“วิทยา” สั่งรื้อรายการครุภัณฑ์งบเอสพี 2 ทั้งหมด หากพบล็อกสเปกไฟเขียวปลดล็อกทันที พร้อมรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรทุกวัน มอบอำนาจ “หมอไพจิตร์” ตรวจสอบเต็มที่ ทำเรื่องจริงให้ปรากฏ ห้ามมีแพะรับบาป
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งการให้นพ.ไพจิตร์ วราชิต รักษาราชการแทนปลัด สธ.ดำเนินการตรวจสอบรายการครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่จะมีการจัดซื้อภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (เอสพี2) หรือโครงการไทยเข้มแข็งใหม่ทั้งหมด หากตรวจพบว่ารายการใดมีการกำหนดสเปกเพื่อเอื้อให้บริษัทเอกชนแห่งใดแห่งหนึ่ง ให้สามารถดำเนินการคลายสเปกทันที และให้รายงานให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรทุกวันและทุกขั้นตอน
“ขณะนี้มีทั้งตัวย่อ “ม”, “ป”, “ก” และ “ร” จนงงไปหมด แต่ถ้าตรวจสอบแล้วรู้ว่าเป็นใคร ถ้าอยู่ในอำนาจที่จะดำเนินการก็จะไม่ปล่อยไว้แน่ ไม่ว่านักการเมืองหรือข้าราชการประจำ และได้ให้นโยบายแก่ปลัด สธ.ในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ให้ถึงที่สุด ไม่ต้องกลัวใคร ถ้าตรวจสอบแล้วพบก็ให้นำเรื่องจริงมาเปิดเผย ว่า มีนักการเมือง หรือแม้แต่เป็นผู้ที่มีตำแหน่งในรัฐบาลก็ขอให้รายงานให้ผมทราบอย่างเต็มที่ จะต้องไม่มีการโยนบาปให้แพะ โดยผมจะรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพราะถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของรัฐมนตรีทุกคนไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม” นายวิทยา กล่าว
ลั่น “แม่เลี้ยงติ๊ก” มีเอี่ยวทุจริตพร้อมปลดพ้นตำแหน่ง
นายวิทยา กล่าวต่อว่า หากคณะกรรมการตรวจสอบ พบว่า ข้าราชการประจำมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล็อกสเปกรายการครุภัณฑ์ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน จะต้องดำเนินการตามระเบียบราชการ ถ้าเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงในการลงโทษก็ดำเนินการทันที หากเป็นอำนาจตนก็พร้อมที่จะใช้อำนาจในการจัดการ และหากพบว่า นักการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินทั้งทางการเมืองและกฎหมาย
“ผมได้สอบถาม นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก ซึ่งเข้าข่ายทีมีอักษรย่อ ต.และเป็นเลขานุการผมมาสอบถามแล้วว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไปพบบริษัทรถยนต์ เพื่อตกลงเกี่ยวกับการจัดซื้อรถพยาบาลหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ไม่เคยไปพบ ไม่รู้จักบริษัทเครื่องมือแพทย์ ผมก็ต้องเชื่อใจ แต่ในอนาคตหากมีการตรวจสอบพบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องผมจะดำเนินการทางการเมืองก่อน ด้วยการปลดออกจากตำแหน่งเลขาฯและดำเนินการตามกฎหมาย เช่นเดียวกัน หากมีนักการเมืองพรรคอื่นเข้ามีเกี่ยวข้องกับการทุจริต ก็จะรายงานให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทราบและพิจารณาต่อไป เพราะถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของรัฐบาล” นายวิทยา กล่าว
ด้าน นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เลขานุการ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า รู้สึกตกใจและแปลกใจที่มีการระบุชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่าว่าแต่ไปกินข้าวกับบริษัทไหนเลย แม้แต่สามีตัวเอง ยังไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาเป็นเดือนแล้ว
“มานิต” ยันไม่เกี่ยวจัดซื้อไทยเข้มแข็ง ปัดคุยงาบรถพยาบาลฉุกเฉิน
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ชมรมแพทย์ชนบทออกมาระบุว่ามีนักการเมืองอักษรย่อ “ม” และ “ต” มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง ว่า ยันยันว่า ไม่เคยมีการหารือ หรือนัดเจอพูดคุยกับใคร เรื่องอะไรยังไม่รู้เลย จนตอนนี้ตนไม่กล้าไปโรงแรม หรือร้านอาหารที่ไหนแล้ว เรื่องรถพยาบาลฉุกเฉินเพียงแต่เสนอความเห็นว่า ควรให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดคุณลักษณะของรถพยาบาลฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นผู้ใช้โดยตรง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการกำหนดสเปกและยังไม่มีการจัดซื้อเลย อย่างไรก็ตามการที่มีการตรวจสอบถือเป็นเรื่องที่ดี
“การที่มีข่าวอักษรย่อชื่อตัว “ม” ตัว “ต” ก็อาจโดนกันทุกคน จึงเห็นด้วยกับ รมว.สาธารณสุข ที่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตรวจสอบครุภัณฑ์ ทั้งเครื่องยูวีแฟน และออโต้เมท ว่า มีคำขอหรือเป็นความต้องการของโรงพยาบาลหรือไม่ เพราะหากโรงพยาบาลไม่ขอมาก็คงไม่ให้อยู่แล้ว และถ้าเป็นครุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นคงต้องถามสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) ว่า รายการดังกล่าวใครเป็นคนประสานงาน ที่สำคัญ มีความเหมาะสมกับโรงพยาบาลหรือไม่” นายมานิต กล่าว
