ข่าวต่างประเทศ - หลังจากมีข่าวว่าโฟล์คสวาเกนกำลังวางแผนรุกคืบเข้าเทคโอเวอร์กิจการของซูซูกิด้วยการซื้อหุ้นจำนวนมากกว่า 19.1% ตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก ในตอนนี้ทางด้านแบรนด์รถยนต์ไซส์เล็กของญี่ปุ่นออกมายืนยันแล้วว่า หากโฟล์คสวาเกนทำเช่นนั้น ทางซูซูกิคงต้องตอบปฏิเสธ และไม่ต้องการให้ซูซูกิเป็นแบรนด์รถยนต์หมายเลข 12 ในเครือโฟล์คสวาเกน กรุ๊ปอย่างแน่นอน
โอซามุ ซูซูกิ ซีอีโอของซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (21 มกราคม) ว่า ‘ตอนนี้ซูซูกิยังเป็นบริษัทเล็กๆ อยู่ แต่ก็มีศักยภาพพร้อมที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อไรที่เราโตขึ้นและกลายเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ เชื่อเลยว่าโฟล์คสวาเกนคงต้องการซื้อหุ้นจำนวนมากจากเรา และถ้าตรงนี้เกิดขึ้นจริง ซูซูกิคงต้องตอบปฏิเสธ และพูดว่า ‘ปล่อยให้เราเป็นอย่างที่เราเป็นต่อไปเถิด’’
นอกจากนั้น ซูซูกิยังกล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้บริษัทที่ก่อตั้งโดยปู่ของภรรยาของเขากลายมาเป็นแบรนด์รถยนต์หมายเลข 12 ของโฟล์คสวาเกน และถ้าหากทางโฟล์คสวาเกนมีความต้องการหุ้นมากกว่าที่ตกลงกันไว้ ทุกอย่างย่อมไม่เป็นผลดีทั้งตัวซูซูกิ และโฟล์คสวาเกนเอง
ข่าว (ลือ) เรื่องการซื้อหุ้นเพิ่มจนถือครองเสียงสวนใหญ่ จนกระทั่งถึงเรื่องการเทคโอเวอร์กิจการของซูซูกิถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของโฟล์คสวาเกน ที่กำลังเดินหน้าสู่การล้มยักษ์อย่างโตโยต้าเพื่อขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์หมายเลข 1 ของโลกภายในปี 2018 โดยก่อนหน้านี้ซูซูกิตกลงที่จะมีการขายหุ้นจำนวน 19.1% เพื่อแลกกับความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่จะทำให้ซูซูกิลดการพึ่งพิงจากจีเอ็มและกลุ่มพีเอสเอซึ่งเป็นพันธมิตรเดิม
นอกจากข่าวการซื้อหุ้นเพิ่มของซูซูกิแล้ว ทางโฟล์คสวาเกนยังประเทศเตรียมก่อตั้งโรงงานแห่งที่ 5 ของตัวเองในประเทศจีน โดยจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นอย่าง FAW ในการก่อสร้างโรงงานที่เมืองกวางเจา โดยมีกำลังการผลิตต่อปีประมาณ 200,000 คันซึ่งคาดว่าโรงงานแห่งนี้นอกจากจะประกอบรถยนต์ของโฟล์คสวาเกนแล้ว จะยังเป็นฐานการผลิตในการนำแบรนด์รถยนต์ในเครืออย่างเซียทเข้ามาเปิดตลาดในจีนอีกด้วย
โฟล์คสวาเกนมองว่าจีนถือเป็นตัวแปรสำคัญอีกอย่างในการล้มโตโยต้าตามแผนการปี 2018 และเมื่อปีที่แล้ว ก็เพิ่งมีการประกาศเงินลงทุนจำนวน 4,000 ล้านยูโร หรือ 200,000 ล้านบาทสำหรับงานด้านวิจัยและพัฒนารถยนต์ที่ขายในประเทศจีน และการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์
