ในงานมหกรรมยานยนต์นานาชาติ ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2010 หรือชื่ออย่างเป็นทางการ North American International Auto Show 2010 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ 11 – 24มกราคมนี้ ณ โคโบเซ็นเตอร์ เมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา ค่าย“ฟอร์ด” หนึ่งในยักษ์อุตสาหกรรมยานยนต์แดนมะกัน มีไฮไลต์เด็ดอยากอวดนั่นคือ “โฟกัส ใหม่” ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในโลก
ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ได้รับการพัฒนาโดยทีมงานฟอร์ดยุโรป ประเทศเยอรมนี ขณะที่ระบบส่งกำลังได้รับการพัฒนาจากศูนย์ปฏิบัติงานด้านเทคนิคของฟอร์ดในเมืองดันตัน ประเทศอังกฤษ พร้อมการออกแบบภายใต้แนวคิด “เคเนอติก ดีไซน์” ที่เน้นสร้างความรู้สึกถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหว
รูปลักษณ์ใหม่หมดจดทั้งคัน โดดเด่นสะดุดตา ด้วยเส้นสายด้านข้างที่โฉบเฉี่ยว ภายในห้องโดยสารทันสมัยสไตล์ค็อกพิตของนักบิน คอนโซลกลางโอบรอบพื้นที่ของคนขับ ออกแบบให้ใช้งานอุปกรณ์ควบคุมต่างๆของรถได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ฟอร์ดยังนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับผู้ขับขี่ที่เรียกว่า "มายฟอร์ด" (MyFord) ซึ่งรวบรวมระบบควมคุมการทำงานต่างๆ ผ่านจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
“มายฟอร์ด” จะมาพร้อมระบบ "ซิงก์" (SYNC) ระบบการสื่อสารและชุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพที่รวมถึงระบบควบคุมการทำงานด้วยเสียง ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบนำทางผ่านดาวเทียม รวมทั้งจุดเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง
ด้านเครื่องยนต์จะใช้เทคโนโลยีอีโคบู๊สต์ 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ไดเร็กอินเจ็กชั่น และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล ทีดีซีไอ ที่ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะ พร้อมลดอัตราบริโภคน้ำมันลงได้10-20% เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน
ส่วนรุ่นที่นำมาเปิดตัวในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ ฟอร์ดวางเครื่องยนต์เบนซิน Ti-VCTไดเร็กอินเจ็คชั่น ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบแปรผันแคมชาร์ฟแบบอิสระคู่ Twin Independent Variable Camshaft Timing (Ti-VCT) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และความประหยัดน้ำมัน โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้จะให้พละกำลังเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ดูราเทค 2.0 ลิตรแบบ 4 สูบในปัจจุบัน และลดอัตราบริโภคน้ำมันลง10% พร้อมการส่งกำลังด้วยเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ดูอัลคลัชต์ 6 สปีด
ระบบกันสะเทือนหลังแบบคอนโทรล เบลด มัลติลิงค์ และคานเสริมแบบกึ่งอิสระด้านหน้าและหลัง (semi-isolated front and rear subframe) พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมระบบบังคับเลี้ยว Electric Power Assist Steering ที่ได้รับการปรับแต่งให้สามารถตอบสนองได้อย่างแม่นยำแม้ขณะขับด้วยความเร็วสูง
ทีมวิศวกรฟอร์ดยังพัฒนาระบบการควบคุม Dynamic Cornering Control ที่ทำงานด้วยเทคนิคเดียวกันกับทอร์ก เวคเตอริ่ง (torque vectoring) คือการกระจายแรงบิดไปยังแต่ละล้อเพื่อลดอาการดื้อโค้ง เพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนและเข้าโค้ง
