แม้จะเปิดตัวให้เห็นกันมาตั้งแต่งานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ชื่อของต้นแบบรุ่น Karma Sunset ของค่าย Fisker ก็กลับมาอยู่ในกระแสความสนใจอีกครั้ง เมื่อต้นแบบรุ่นนี้ได้รับเลือกให้คว้ารางวัล North American Concept Vehicle of the Year Awards เป็นรางวัลประดับตู้ก่อนที่จะขึ้นไลน์ผลิตจริงในปี 2011
Karma Sunset หรือ Karma S เป็นต้นแบบที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยแชร์พื้นฐานทั้งตัวถังและในทางวิศวกรรมของระบบขับเคลื่อนร่วมกับรถยนต์ซีดานรุ่น Karma แต่ถูกปรับปรุงรายละเอียดให้กลายเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุน 4 ที่นั่งแบบหลังคาแข็งพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ในช่วงที่เปิดตัวออกมา Fisker Automotive ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยเฮนริก ฟิสเคอร์ นักออกแบบชื่อดังของโลกยานยนต์ ๆได้ยืนยันถึงการผลิตรถสปอร์ตรุ่นนี้ออกสู่ตลาดอย่างแน่นอน แต่จะมาตามหลังการเริ่มบุกของซีดานรุ่น Karma ในปลายปีนี้
ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยระบบที่เรียกว่า Q-Drive ซึ่งมีพื้นฐานการทำงานและส่วนประกอบของระบบในแบบ E-REV หรือ Extended Ranged Electeic Vehicle คล้ายกับระบบที่ใช้ในเชฟโรเลต โวลต์ ซึ่งระบบนี้ได้รับการออกแบบโดยบริษัท Quantum Technologies เพื่อทาง Fisker โดยเฉพาะ
การขับเคลื่อนหลักจะเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวขนาด 201 แรงม้าซึ่งจะรับกระแสไฟฟ้าที่มาจากแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ขณะที่เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบรหัส ECOTEC ของจีเอ็ม ที่มีกำลัง 260 แรงม้าจะทำหน้าที่เป็นตัวปั่นกระแสไฟฟ้า และสามารถเสียบปลั๊กเข้ากับไฟบ้านเพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้าได้
ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือก 2 แบบ คือ Stealth Mode ซึ่งใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว สามารถแล่นทำระยะทางได้ 50 ไมล์ หรือ 80 กิโลเมตรเมื่ออาศัยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ที่ชาร์จจนเต็ม หรืออีกโหมดคือ Sport Mode ซึ่งจะเพิ่มระยะทางในการขับเคลื่อนขึ้นเป็น 300 ไมล์ หรือ 482 กิโลเมตร เพราะเป็นการปลุกให้เครื่องยนต์สันดาปภายในตื่นขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่เพื่อชดเชยในส่วนที่ถูกใช้ไป
แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขของสมรรถนะ แต่เชื่อว่า Karma S คงทำได้ดีไม่แพ้รุ่นซีดาน ซึ่งมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร 5.8 วินาทีและความเร็วสูงสุด 201 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ผลิตขายแน่นอนในปี 2011 ส่วนหน้าตาของตัวรถที่ยังไม่ระบุว่าจะแตกต่างจากเวอร์ชันต้นแบบมากน้อยแค่ไหน เช่นเดียวกับราคาที่คาดว่าน่าจะแพงกว่ารุ่นซีดาน ซึ่งจะขายในปลายปีนี้ด้วยตัวเลข 87,900 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 3.07 ล้านบาทตามสไตล์รถสปอร์ต