เริ่มขึ้นแล้วสำหรับรอบสื่อมวลชนของงาน "ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์" หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า NAIAS-North American International Auto Show ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกัน และถือเป็นมอเตอร์โชว์ระดับชั้นนำของโลกรายการแรกของปี
สถานที่จัดแสดงของงานยังอยู่ที่ Cobo Hall เมืองดีทรอยต์ มลรัฐมิชิแกนเหมือนเดิม ส่วนกำหนดการจัดงานแบ่งออกอย่างละเอียดชนิดที่เรียกว่ากว่าคนธรรมดาจะมีโอกาสซื้อตั๋วเดินดูอย่างสบายใจต้องรอกันนานชนิดที่บางทีความอยากอาจจะแทบหมดไปแล้ว
เพราะในวันที่ 11-12 มกราคมเป็นรอบสำหรับสื่อมวลชน ตามด้วยรอบพิเศษสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือ Industry preview ในวันที่ 13-14 มกราคม และรอบการกุศล หรือ Charity Preview ในวันที่ 15 มกราคม ก่อนที่จะเริ่มรอบคนทั่วไป หรือ Public Show ในวันที่ 16-24 มกราคม
สำหรับรายละเอียดคร่าวๆ ที่ผู้จัดงานเปิดเผยออกมาล่วงหน้าระบุว่าในปีนี้จะมีรถยนต์ใหม่ไม่ว่าจะเป็นต้นแบบหรือรถยนต์ในสายการผลิตเปิดตัวทั้งหมดมากกว่า 60 รุ่น ซึ่งเมื่อถึงวันงานจริงก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น เพราะบนพื้นที่ของแต่ละผู้ผลิตรถยนต์รายรอบด้วยรถยนต์ใหม่หลากแบบหลายสไตล์ที่มีความน่าสนใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในปี 2009 อุตสาหกรรมรถยนต์ของเมืองลุงแซมดูจะไม่ค่อยสดใสเท่าไรทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจ และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างจีเอ็มและไครสเลอร์เจอปัญหาเรื่องการประกอบการ แถมสหรัฐอเมริกาเองก็เพิ่งเสียตำแหน่งตลาดรถยนต์หมายเลข 1 ของโลกไปให้กับเมืองจีน
ในแง่ของรถยนต์ใหม่ที่เปิดตัวงานนี้มีให้สัมผัสมากขึ้น และก็มีผสมผสานกันไปทั้งโมเดลที่เกิดขึ้นมาเพื่อตลาดสหรัฐอเมริกาและแคนาดา รวมถึงโมเดลที่มีขายในตลาดโลก หรืออาจจะมีหลุดมาจนถึงเมืองไทย ซึ่งที่เด่นจริงๆ และได้รับความสนใจอย่างมากคงหนีไม่พ้นการเผยโฉมโมเดลที่ 3 ของ C-Car ในตระกูลโฟกัสของค่ายฟอร์ด ซึ่งโฟกัสใหม่รุ่นนี้แม้ว่าจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา แต่ก็เป็น World Car ที่พร้อมขายในตลาดทั่วโลก รวมถึงเมืองไทย
ขณะที่ทางไครสเลอร์ภายใต้การนำทัพของเฟียตก็เผยความเคลื่อนไหวของการทำงานร่วมกันอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะการโยกเอารถยนต์ของเฟียตกรุ๊ปที่ขายในตลาดยุโรปมารีแบรนด์ขายในสหรัฐอเมริกาด้วยชื่อของไครสเลอร์ หรือบริษัทในเครือ ที่เห็นชัดๆ เช่น แลนเซีย เดลต้า กับกระจังหน้าใหม่และชื่อใหม่อย่างไครสเลอร์ เดลต้า
ส่วนจีเอ็มก็ยังมีของใหม่ๆ จาก 4 แบรนด์หลักที่เป็น Core Brand ในเครือมาจัดแสดงกันอย่างครบครัน ทั้งเวอร์ชันตัวแรง V Version ของแคดิลแล็ก CTS คูเป้กับเครื่องยนต์วี8 6,200 ซีซี 556 แรงม้า ตามด้วยเชฟโรเลต อาวีโอ RS รหัสร้อนของแฮทช์แบ็กตัวแรงซึ่งพกเครื่องยนต์ 4 สูบ 1,400 ซีซี เทอร์โบ 138 แรงม้าอยู่ใต้ฝากระโปรง ส่วนบูอิคมากับต้นแบบรุ่นใหม่อย่างรีกัล GS Concept สปอร์ตซีดานพันธุ์หรู และปิดท้ายกับจีเอ็มซีด้วยอะคาเดีย เดนาลี่ เอสยูวีระดับหรูขนาดกลาง และต้นแบบรุ่นกราไนท์ (Granite) ซึ่งออกแนวรถยนต์ครอสโอเวอร์ที่ผสมผสานสมรรถนะในการลุยตามแบบฉบับ SUV เข้ากับความอเนกประสงค์ของ MPV ได้อย่างลงตัว
