 ใหม่” แต่ตอนนี้บริษัทแม่ยังไม่ประกาศรายละเอียดอย่างเป็นทางการ เราจึงไม่สามารถเปิดเผยได้
*เป้าหมายการขายปีนี้
ตลาดรถหรูรวมน่าจะทำยอดขายเกิน 10,000 คัน แต่ในส่วนของบีเอ็มดับเบิลยูเป็นธรรมเนียมว่า ไม่สามารถบอกได้ แต่คาดว่ายอดขายและส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มขึ้นจากปี 2553 แน่นอน ส่วนหนึ่งเพราะปีนี้เรามี “ซีรีส์ 5” ขายเต็มปี รวมถึง X1 รุ่นประกอบในประเทศที่ราคาไม่สูงมาก
อย่างไรก็ตามในส่วนของ “ซีรีส์ 5” หลังการเปิดตัวปีที่แล้ว ได้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล และปัจจุบันยังมียอดค้างส่งมอบอยู่ประมาณ 4 เดือน
*แก้ปัญหา “ซีรีส์ 5” อย่างไร
ปัจจุบัน“ซีรีส์ 5 ใหม่” ขายดีมากในหลายตลาดทั่วโลก ดังนั้นเราจำเป็นต้องเจรจากับบริษัทแม่ และขอการสนับสนุนชุด Kit เพื่อนำเข้ามาประกอบให้มากขึ้น
*แผนการประกอบรถยนต์-มอเตอร์ไซค์ในไทย
เรายืนยันว่า บีเอ็มดับเบิลยูในไทยจะมีการลงทุนประกอบรถใหม่อย่างต่อเนื่อง และไม่มีแผนย้ายฐานการผลิตไปไหน ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ ต้องดูความต้องการตลาดรวมในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้จากการศึกษาล่าสุด จำนวนยังไม่เพียงพอกับการขึ้นไลน์ผลิต
อย่างไรก็ตามคงต้องจับตาการเติบโตของยอดขายมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในอินเดีย และถ้ามีความต้องการมากก็อาจพิจารณาสร้างโรงงานประกอบในภูมิภาคนี้
*ยอดขายจะแซง เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อไหร่
เรายังอยากเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดรถหรูเมืองไทย แต่เราต้องขยันทำงาน พร้อมนำเสนอโปรดักต์ที่ถูกต้องและตรงใจผู้บริโภค ส่วนระยะเวลาจะเป็นเมื่อไหร่ไม่สามารถบอกได้
