ทำท่าว่าจะเป็นแบรนด์แรกของจีเอ็มที่ได้เจ้าของใหม่ แต่สุดท้ายการเจรจาขั้นสุดท้ายระหว่างเจนเนอรัล มอเตอร์สกับทาง PAG หรือ Penske Automotive Group ในการซื้อกิจการของแซทเทิร์นก็ไปไม่ถึงฝั่ง เมื่อว่าที่เจ้าของใหม่ล้มโต๊ะ ขอยุติการเจรจาในครั้งนี้ ทำให้แผนการดำเนินงานโอนย้ายกิจการต้องล้มเหลว
การตัดสินใจของเพนสกี้ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ทางดีลเลอร์รายใหญ่ของรถยนต์หลายแบรนด์ในสหรัฐอเมริกาประกาศย้ำชัดอย่างหนักแน่นและดำเนินงานอย่างรวดเร็วเพื่อการครอบครองกิจการของแซทเทิร์นหลังจากที่จีเอ็มแปะป้ายประกาศขาย โดยการประกาศยุติการเจรจาเป็นเพราะ ‘ทาง PAG ไม่สามารถหาบริษัทรถยนต์แห่งใหม่ (Third party) เข้ามารับหน้าที่ในการผลิตรถยนต์ต่อจากจีเอ็มได้’
หลังจากที่จีเอ็มประกาศขายกิจการของแซทเทิร์น ทางด้าน PAG ยื่นข้อเสนอเพื่อขอเทคโอเวอร์กิจการทันทีในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และแผนการทำท่าว่าจะไปได้สวย เพราะในช่วงแรกของการดำเนินงาน ทางจีเอ็มจะรับหน้าที่ผลิตและพัฒนารถยนต์ให้กับทางแซทเทิร์นอย่างต่อเนื่องตามแผนงาน หรือเรียกว่า Supply Period และหลังจากนั้นจะเปิดโอกาสให้บริษัทใหม่ เข้ามารับหน้าที่นี้ต่อไป โดยทาง PAG สามารถมองหาผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่เข้ามาซัพพอร์ตความต้องการของตัวเองภายใต้เงื่อนไขของสัญญาที่ทำเอาไว้กับจีเอ็ม
แต่ทว่าเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางบอร์ดบริหารของ PAG มาเจอเข้ากับทางตัน เพราะว่าบริษัทรถยนต์คู่เจรจา ซึ่งไม่มีการระบุว่าเป็นบริษัทแห่งใด เพิ่งปฏิเสธข้อเสนอในครั้งนี้ นั่นก็เลยทำให้พวกเขาตัดสินใจยุติการดำเนินการเจรจากับทางแซทเทิร์นแบบสายฟ้าแลบ เพราะทาง PAG ก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะแบกรับแซทเทิร์นเอาไว้ เนื่องจากตัวเองเป็นแค่ดีลเลอร์รถยนต์เท่านั้น ไม่มีประสบการณ์และระบบสนับสนุนการผลิตและพัฒนารถยนต์
ฟริตซ์ เฮนเดอร์สัน ซีอีโอของจีเอ็ม กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า ‘เป็นข่าวที่ไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง’ และ ‘ทำให้อนาคตของพนักงานที่ทำงานอยู่กับแซทเทิร์นรวมถึงบรรดาดีลเลอร์ทั้งหลายทั่วสหรัฐอเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวง’
ตามแผนการฟื้นฟูเข้าสู่จีเอ็มใหม่ แซทเทิร์นเป็นหนึ่งในหลายแบรนด์ที่ถูกตัดทิ้งออกจากเครือจีเอ็ม และในเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ทางจีเอ็มยืนยันว่าลูกค้าของแซทเทิร์นซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอเมริกาเหนือ ยังสามารถนำรถยนต์เข้ารับบริหารของดีลเลอร์แซทเทิร์นที่เปิดให้บริการอยู่ แต่หลังจากที่แบรนด์นี้ถูกโล๊ะออกจากตลาดด้วยการปิดแบรนด์และดีลเลอร์ทั้งหลาย ซึ่งตามกำหนดการจะเกิดขึ้นภายในเดือนตุลาคม 2010 ก็สามารถนำรถยนต์เข้ารับบริหารผ่านทางดีลเลอร์แบรนด์อื่นๆ ในเครือจีเอ็มได้
แซทเทิร์นเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ทางจีเอ็มตั้งขึ้นมาในวันที่ 7 มกราคม 1985 เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้าในการมองหารถยนต์ขนาดเล็ก และเป็นการรับมือกับการทะลักเข้ามาของรถยนต์ไซส์เล็กจากญี่ปุ่น และเยอรมนี โดยในช่วงก่อนเกิดวิกฤต แซทเทิร์นถูกมองว่าเป็นแบรนด์มาแรงโดยจะเป็นแฝดที่ 3 ของโอเปิล และวอกซ์ฮอลล์ ด้วยการนำรถยนต์ของโอเปิลในยุโรปมารีแบรนด์ขายในสหรัฐอเมริกา แต่สุดท้ายก็ต้องมาประสบปัญหาจนต้องถูกโล๊ะออกจากเครือไปในที่สุด
