หลังสิ้นสุดการทำตลาดในปี 1992 กับรุ่น 505 และถูกแทนที่โดยเจนเนอเรชัน 4 ซึ่งเริ่มกับรุ่น 405 พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งทางการตลาดของตัวเลขรุ่นกันใหม่ ในตอนนี้เปอโยต์ปัดฝุ่นนำรถยนต์ที่ใช้รหัส 5 นำหน้ากลับมาสู่ตลาดอีกครั้งด้วยรุ่น 5008 ที่พร้อมเปิดตัวครั้งแรกในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 เดือนกันยายนนี้
การกลับมาครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว เพราะคงทราบกันดีว่ารุ่นรถยนต์ของเปอโยต์ ถ้าเป็นหมายเลข 4 หลักจะหมายถึงตัวถังที่ไม่ใช่ตัวถังหลักอย่างแฮทช์แบ็ก, สเตชันแวกอน, ซีดาน, คูเป้ หรือเปิดประทุนที่ใช้กับสายพันธุ์หลักซึ่งเป็นตัวเลข 3 หลัก เช่น 107, 207 หรือ 308
แต่เป็นการเจาะตลาดอเนกประสงค์ด้วยความต่างจากที่เคยมีมา โดยรหัส 4 หลักนี้เริ่มใช้กับรุ่น 1007 ในปี 2005 กับตัวถังทรงกล่องสูงออกแนวมินิแวนขนาดเล็ก แตามด้วย 4007 ซึ่งเป็นเอสยูวีที่แชร์พื้นฐานมาจากมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ และ 3008 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว กับตัวถังแฮทช์แบ็กยกสูงในสไตล์ครอสโอเวอร์
5008 จึงไม่ได้เป็นการสานต่อรหัส 5 จาก 504 และ 505 โดยตรง เพราะเป็นมินิแวนขนาดคอมแพ็กต์แถมยังได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์ C-Segment รุ่นดังอย่าง 308 ไม่ใช่การเจาะกลุ่มรถยนต์ครอบครัวขนาดกลางเหมือนกับ 505 เคยเป็นก่อนที่จะมอบงานนี้ให้กับ 405 ทำแทนในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของ 5008 ถือเป็นการเติมเต็มทางเลือกในตลาดอย่างแท้จริง เพราะช่องว่างระหว่าง 1007 กับ 807 ซึ่งเป็นผลผลิตที่มาจากโปรเจ็กต์ความร่วมมือระหว่างกลุ่ม PSA (เปอโยต์และซีตรอง) กับเฟียต ถือว่ากว้างมาก เพราะค่ายสิงห์ผยองไม่มีความเอนกประสงค์รุ่นกลางๆ ออกมาให้สัมผัสเลย นอกจากตัวถังสเตชันแวกอนที่มีคำว่า SW ต่อท้ายรุ่น หรือไม่ก็ต้องหันไปมองพวกลูกครึ่งอย่างพาร์ตเนอร์ บิปเพอร์ หรือไม่ก็พาร์ตเนอร์ซึ่งมีทั้งเวอร์ชันสำหรับใช้งานส่วนตัวหรือไม่ก็เพื่อการบรรทุกของในเชิงพาณิชย์
5008 ถือเป็นคู่ปรับโดยตรงของโอเปิล ซาฟิรา, โตโยต้า เวอร์โซ และเรโนลต์ แกรนด์ ซีนิก ตัวรถเป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่งซึ่งสามารถเลือกพับได้อย่างอเนกประสงค์ตามความต้องการของลูกค้าตามสไตล์มินิแวน ซึ่งเมื่อต้องการบรรทุกคนเต็มอัตรา พื้นที่เก็บของด้านหลังจะเหลือไม่มากนัก แต่ถ้าปรับมาเป็นแบบ 5 ที่นั่ง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็จะมีความจุ 823 ลิตร และเพิ่มเป็น 2,500 ลิตรเมื่อพับเบาะแถวที่ 2 และ 3 ลงมา