ปีที่แล้ว โฟล์คสวาเกนมียอดขายรถยนต์ในจีนและฮ่องกงรวม 1.4 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 36.7% เป็นรองแค่จีเอ็ม ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 1.83 ล้านคัน โดยภายในปี 2018 โฟล์คสวาเกนต้องการเพิ่มยอดขายในจีนให้ขึ้นมาอยู่ระดับ 3 เท่าตัวจากปี 2009 หรือประมาณ 4.2 ล้านคันเลยทีเดียว
โอซามุ ซูซูกิ ซีอีโอของซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (21 มกราคม) ว่า ‘ตอนนี้ซูซูกิยังเป็นบริษัทเล็กๆ อยู่ แต่ก็มีศักยภาพพร้อมที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อไรที่เราโตขึ้นและกลายเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จ เชื่อเลยว่าโฟล์คสวาเกนคงต้องการซื้อหุ้นจำนวนมากจากเรา และถ้าตรงนี้เกิดขึ้นจริง ซูซูกิคงต้องตอบปฏิเสธ และพูดว่า ‘ปล่อยให้เราเป็นอย่างที่เราเป็นต่อไปเถิด’’
นอกจากนั้น ซูซูกิยังกล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้บริษัทที่ก่อตั้งโดยปู่ของภรรยาของเขากลายมาเป็นแบรนด์รถยนต์หมายเลข 12 ของโฟล์คสวาเกน และถ้าหากทางโฟล์คสวาเกนมีความต้องการหุ้นมากกว่าที่ตกลงกันไว้ ทุกอย่างย่อมไม่เป็นผลดีทั้งตัวซูซูกิ และโฟล์คสวาเกนเอง
ข่าว (ลือ) เรื่องการซื้อหุ้นเพิ่มจนถือครองเสียงสวนใหญ่ จนกระทั่งถึงเรื่องการเทคโอเวอร์กิจการของซูซูกิถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของโฟล์คสวาเกน ที่กำลังเดินหน้าสู่การล้มยักษ์อย่างโตโยต้าเพื่อขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์หมายเลข 1 ของโลกภายในปี 2018 โดยก่อนหน้านี้ซูซูกิตกลงที่จะมีการขายหุ้นจำนวน 19.1% เพื่อแลกกับความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่จะทำให้ซูซูกิลดการพึ่งพิงจากจีเอ็มและกลุ่มพีเอสเอซึ่งเป็นพันธมิตรเดิม
นอกจากข่าวการซื้อหุ้นเพิ่มของซูซูกิแล้ว ทางโฟล์คสวาเกนยังประเทศเตรียมก่อตั้งโรงงานแห่งที่ 5 ของตัวเองในประเทศจีน โดยจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นอย่าง FAW ในการก่อสร้างโรงงานที่เมืองกวางเจา โดยมีกำลังการผลิตต่อปีประมาณ 200,000 คันซึ่งคาดว่าโรงงานแห่งนี้นอกจากจะประกอบรถยนต์ของโฟล์คสวาเกนแล้ว จะยังเป็นฐานการผลิตในการนำแบรนด์รถยนต์ในเครืออย่างเซียทเข้ามาเปิดตลาดในจีนอีกด้วย
โฟล์คสวาเกนมองว่าจีนถือเป็นตัวแปรสำคัญอีกอย่างในการล้มโตโยต้าตามแผนการปี 2018 และเมื่อปีที่แล้ว ก็เพิ่งมีการประกาศเงินลงทุนจำนวน 4,000 ล้านยูโร หรือ 200,000 ล้านบาทสำหรับงานด้านวิจัยและพัฒนารถยนต์ที่ขายในประเทศจีน และการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์
ปีที่แล้ว โฟล์คสวาเกนมียอดขายรถยนต์ในจีนและฮ่องกงรวม 1.4 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 36.7% เป็นรองแค่จีเอ็ม ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 1.83 ล้านคัน โดยภายในปี 2018 โฟล์คสวาเกนต้องการเพิ่มยอดขายในจีนให้ขึ้นมาอยู่ระดับ 3 เท่าตัวจากปี 2009 หรือประมาณ 4.2 ล้านคันเลยทีเดียว