การตัดสินใจของเพนสกี้ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ทางดีลเลอร์รายใหญ่ของรถยนต์หลายแบรนด์ในสหรัฐอเมริกาประกาศย้ำชัดอย่างหนักแน่นและดำเนินงานอย่างรวดเร็วเพื่อการครอบครองกิจการของแซทเทิร์นหลังจากที่จีเอ็มแปะป้ายประกาศขาย โดยการประกาศยุติการเจรจาเป็นเพราะ ‘ทาง PAG ไม่สามารถหาบริษัทรถยนต์แห่งใหม่ (Third party) เข้ามารับหน้าที่ในการผลิตรถยนต์ต่อจากจีเอ็มได้’
หลังจากที่จีเอ็มประกาศขายกิจการของแซทเทิร์น ทางด้าน PAG ยื่นข้อเสนอเพื่อขอเทคโอเวอร์กิจการทันทีในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และแผนการทำท่าว่าจะไปได้สวย เพราะในช่วงแรกของการดำเนินงาน ทางจีเอ็มจะรับหน้าที่ผลิตและพัฒนารถยนต์ให้กับทางแซทเทิร์นอย่างต่อเนื่องตามแผนงาน หรือเรียกว่า Supply Period และหลังจากนั้นจะเปิดโอกาสให้บริษัทใหม่ เข้ามารับหน้าที่นี้ต่อไป โดยทาง PAG สามารถมองหาผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่เข้ามาซัพพอร์ตความต้องการของตัวเองภายใต้เงื่อนไขของสัญญาที่ทำเอาไว้กับจีเอ็ม
แต่ทว่าเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางบอร์ดบริหารของ PAG มาเจอเข้ากับทางตัน เพราะว่าบริษัทรถยนต์คู่เจรจา ซึ่งไม่มีการระบุว่าเป็นบริษัทแห่งใด เพิ่งปฏิเสธข้อเสนอในครั้งนี้ นั่นก็เลยทำให้พวกเขาตัดสินใจยุติการดำเนินการเจรจากับทางแซทเทิร์นแบบสายฟ้าแลบ เพราะทาง PAG ก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะแบกรับแซทเทิร์นเอาไว้ เนื่องจากตัวเองเป็นแค่ดีลเลอร์รถยนต์เท่านั้น ไม่มีประสบการณ์และระบบสนับสนุนการผลิตและพัฒนารถยนต์
ฟริตซ์ เฮนเดอร์สัน ซีอีโอของจีเอ็ม กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า ‘เป็นข่าวที่ไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง’ และ ‘ทำให้อนาคตของพนักงานที่ทำงานอยู่กับแซทเทิร์นรวมถึงบรรดาดีลเลอร์ทั้งหลายทั่วสหรัฐอเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างใหญ่หลวง’
ตามแผนการฟื้นฟูเข้าสู่จีเอ็มใหม่ แซทเทิร์นเป็นหนึ่งในหลายแบรนด์ที่ถูกตัดทิ้งออกจากเครือจีเอ็ม และในเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ทางจีเอ็มยืนยันว่าลูกค้าของแซทเทิร์นซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอเมริกาเหนือ ยังสามารถนำรถยนต์เข้ารับบริหารของดีลเลอร์แซทเทิร์นที่เปิดให้บริการอยู่ แต่หลังจากที่แบรนด์นี้ถูกโล๊ะออกจากตลาดด้วยการปิดแบรนด์และดีลเลอร์ทั้งหลาย ซึ่งตามกำหนดการจะเกิดขึ้นภายในเดือนตุลาคม 2010 ก็สามารถนำรถยนต์เข้ารับบริหารผ่านทางดีลเลอร์แบรนด์อื่นๆ ในเครือจีเอ็มได้
แซทเทิร์นเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ทางจีเอ็มตั้งขึ้นมาในวันที่ 7 มกราคม 1985 เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้าในการมองหารถยนต์ขนาดเล็ก และเป็นการรับมือกับการทะลักเข้ามาของรถยนต์ไซส์เล็กจากญี่ปุ่น และเยอรมนี โดยในช่วงก่อนเกิดวิกฤต แซทเทิร์นถูกมองว่าเป็นแบรนด์มาแรงโดยจะเป็นแฝดที่ 3 ของโอเปิล และวอกซ์ฮอลล์ ด้วยการนำรถยนต์ของโอเปิลในยุโรปมารีแบรนด์ขายในสหรัฐอเมริกา แต่สุดท้ายก็ต้องมาประสบปัญหาจนต้องถูกโล๊ะออกจากเครือไปในที่สุด
