เมื่อปีที่แล้ว บราบัส เคยสร้างความฮือฮามาแล้วกับเวอร์ชัน Black Arrow ในการจับเอาซี-คลาสรุ่นล่าสุด W204 มาเสริมเขี้ยวเล็บด้วยเครื่องยนต์วี12 มาในปีนี้ กระแสความฮือฮายังต่อเนื่อง แต่คราวนี้เป็นคิวของอี-คลาสใหม่ในรหัส W212 ที่จะได้ลิ้มรสความแรงในระดับ 800 แรงม้าจากเครื่องยนต์รุ่นดัง EV12 ของบราบัส
ที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่รู้จักบราบัสในฐานะที่เป็นสำนักแต่งชื่อดังที่เน้นการโมดิฟายรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ปัจจุบัน พวกเขาผ่านการรับรองโดยทาง German Federal Vehicle Registration Agency หรือ Kraftfahrtbundesamt ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์แล้ว และตัวแรงรุ่นนี้เผยโฉมออกมาในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อว่า One of ten Version หรือรู้จักกันในอีกชื่อว่า Black Baron
ตัวรถยึดพื้นฐานของอี-คลาส ซีดานรุ่นปัจจุบัน และมากับตัวถังสีดำด้านตลอดทั้งคันเหมือนกับ Black Arrow เพื่อเพิ่มความดุดัน และชุดแอโรพาร์ตตลอดทั้งคันของตัวรถได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างประโยชน์ทั้งในเรื่องความสวยงามและการทรงตัวที่ดีเมื่ออยู่ในช่วงความเร็วสูงเพื่อทำให้ One of ten Version เป็นซีดานจากโรงงานที่แล่นเร็วที่สุดในโลก
โดยความโดดเด่นในเรื่องการดัดแปลงจะอยู่ที่การขยายความกว้างของตัวถังในแบบ Wide Body และการปรับเซ็ตตัวถังเพื่อลดปัญหาในเรื่องการยกของตัวถังด้านและหลังอันเป็นผลมาจากลมที่ลอดผ่านใต้ท้องให้เหลือน้อยที่สุด รวมถึงการปรับแต่งซุ้มล้อหลังใหม่ ซึ่งมีการออกแบบแผ่นปิดทับเกือบจะเต็มล้อหลัง เพื่อสร้างความเพรียวลม ขณะที่ช่องรับลมตรงกันชนหน้าจะช่วยทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับอินเตอร์คูลเลอร์ในการลดความร้อนจากอากาศที่ถูกประจุโดยระบบอัดอากาศ
หัวใจหลักของการขับเคลื่อนอยู่ที่เครื่องยนต์รหัส EV12 ของบราบัสซึ่งเป็นการนำขุมพลังวี12 แบบ 3 วาล์ว/สูบ 5,500 ซีซี เมอร์เซเดส-เบนซ์มาเสริมความร้อนแรงด้วยการขยายความจุขึ้นเป็น 6,300 ซีซีด้วยการคว้านทั้งกระบอกสูบและเพิ่มระยะชักของข้อเหวี่ยง จากนั้นเพิ่มความร้อนแรงด้วยเทอร์โบคู่ลูกใหม่พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ซึ่งมีมากถึง 4 ตัว
กำลังที่ผลิตออกมาได้มีหลายระดับ แต่บล็อกที่วางอยู่ใน One of ten Version มีกำลังอยู่ที่ 800 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดแบบไม่มีการล็อกสเปกอยู่ที่ 144.7 กก.-ม. ที่รอบต่ำเพียง 2,100 รอบ/นาที แต่เมื่อต้องขายจริงทางบราบัสล็อกการปล่อยแรงบิดของเครื่องยนต์เอาไว้ที่ 112.1 กก.-ม.
ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะซึ่งด้วยกำลังในระดับนี้สามารถแบกตัวถังที่มีน้ำหนัก 1,980 กิโลกรัมให้ทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.7 วินาที และ 9.9 วินาทีสำหรับ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 23.9 วินาทีสำหรับการไต่ถึงระดับ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนความเร็วปลายอยู่ในระดับ 370 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถูกล็อกเอาไว้ที่ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัย ???