จากการแชร์พื้นฐานร่วมกับ 308 (และอาจจะรวมถึงมินิแวนต่างค่ายในเครือเดียวกันอย่างซีตรอง ซี4 ปิกัสโซ่ที่ทำตลาดเมื่อปี 2007) ตัวรถจึงมีความยาวตามสไตล์ยานยนต์ในกลุ่มคอมแพ็กต์ หรือ C-Segment ด้วยตัวเลข 4,530 มิลลิเมตร สูง 1,640 มิลลิเมตรและระยะฐานล้อ 2,728 มิลลิเมตร แต่ให้สัมผัสถึงความโอ่อ่าและปลอดโปร่งเมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสารด้วยการออกแบบกระจกบังลมหน้าให้มีขนาดใหญ่ ด้วยพื้นที่ในระดับ 1.7 ตารางเมตร หรือถ้าอยากจะเพิ่มความปลอดโปร่งมากกว่านี้ก็จ่ายเงินเพิ่มกับหลังคากระจกแบบพานอรามิก ซันรูฟที่มีพื้นที่ 1.69 ตารางเมตร
6 ทางเลือกของเครื่องยนต์บนพื้นฐานแบบ 4 สูบเรียงอย่างเดียวที่ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro 5 มีทั้งเบนซินขนาด 1,600 ซีซีที่มีกำลังให้เลือก 2 แบบ คือ 120 และรุ่นเทอร์โบ 156 แรงม้า และเทอร์โบดีเซล 1,600 ซีซี 110 แรงม้า และ 2,000 ซีซี 150 และ 163 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้าโดยที่ระบบส่งกำลังมีหลากหลายขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย มีทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ กึ่งอัตโนมัติแบบคลัตช์ไฟฟ้า 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ
หลังจากเปิดตัวที่แฟรงค์เฟิร์ตแล้ว เปอโยต์จะส่งทำตลาดพวงมาลัยซ้ายในยุโรปก่อนช่วงปลายปีเดียวกัน ขณะที่ตลาดพวงมาลัยขวาในอังกฤษจะเริ่มขายในปี 2010 และบ้านเราโอกาสน่าจะมี เพราะเดี๋ยวนี้ ค่ายเปอโยต์ในเมืองนอกมีอะไร บ้านเราก็มีขายด้วยเช่นกัน แต่ราคาจะเคาะออกมาเท่าไรนั้น ยังไม่มีการเปิดเผย แต่เชื่อเลยว่าไม่ถูกแน่
การกลับมาครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว เพราะคงทราบกันดีว่ารุ่นรถยนต์ของเปอโยต์ ถ้าเป็นหมายเลข 4 หลักจะหมายถึงตัวถังที่ไม่ใช่ตัวถังหลักอย่างแฮทช์แบ็ก, สเตชันแวกอน, ซีดาน, คูเป้ หรือเปิดประทุนที่ใช้กับสายพันธุ์หลักซึ่งเป็นตัวเลข 3 หลัก เช่น 107, 207 หรือ 308
แต่เป็นการเจาะตลาดอเนกประสงค์ด้วยความต่างจากที่เคยมีมา โดยรหัส 4 หลักนี้เริ่มใช้กับรุ่น 1007 ในปี 2005 กับตัวถังทรงกล่องสูงออกแนวมินิแวนขนาดเล็ก แตามด้วย 4007 ซึ่งเป็นเอสยูวีที่แชร์พื้นฐานมาจากมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ และ 3008 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว กับตัวถังแฮทช์แบ็กยกสูงในสไตล์ครอสโอเวอร์
