แม้โฟกัสใหม่ ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 3 ของ Mk III ของสายพันธุ์จะยังไม่มา แต่ทางด้านฟอร์ดก็สร้างกระแสกันก่อนด้วยการเปิดตัวรุ่นเปลี่ยนโฉม หรือโมเดลเชนจ์ของ C-Max มินิแวนที่ใช้พื้นฐานร่วมกับโฟกัส เพื่อเป็นการปูทางและบ่งบอกถึงทิศทางและแนวโน้มในด้านการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกที่จะนำมาใช้กับโฟกัสรุ่นใหม่ โดยการเปิดตัวของ C-Max จะมีขึ้นครั้งแรกที่งานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 กลางเดือนกันยายนนี้
C-Max ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2003 เพื่อเป็นการเปิดตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ในกลุ่ม C-Segment ที่ฟอร์ดยังไม่มีตัวเลือกส่งแข่งขันกับโอเปิล ซาฟิรา และเรโนลต์ เมกาน ซีนิก ซึ่งการเปิดตัวของ C-Max รุ่นแรกถือว่าฮือฮาไม่น้อย เพราะเป็นมินิแวนที่ใช้พื้นฐานร่วมกับโฟกัสเจนเนอเรชันที่ 2 แต่กลับเปิดตัวก่อนที่ตัวถังปกติของโฟกัสจะเผยโฉมออกมาเสียอีก ทำให้สามารถคาดเดาถึงความเป็นไปได้ในเชิงเค้าโครงของรูปลักษณ์ของโฟกัสรุ่นปกติว่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร…และในรุ่นใหม่ ฟอร์ดก็ยังทำเช่นนี้อยู่
สำหรับงานออกแบบทั้งหมดเป็นผลงานการดัดแปลงโดยอยู่บนพื้นฐานของต้นแบบรุ่น Iosis MAX ที่เปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดดเด่นและสปอร์ตด้วยเส้นสายที่เฉียบคมตามสไตล์งานออกแบบตามแนวทาง Kinetic Design ของฟอร์ด ยุโรป ซึ่งแม้ว่าในตัวต้นแบบจะออกแนวแฮทช์แบ็ก 5 ประตูที่มีจุดเด่นตรงประตูบานท้ายซึ่งเปิดแบบสไลด์ไปทางด้านหลัง แต่พอถูกประยุกต์เป็นรุ่นจำหน่ายจริงอย่าง C-MAX ปรากฏว่า งานนี้ไม่มีเซอร์ไพรส์ เพราะประตูบานหลังของมินิแวนรุ่นนี้ยังเป็นแบบเปิดออกเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป
นอกจากนั้นฟอร์ดยังเผยว่า C-MAX เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้พื้นตัวถังรุ่นใหม่ซึ่งเรียกว่า New Generation of Global Vehicles สำหรับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็กต์ หรือ C-Segment ซึ่งแนวคิดนี้เป็นไปตามนโยบาย One Ford Vision เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตและลดความซ้ำซ้อนของผลิตภัณฑ์
เพราะก่อนหน้านี้ ฟอร์ดเคยแตกรูปลักษณ์และรูปทรงของโฟกัสออกเป็น 2 แบบ คือ ตลาดโลกและตลาดอเมริกาเหนือ (เหมือนกับฮอนด้า ซีวิค) แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไปไม่รอด และทำให้ต้องกลับมาจับรวมเป็นหน้าตาเดียวขายทั่วโลกเหมือนกับรุ่นแรก โดยรถยนต์ที่เกิดตามแนวทาง One Ford Vision คือ เฟียสตารุ่นปัจจุบัน
นอกจากนั้น ตัวรถยังเหนือชั้นในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ จากโรงงาน เช่น ระบบจอดรถริมฟุตบาธแบบกึ่งอัตโนมัติ หรือ Semi-automatic parallel parking และระบบแจ้งเตือนเวลาเปลี่ยนเลนหากมีรถแล่นอยู่ในบริเวณมุมอับที่ไม่สามารถมองเห็นได้ผ่านทางกระจกมองหลังหรือมองข้าง หรือ Blind-spot detection system
ในส่วนของรายละเอียดทางเทคนิค ทางฟอร์ดยังไม่ได้เปิดเผยออกมา แต่ที่จะมีขายแน่ๆ คือ เครื่องยนต์ในตระกูล EcoBoost ซึ่งเป็นการรีดกำลังให้กับเครื่องยนต์บล็อกเล็กด้วยเทอร์โบ จนมีกำลังเทียบเท่ากับเครื่อง ยนต์แบบ NA ที่มีซีซีเยอะ แต่เหนือกว่าด้วยความประหยัดน้ำมัน ซึ่งแนวทางนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ผลิตในยุโรป ซึ่งที่จะประจำการอยู่ใต้ฝากระโปรงของ C-MAX รวมถึงโฟกัสรุ่นใหม่ คือ 4 สูบ 1,600 ซีซี Ecoboost พร้อมระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน ส่วนตัวเลขแรงม้าและแรงบิดยังปิดเงียบเป็นความลับ
ไลน์ผลิตของ C-MAX จะอยู่ที่โรงงานในเมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปนและเริ่มขายในยุโรปครึ่งหลังของปี 2010 ส่วนในงาน IAA2009 วันจริงยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์ออกมาอีกหรือเปล่า เพราะจากข่าวหลายกระแสในอินเตอร์เนตระบุว่า ฟอร์ดอาจนำทั้ง C-MAX และโฟกัสใหม่ออกเปิดตัวพร้อมๆ กันเลยก็ได้
งานนี้…แฟนๆ ฟอร์ดต้องติดตามดูกันให้ดี