ฟอร์ด เปิดเผยว่าการผลิต โฟกัส ใหม่ จะเริ่มต้นขึ้นพร้อมกันทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือช่วงปลายปี 2553 ก่อนจะเริ่มทำตลาดต้นปีถัดไป ส่วนการเปิดตัวในทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทั้งนี้การผลิตในช่วงแรกจะเริ่มขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์ในเมืองซาร์หลุยส์ (เยอรมนี) มิชิแกน (สหรัฐ) และจุงกิง (จีน)
ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ได้รับการพัฒนาโดยทีมงานฟอร์ดยุโรป ประเทศเยอรมนี ขณะที่ระบบส่งกำลังได้รับการพัฒนาจากศูนย์ปฏิบัติงานด้านเทคนิคของฟอร์ดในเมืองดันตัน ประเทศอังกฤษ พร้อมการออกแบบภายใต้แนวคิด “เคเนอติก ดีไซน์” ที่เน้นสร้างความรู้สึกถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหว
รูปลักษณ์ใหม่หมดจดทั้งคัน โดดเด่นสะดุดตา ด้วยเส้นสายด้านข้างที่โฉบเฉี่ยว ภายในห้องโดยสารทันสมัยสไตล์ค็อกพิตของนักบิน คอนโซลกลางโอบรอบพื้นที่ของคนขับ ออกแบบให้ใช้งานอุปกรณ์ควบคุมต่างๆของรถได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ฟอร์ดยังนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับผู้ขับขี่ที่เรียกว่า "มายฟอร์ด" (MyFord) ซึ่งรวบรวมระบบควมคุมการทำงานต่างๆ ผ่านจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว
“มายฟอร์ด” จะมาพร้อมระบบ "ซิงก์" (SYNC) ระบบการสื่อสารและชุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพที่รวมถึงระบบควบคุมการทำงานด้วยเสียง ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบนำทางผ่านดาวเทียม รวมทั้งจุดเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง
ด้านเครื่องยนต์จะใช้เทคโนโลยีอีโคบู๊สต์ 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ไดเร็กอินเจ็กชั่น และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล ทีดีซีไอ ที่ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะ พร้อมลดอัตราบริโภคน้ำมันลงได้10-20% เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน
ส่วนรุ่นที่นำมาเปิดตัวในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ ฟอร์ดวางเครื่องยนต์เบนซิน Ti-VCTไดเร็กอินเจ็คชั่น ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบแปรผันแคมชาร์ฟแบบอิสระคู่ Twin Independent Variable Camshaft Timing (Ti-VCT) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และความประหยัดน้ำมัน โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้จะให้พละกำลังเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ดูราเทค 2.0 ลิตรแบบ 4 สูบในปัจจุบัน และลดอัตราบริโภคน้ำมันลง10% พร้อมการส่งกำลังด้วยเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ดูอัลคลัชต์ 6 สปีด
ระบบกันสะเทือนหลังแบบคอนโทรล เบลด มัลติลิงค์ และคานเสริมแบบกึ่งอิสระด้านหน้าและหลัง (semi-isolated front and rear subframe) พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมระบบบังคับเลี้ยว Electric Power Assist Steering ที่ได้รับการปรับแต่งให้สามารถตอบสนองได้อย่างแม่นยำแม้ขณะขับด้วยความเร็วสูง
ทีมวิศวกรฟอร์ดยังพัฒนาระบบการควบคุม Dynamic Cornering Control ที่ทำงานด้วยเทคนิคเดียวกันกับทอร์ก เวคเตอริ่ง (torque vectoring) คือการกระจายแรงบิดไปยังแต่ละล้อเพื่อลดอาการดื้อโค้ง เพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนและเข้าโค้ง
ฟอร์ด เปิดเผยว่าการผลิต โฟกัส ใหม่ จะเริ่มต้นขึ้นพร้อมกันทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือช่วงปลายปี 2553 ก่อนจะเริ่มทำตลาดต้นปีถัดไป ส่วนการเปิดตัวในทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทั้งนี้การผลิตในช่วงแรกจะเริ่มขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์ในเมืองซาร์หลุยส์ (เยอรมนี) มิชิแกน (สหรัฐ) และจุงกิง (จีน)