5008 จึงไม่ได้เป็นการสานต่อรหัส 5 จาก 504 และ 505 โดยตรง เพราะเป็นมินิแวนขนาดคอมแพ็กต์แถมยังได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์ C-Segment รุ่นดังอย่าง 308 ไม่ใช่การเจาะกลุ่มรถยนต์ครอบครัวขนาดกลางเหมือนกับ 505 เคยเป็นก่อนที่จะมอบงานนี้ให้กับ 405 ทำแทนในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของ 5008 ถือเป็นการเติมเต็มทางเลือกในตลาดอย่างแท้จริง เพราะช่องว่างระหว่าง 1007 กับ 807 ซึ่งเป็นผลผลิตที่มาจากโปรเจ็กต์ความร่วมมือระหว่างกลุ่ม PSA (เปอโยต์และซีตรอง) กับเฟียต ถือว่ากว้างมาก เพราะค่ายสิงห์ผยองไม่มีความเอนกประสงค์รุ่นกลางๆ ออกมาให้สัมผัสเลย นอกจากตัวถังสเตชันแวกอนที่มีคำว่า SW ต่อท้ายรุ่น หรือไม่ก็ต้องหันไปมองพวกลูกครึ่งอย่างพาร์ตเนอร์ บิปเพอร์ หรือไม่ก็พาร์ตเนอร์ซึ่งมีทั้งเวอร์ชันสำหรับใช้งานส่วนตัวหรือไม่ก็เพื่อการบรรทุกของในเชิงพาณิชย์
5008 ถือเป็นคู่ปรับโดยตรงของโอเปิล ซาฟิรา, โตโยต้า เวอร์โซ และเรโนลต์ แกรนด์ ซีนิก ตัวรถเป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่งซึ่งสามารถเลือกพับได้อย่างอเนกประสงค์ตามความต้องการของลูกค้าตามสไตล์มินิแวน ซึ่งเมื่อต้องการบรรทุกคนเต็มอัตรา พื้นที่เก็บของด้านหลังจะเหลือไม่มากนัก แต่ถ้าปรับมาเป็นแบบ 5 ที่นั่ง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็จะมีความจุ 823 ลิตร และเพิ่มเป็น 2,500 ลิตรเมื่อพับเบาะแถวที่ 2 และ 3 ลงมา
จากการแชร์พื้นฐานร่วมกับ 308 (และอาจจะรวมถึงมินิแวนต่างค่ายในเครือเดียวกันอย่างซีตรอง ซี4 ปิกัสโซ่ที่ทำตลาดเมื่อปี 2007) ตัวรถจึงมีความยาวตามสไตล์ยานยนต์ในกลุ่มคอมแพ็กต์ หรือ C-Segment ด้วยตัวเลข 4,530 มิลลิเมตร สูง 1,640 มิลลิเมตรและระยะฐานล้อ 2,728 มิลลิเมตร แต่ให้สัมผัสถึงความโอ่อ่าและปลอดโปร่งเมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสารด้วยการออกแบบกระจกบังลมหน้าให้มีขนาดใหญ่ ด้วยพื้นที่ในระดับ 1.7 ตารางเมตร หรือถ้าอยากจะเพิ่มความปลอดโปร่งมากกว่านี้ก็จ่ายเงินเพิ่มกับหลังคากระจกแบบพานอรามิก ซันรูฟที่มีพื้นที่ 1.69 ตารางเมตร
6 ทางเลือกของเครื่องยนต์บนพื้นฐานแบบ 4 สูบเรียงอย่างเดียวที่ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro 5 มีทั้งเบนซินขนาด 1,600 ซีซีที่มีกำลังให้เลือก 2 แบบ คือ 120 และรุ่นเทอร์โบ 156 แรงม้า และเทอร์โบดีเซล 1,600 ซีซี 110 แรงม้า และ 2,000 ซีซี 150 และ 163 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้าโดยที่ระบบส่งกำลังมีหลากหลายขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย มีทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ กึ่งอัตโนมัติแบบคลัตช์ไฟฟ้า 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ
หลังจากเปิดตัวที่แฟรงค์เฟิร์ตแล้ว เปอโยต์จะส่งทำตลาดพวงมาลัยซ้ายในยุโรปก่อนช่วงปลายปีเดียวกัน ขณะที่ตลาดพวงมาลัยขวาในอังกฤษจะเริ่มขายในปี 2010 และบ้านเราโอกาสน่าจะมี เพราะเดี๋ยวนี้ ค่ายเปอโยต์ในเมืองนอกมีอะไร บ้านเราก็มีขายด้วยเช่นกัน แต่ราคาจะเคาะออกมาเท่าไรนั้น ยังไม่มีการเปิดเผย แต่เชื่อเลยว่าไม่ถูกแน่