แรงขนาดนี้ระบบเบรกที่จะหยุดม้าฝูงโตต้องมีประสิทธิภาพเหนือชั้น ซึ่งดิสก์เบรกด้านหน้ามีขนาด 380 มิลลิเมตร และด้านหลังมีขนาด 360 มิลลิเมตร ผลิตจากเหล็กไม่ใช่คาร์บอนเซรามิก โดยจับคู่กับคาลิเปอร์อะลูมิเนียมขนาด 12 และ 6 ลูกสูบตามลำดับ
ไม่ได้ผลิตขึ้นมาโชว์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีขายด้วย จำนวนแค่ 10 คันเท่านั้นกับราคาแพงเอาเรื่อง 498,000 ยูโร หรือ 24.9 ล้านบาท แต่ถ้างบไม่ถึง บราบัสก็มีเวอร์ชันที่ลดดีกรีทั้งความแรงและความดุของหน้าตาลงมาเป็นอีกทางเลือก กับเครื่องยนต์บล็อกเดียวกันแต่มีกำลัง 750 แรงม้าซึ่งปรับให้เหมาะสำหรับการใช้งานทุกวัน ส่วนราคาของรุ่นนี้ไม่มีการเปิดเผย
ที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่รู้จักบราบัสในฐานะที่เป็นสำนักแต่งชื่อดังที่เน้นการโมดิฟายรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ปัจจุบัน พวกเขาผ่านการรับรองโดยทาง German Federal Vehicle Registration Agency หรือ Kraftfahrtbundesamt ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์แล้ว และตัวแรงรุ่นนี้เผยโฉมออกมาในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อว่า One of ten Version หรือรู้จักกันในอีกชื่อว่า Black Baron
ตัวรถยึดพื้นฐานของอี-คลาส ซีดานรุ่นปัจจุบัน และมากับตัวถังสีดำด้านตลอดทั้งคันเหมือนกับ Black Arrow เพื่อเพิ่มความดุดัน และชุดแอโรพาร์ตตลอดทั้งคันของตัวรถได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างประโยชน์ทั้งในเรื่องความสวยงามและการทรงตัวที่ดีเมื่ออยู่ในช่วงความเร็วสูงเพื่อทำให้ One of ten Version เป็นซีดานจากโรงงานที่แล่นเร็วที่สุดในโลก
โดยความโดดเด่นในเรื่องการดัดแปลงจะอยู่ที่การขยายความกว้างของตัวถังในแบบ Wide Body และการปรับเซ็ตตัวถังเพื่อลดปัญหาในเรื่องการยกของตัวถังด้านและหลังอันเป็นผลมาจากลมที่ลอดผ่านใต้ท้องให้เหลือน้อยที่สุด รวมถึงการปรับแต่งซุ้มล้อหลังใหม่ ซึ่งมีการออกแบบแผ่นปิดทับเกือบจะเต็มล้อหลัง เพื่อสร้างความเพรียวลม ขณะที่ช่องรับลมตรงกันชนหน้าจะช่วยทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับอินเตอร์คูลเลอร์ในการลดความร้อนจากอากาศที่ถูกประจุโดยระบบอัดอากาศ
หัวใจหลักของการขับเคลื่อนอยู่ที่เครื่องยนต์รหัส EV12 ของบราบัสซึ่งเป็นการนำขุมพลังวี12 แบบ 3 วาล์ว/สูบ 5,500 ซีซี เมอร์เซเดส-เบนซ์มาเสริมความร้อนแรงด้วยการขยายความจุขึ้นเป็น 6,300 ซีซีด้วยการคว้านทั้งกระบอกสูบและเพิ่มระยะชักของข้อเหวี่ยง จากนั้นเพิ่มความร้อนแรงด้วยเทอร์โบคู่ลูกใหม่พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ซึ่งมีมากถึง 4 ตัว
กำลังที่ผลิตออกมาได้มีหลายระดับ แต่บล็อกที่วางอยู่ใน One of ten Version มีกำลังอยู่ที่ 800 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดแบบไม่มีการล็อกสเปกอยู่ที่ 144.7 กก.-ม. ที่รอบต่ำเพียง 2,100 รอบ/นาที แต่เมื่อต้องขายจริงทางบราบัสล็อกการปล่อยแรงบิดของเครื่องยนต์เอาไว้ที่ 112.1 กก.-ม.
ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะซึ่งด้วยกำลังในระดับนี้สามารถแบกตัวถังที่มีน้ำหนัก 1,980 กิโลกรัมให้ทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.7 วินาที และ 9.9 วินาทีสำหรับ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 23.9 วินาทีสำหรับการไต่ถึงระดับ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนความเร็วปลายอยู่ในระดับ 370 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถูกล็อกเอาไว้ที่ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัย ???
แรงขนาดนี้ระบบเบรกที่จะหยุดม้าฝูงโตต้องมีประสิทธิภาพเหนือชั้น ซึ่งดิสก์เบรกด้านหน้ามีขนาด 380 มิลลิเมตร และด้านหลังมีขนาด 360 มิลลิเมตร ผลิตจากเหล็กไม่ใช่คาร์บอนเซรามิก โดยจับคู่กับคาลิเปอร์อะลูมิเนียมขนาด 12 และ 6 ลูกสูบตามลำดับ
ไม่ได้ผลิตขึ้นมาโชว์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีขายด้วย จำนวนแค่ 10 คันเท่านั้นกับราคาแพงเอาเรื่อง 498,000 ยูโร หรือ 24.9 ล้านบาท แต่ถ้างบไม่ถึง บราบัสก็มีเวอร์ชันที่ลดดีกรีทั้งความแรงและความดุของหน้าตาลงมาเป็นอีกทางเลือก กับเครื่องยนต์บล็อกเดียวกันแต่มีกำลัง 750 แรงม้าซึ่งปรับให้เหมาะสำหรับการใช้งานทุกวัน ส่วนราคาของรุ่นนี้ไม่มีการเปิดเผย