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งการให้นพ.ไพจิตร์ วราชิต รักษาราชการแทนปลัด สธ.ดำเนินการตรวจสอบรายการครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่จะมีการจัดซื้อภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (เอสพี2) หรือโครงการไทยเข้มแข็งใหม่ทั้งหมด หากตรวจพบว่ารายการใดมีการกำหนดสเปกเพื่อเอื้อให้บริษัทเอกชนแห่งใดแห่งหนึ่ง ให้สามารถดำเนินการคลายสเปกทันที และให้รายงานให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรทุกวันและทุกขั้นตอน
“ขณะนี้มีทั้งตัวย่อ “ม”, “ป”, “ก” และ “ร” จนงงไปหมด แต่ถ้าตรวจสอบแล้วรู้ว่าเป็นใคร ถ้าอยู่ในอำนาจที่จะดำเนินการก็จะไม่ปล่อยไว้แน่ ไม่ว่านักการเมืองหรือข้าราชการประจำ และได้ให้นโยบายแก่ปลัด สธ.ในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ให้ถึงที่สุด ไม่ต้องกลัวใคร ถ้าตรวจสอบแล้วพบก็ให้นำเรื่องจริงมาเปิดเผย ว่า มีนักการเมือง หรือแม้แต่เป็นผู้ที่มีตำแหน่งในรัฐบาลก็ขอให้รายงานให้ผมทราบอย่างเต็มที่ จะต้องไม่มีการโยนบาปให้แพะ โดยผมจะรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพราะถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของรัฐมนตรีทุกคนไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม” นายวิทยา กล่าว
ลั่น “แม่เลี้ยงติ๊ก” มีเอี่ยวทุจริตพร้อมปลดพ้นตำแหน่ง
นายวิทยา กล่าวต่อว่า หากคณะกรรมการตรวจสอบ พบว่า ข้าราชการประจำมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล็อกสเปกรายการครุภัณฑ์ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน จะต้องดำเนินการตามระเบียบราชการ ถ้าเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงในการลงโทษก็ดำเนินการทันที หากเป็นอำนาจตนก็พร้อมที่จะใช้อำนาจในการจัดการ และหากพบว่า นักการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินทั้งทางการเมืองและกฎหมาย
“ผมได้สอบถาม นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก ซึ่งเข้าข่ายทีมีอักษรย่อ ต.และเป็นเลขานุการผมมาสอบถามแล้วว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไปพบบริษัทรถยนต์ เพื่อตกลงเกี่ยวกับการจัดซื้อรถพยาบาลหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ไม่เคยไปพบ ไม่รู้จักบริษัทเครื่องมือแพทย์ ผมก็ต้องเชื่อใจ แต่ในอนาคตหากมีการตรวจสอบพบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องผมจะดำเนินการทางการเมืองก่อน ด้วยการปลดออกจากตำแหน่งเลขาฯและดำเนินการตามกฎหมาย เช่นเดียวกัน หากมีนักการเมืองพรรคอื่นเข้ามีเกี่ยวข้องกับการทุจริต ก็จะรายงานให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทราบและพิจารณาต่อไป เพราะถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของรัฐบาล” นายวิทยา กล่าว
ด้าน นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เลขานุการ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า รู้สึกตกใจและแปลกใจที่มีการระบุชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่าว่าแต่ไปกินข้าวกับบริษัทไหนเลย แม้แต่สามีตัวเอง ยังไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาเป็นเดือนแล้ว
“มานิต” ยันไม่เกี่ยวจัดซื้อไทยเข้มแข็ง ปัดคุยงาบรถพยาบาลฉุกเฉิน
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ชมรมแพทย์ชนบทออกมาระบุว่ามีนักการเมืองอักษรย่อ “ม” และ “ต” มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง ว่า ยันยันว่า ไม่เคยมีการหารือ หรือนัดเจอพูดคุยกับใคร เรื่องอะไรยังไม่รู้เลย จนตอนนี้ตนไม่กล้าไปโรงแรม หรือร้านอาหารที่ไหนแล้ว เรื่องรถพยาบาลฉุกเฉินเพียงแต่เสนอความเห็นว่า ควรให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดคุณลักษณะของรถพยาบาลฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นผู้ใช้โดยตรง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการกำหนดสเปกและยังไม่มีการจัดซื้อเลย อย่างไรก็ตามการที่มีการตรวจสอบถือเป็นเรื่องที่ดี
“การที่มีข่าวอักษรย่อชื่อตัว “ม” ตัว “ต” ก็อาจโดนกันทุกคน จึงเห็นด้วยกับ รมว.สาธารณสุข ที่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตรวจสอบครุภัณฑ์ ทั้งเครื่องยูวีแฟน และออโต้เมท ว่า มีคำขอหรือเป็นความต้องการของโรงพยาบาลหรือไม่ เพราะหากโรงพยาบาลไม่ขอมาก็คงไม่ให้อยู่แล้ว และถ้าเป็นครุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นคงต้องถามสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) ว่า รายการดังกล่าวใครเป็นคนประสานงาน ที่สำคัญ มีความเหมาะสมกับโรงพยาบาลหรือไม่” นายมานิต กล่าว