ทางด้านของใหม่จากผู้ผลิตต่างแดนที่เด่นๆ เห็นจะเป็นการเปิดตัวรุ่นจำหน่ายจริงของฮอนด้า CR-Z สปอร์ตไฮบริดที่มีข่าวและภาพหลุดออกมาให้ติดตามกันตั้งแต่ปลายปี ซึ่งแม้ว่าจะเปิดตัวในงานนี้ แต่ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศแรกที่ขาย เพราะฮอนด้าบอกเอาไว้แล้วว่าจะเริ่มทำตลาดในบ้านตัวเองเป็นแห่งแรกช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ พร้อมระบบไฮบริด IMA ที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,500 ซีซี i-VTEC+มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งรีดกำลังออกมาได้ 122 แรงม้าจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ส่วนโตโยต้าก็มีผลผลิตจากไฮบริดมาให้สัมผัสเช่นกัน แต่เป็นต้นแบบในชื่อ FT-CH ซึ่งแม้โตโยต้าจะยังไม่เอ่ยปากว่าผลิตหรือไม่ แต่ก็มีข่าวลือว่าจะผลิตออกมาขายจริงอย่างแน่นอนเพราะโตโยต้าต้องการผลผลิตเอาไว้เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต่ำกว่ารุ่นพริอุส นัยว่าคงเป็นรถยนต์ใหม่ที่กะออกมาสู้กับโปรเจ็กต์ฮอนด้า แจ๊ซ ไฮบริดที่จะเปิดตัวในต้นปีหน้า
สำหรับฝั่งเยอรมนี ก็มีทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์กับรุ่นเปิดประทุนของอี-คลาสที่มีภาพคันจริงออกมาให้เห็นกันตั้งแต่เดือนธันวาคมแล้ว พร้อมกับรูปปั้นของรถสปอร์ตปริศนาที่มีการฟันธงว่าน่าจะเป็นโฉมใหม่ของรุ่น CLS ตามด้วยออดี้กับโปรเจ็กต์ต่อเนื่องของต้นแบบรุ่น e-Tron ที่ได้รับการปรับปรุงจากตัวต้นแบบดั้งเดิมซึ่งเผยโฉมแรกในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนโฟล์คสวาเกนเปิดตัวเวอร์ชันคูเป้ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของกอล์ฟ และเจ็ตต้าในชื่อ Compact Coupe Concept ซึ่งมาพร้อมกับการนำเครื่องยนต์ TSI 1,400 ซีซีพร้อมระบบ Twincharger มาทำเป็นไฮบริด ทำให้มีกำลังขยับจาก 140 แรงม้ามาเป็น 177 แรงม้า
นอกจากนั้น ตามธรรมเนียมแล้วในงานนี้จะต้องมีการมอบรางวัลให้กับรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของอเมริกาเหนือ ซึ่งมีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มรถยนต์นั่ง และกลุ่มปิกอัพ/SUV/รถยนต์อเนกประสงค์ ซึ่งในปีนี้เป็นปีทองของฟอร์ด เพราะผลผลิตของแบรนด์นี้กวาดรางวัลทั้ง 2 ส่วน คือ ฟิวชั่น ไฮบริดคว้ารางวัลในกลุ่มรถยนต์นั่ง และทรานซิต คอนเน็คคว้ารางวัลในกลุ่มหลัง
ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ผู้ผลิตรถยนต์เพียงรายเดียวสามารถคว้าได้ทั้ง 2 รางวัลในปีเดียว ซึ่งครั้งสุดท้ายก็ต้องย้อนกลับไปในปี 2006 เมื่อฮอนด้า ซีวิคได้รับรางวัลในกลุ่มรถยนต์นั่ง และปิกอัพ 4 ประตูรุ่นริดจ์ไลน์คว้ารางวัลในกลุ่มปิกอัพ/SUV/รถยนต์อเนกประสงค์
