xs
xsm
sm
md
lg

ฮัมเมอร์หยุดผลิตจนกว่าซื้อขายกิจการเสร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้ว่าจะมีการลงนามในบันทึกช่วยจำแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจว่าทางเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็มจะไม่ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นกับแบรนด์ฮัมเมอร์ ทางจีเอ็มตัดสินใจประกาศหยุดการผลิตชั่วคราวของเอสยูวีจากค่ายนี้อย่างรุ่น H3 จนกว่าสัญญาการซื้อกิจการระหว่างจีเอ็มกับทาง Tengzhong Heavy Industrial Machinery Company จะเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ

เว็บไซต์ Automotive News รายงานว่า ในปัจจุบัน การผลิตของ H2 ที่โรงงาน Mishawaka นั้นหยุดการผลิตมาตั้งแต่ปลายปี 2008 แล้ว ส่วนการผลิตของรุ่น H3 ทั้งแบบตัวถัง 5 ประตู และ SUT แบบปิกอัพที่โรงงาน Shreveport มลรัฐหลุยเซียน่าจะถูกหยุดการผลิตชั่วคราวจนกว่าการซื้อขายกิจการระหว่างจีเอ็มกับ Tengzhong จะเสร็จสิ้น เพื่อเป็นการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพราะถ้ามีแนวโน้มว่าสัญญาระหว่างทั้ง 2 ค่ายนี้เกิดล่มกลางทางเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับแซทเทิร์น และซาบ จีเอ็มจะได้ไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

จากแหล่งข่าวภายในระบุว่า ในตอนนี้เอสยูวีของฮัมเมอร์ค้างอยู่ในสต็อกมากถึง 2,100 คัน เรียกว่าถ้าคิดตามยอดขายที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ตัวเลขขนาดนี้สามารถขายกันนานจนถึง 6 เดือนเลยทีเดียว และนั่นคืออีกเหตุผลที่จีเอ็มไม่จำเป็นจะต้องผลิตเพิ่มออกมา

H2
จีเอ็มกับทาง Tengzhong Heavy Industrial Machinery Company ได้เจรจาและทำบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับการซื้อขายกิจการกันตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2009 แต่จนถึงตอนนี้ความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างทั้งคู่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมาให้ติดตาม และนั่นทำให้จีเอ็มจำเป็นจะต้องมองหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเองเตรียมเอาไว้ก่อน

อย่างไรก็ตาม ถ้าการซื้อขายกิจการเสร็จสิ้นลงด้วยดี จีเอ็มก็จะเปิดการผลิตของเอสยูวีทั้งรุ่น H2 และ H3 ทันที เพราะตามสัญญาที่ตกลงกันไว้จีเอ็มจะรับหน้าที่ผลิตเอสยูวีของฮัมเมอร์ต่อไปจนถึงปี 2011 และมีออพชั่นขยายสัญญาการรับผลิตต่อไปอีก 1 ปี ซึ่งหลังหมดออพชั่นหรือว่าทาง Tengzhong ไม่ต่อออพชั่น จีเอ็มก็จะปิดโรงงาน Shreveport

นอกจากนั้น ยังมีรายงานอีกชิ้นส่วนทางซูซูกิ คอร์ปอเรชันแห่งญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะยุติบทบาทและความร่วมมือกับทางจีเอ็มในการพัฒนาระบบไฮบริดและเซลล์เชื้อเพลิง หลังจากที่ซูซูกิหันไปเปิดความสัมพันธ์กับทางโฟล์คสวาเกนแทน โดยทางโฟล์คฯ จะเข้ามาถือหุ้นจำนวน 19.9% ในซูซูกิ และทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ซูซูกิมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโฟล์คสวาเกน และทั้ง 2 ฝ่ายสนใจที่ร่วมมือกันพัฒนาการเทคโนโลยีในทุกด้านทั้งไฮบริด, เครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์พลังไฟฟ้า’ โอซามุ ซูซูกิ ประธานและ CEO ของซูซูกิกล่าว

นอกจากจีเอ็มแล้ว จากการที่ซูซูกิพึ่งพิงทางโฟล์คสวาเกนในการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลทำให้พวกเขาอาจตัดสินใจยุติความร่วมมือกับทางกลุ่ม PSA (เปอโยต์และซีตรอง) และเรโนลต์ของฝรั่งเศสด้วย เพราะไม่มีความจำเป็นที่ซูซูกิจะต้องพึ่งพิงเครื่องยนต์ดีเซลของผู้ผลิตรถยนต์จากแดนน้ำหอมเหล่านี้สำหรับขายในตลาดยุโรปอีกต่อไปแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น