ข่าวต่างประเทศ - เพิ่งโล่งใจกับการขายกิจการของซาบสำเร็จลุล่วงได้ไม่นาน จีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์สก็เจอเรื่องปวดหัวระลอกสองจนได้ เมื่อสัญญาการเทคโอเวอร์กิจการของฮัมเมอร์กับ Sichuan Tengzhong Heavy Industrial Machinery ประสบความล้มเหลว และมีการขีดเส้นตายให้จีเอ็มหาเจ้าของใหม่ของฮัมเมอร์ให้ได้ก่อนปลายเดือนมีนาคมนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกปิดกิจการเหมือนกับเพื่อนร่วมเครืออย่างแซทเทิร์น และพอนติแอค
นิค ริชาร์ดส์ โฆษกของทางฮัมเมอร์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของความล้มเหลวในการจัดการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทาง Tengzhong มีความกระตือรือล้นที่จะเข้าครอบครองกิจการของฮัมเมอร์ โดยระบุว่าตอนนี้ทางจีเอ็มเปิดรับทุกข้อเสนอที่ถูกส่งเข้ามาก่อนถึงเส้นตายปลายเดือนมีนาคมนี้
ส่วนเรื่องของการที่จะนำฮัมเมอร์ฟื้นฟูกิจการเพื่อทำตลาดต่อไปนั้น แม้ว่าริชาร์ดส์จะไม่ได้บอก แต่แหล่งข่าวภายในระบุว่าโอกาสค่อนข้างริบหรี่ เพราะจีเอ็มมีทางเลือกในใจของตัวเองเอาไว้แล้วเกี่ยวกับอนาคตของฮัมเมอร์ นั่นคือ ‘การปิดกิจการสถานเดียว ในกรณีที่ไม่มีใครเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ’
จีเอ็มซื้อกิจการของฮัมเมอร์มาจากทางเอเอ็ม เจนเนอรัลเมื่อปี 1999 โดยเป็นในส่วนของ Civilian Hummer หรือฮัมเมอร์สำหรับขายในตลาดที่เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 1992 เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ HUMVEE หรือเวอร์ชันสำหรับใช้ในราชการทหาร ซึ่ง H1 เวอร์ชันตลาดที่ผลิตขายในตลาดมียอดขายเฉลี่ยต่อปี 800-1,000 คัน ก่อนที่ทางจีเอ็มจะแตกไลน์ด้วยทางเลือกใหม่ๆ อย่าง H2 และ H3 ออกมาทำตลาดภายหลังโดยแชร์พื้นฐานกับเอสยูวีในเครือจีเอ็ม
ฮัมเมอร์เคยประสบความสำเร็จในการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และเคยมียอดขายสูงสุดต่อปีถึง 71,524 คันในปี 2006 แต่จากปัญหาวิกฤตราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานติดจรวดช่วงปี 2008 ด้วยตัวเลข 4 เหรียญ หรือ 130 บาทต่อแกลลอน ทำให้ยอดขายของฮัมเมอร์ดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็ว และปีที่แล้วมียอดขายเพียง 9,046 คันเท่านั้นเอง
นิค ริชาร์ดส์ โฆษกของทางฮัมเมอร์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของความล้มเหลวในการจัดการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทาง Tengzhong มีความกระตือรือล้นที่จะเข้าครอบครองกิจการของฮัมเมอร์ โดยระบุว่าตอนนี้ทางจีเอ็มเปิดรับทุกข้อเสนอที่ถูกส่งเข้ามาก่อนถึงเส้นตายปลายเดือนมีนาคมนี้
ส่วนเรื่องของการที่จะนำฮัมเมอร์ฟื้นฟูกิจการเพื่อทำตลาดต่อไปนั้น แม้ว่าริชาร์ดส์จะไม่ได้บอก แต่แหล่งข่าวภายในระบุว่าโอกาสค่อนข้างริบหรี่ เพราะจีเอ็มมีทางเลือกในใจของตัวเองเอาไว้แล้วเกี่ยวกับอนาคตของฮัมเมอร์ นั่นคือ ‘การปิดกิจการสถานเดียว ในกรณีที่ไม่มีใครเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ’
จีเอ็มซื้อกิจการของฮัมเมอร์มาจากทางเอเอ็ม เจนเนอรัลเมื่อปี 1999 โดยเป็นในส่วนของ Civilian Hummer หรือฮัมเมอร์สำหรับขายในตลาดที่เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 1992 เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ HUMVEE หรือเวอร์ชันสำหรับใช้ในราชการทหาร ซึ่ง H1 เวอร์ชันตลาดที่ผลิตขายในตลาดมียอดขายเฉลี่ยต่อปี 800-1,000 คัน ก่อนที่ทางจีเอ็มจะแตกไลน์ด้วยทางเลือกใหม่ๆ อย่าง H2 และ H3 ออกมาทำตลาดภายหลังโดยแชร์พื้นฐานกับเอสยูวีในเครือจีเอ็ม
ฮัมเมอร์เคยประสบความสำเร็จในการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และเคยมียอดขายสูงสุดต่อปีถึง 71,524 คันในปี 2006 แต่จากปัญหาวิกฤตราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานติดจรวดช่วงปี 2008 ด้วยตัวเลข 4 เหรียญ หรือ 130 บาทต่อแกลลอน ทำให้ยอดขายของฮัมเมอร์ดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็ว และปีที่แล้วมียอดขายเพียง 9,046 คันเท่านั้นเอง