แม้อนาคตของตัวเองกับบริษัทแม่อย่างจีเอ็มยังอยู่บนความไม่แน่นอน แต่โอเปิลก็ยังเดินหน้าลุยตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยทิ้งระยะของการเปิดตัวเวอร์ชันตัวแรงในตระกูล OPC ของอินซิกเนียได้ไม่นาน คราวนี้เผยโฉมรายละเอียดของรถยนต์รุ่นหลักอย่างแอสตราสำหรับเจาะตลาดคอมแพ็กต์ หรือ C-Segment ในยุโรป และวางคิวเริ่มขายแน่นอนในปลายปีนี้
แอสตราเป็นรถยนต์คอมแพ็กต์ที่ถูกส่งลงทำตลาดเพื่อแทนที่สายพันธุ์คาเด็ตต์ ซึ่งรุ่นแรกใช้รหัส F/A เปิดตัวครั้งแรกปี 1991 และเมืองไทยก็มีทำตลาดอยู่พักหนึ่งก่อนที่ชื่อนี้จะห่างหายไปจากบ้านเราในเวลาต่อมา สำหรับรุ่นใหม่นี้ทางโอเปิลเผยภาพพร้อมรายละเอียดออกมายั่วน้ำลายก่อน และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 โดยเป็นเจนเนอเรชันที่ 4 และใช้รหัส I/D
การพัฒนามีขึ้นบนพื้นตัวถัง Delta II ของเครือจีเอ็ม ร่วมกับเพื่อนร่วมเครืออย่างเชฟโรเลต ครูซ, ออร์แลนโด, โอเปิล ซาฟิรา และแอมเพอรารุ่นขายจริง และก็รวมถึงซาบ 9-1 ที่มีคิวเปิดตัวปี 2011 (หากไม่มีอะไรมากระทบโครงการเสียก่อน) และตัวถังที่จะทำตลาดช่วงแรกเป็นแฮทช์แบ็ก ซึ่งตอนแรกเผยแค่ภาพของรุ่น 5 ประตูเท่านั้น ส่วนจะมีรุ่น 3 ประตูตามออกมาภายหลังหรือไม่นั้นยังไม่มีการพูดถึง
เช่นเดียวกับทางเลือกของตัวถังอื่นๆ ทางโอเปิลยังไม่เปิดเผย เพราะรุ่นที่แล้ว รหัส H/C ที่เปิดตัวในปี 2004 นอกจากตัวถังมาตรฐานอย่างแฮทช์แบ็ก, ซีดาน, คูเป้ และแวกอนแล้ว โอเปิลยังเปิดตัวรุ่นสปอร์ตคูเป้แบบหลังคาแข็งพับได้ หรือ TwinTop ตามออกมาขายอีกด้วย
สำหรับรายละเอียดที่นำออกเปิดเผยตอนนี้ยังไม่มากนัก เพราะโอเปิลยังเก็บเป็นความลับให้ดูแค่ภาพเพื่อยั่วน้ำลายกันไปก่อน ซึ่งทางโอเปิลเผยว่ารายละเอียดของการออกแบบทั้งหมดประยุกต์เส้นสายมาจากพี่ใหญ่อย่างอินซิกเนีย แต่จะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ที่โอเปิลเรียกว่า Opel Eye และมีใช้อยู่ในรถยนต์รุ่นใหญ่อย่างอินซิกเนีย
ระบบนี้จะมีการติดตั้งกล้องตรงบริเวณกระจกมองหลังบนกระจกมองหน้าเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบสภาพการจราจรทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงการแจ้งเตือนป้ายจราจรที่สำคัญๆ บนถนนให้ผู้ขับได้รับทราบ นอกจากนั้นยังนำชุดไฟหน้าแบบปรับมุมการส่องกระทบตามการหมุนของพวงมาลัย หรือ AFL-Adaptive Forward Lightning มาใช้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ยามค่ำคืนอีกด้วย
ใครอยากรู้ว่าจะมีทางเลือกของเครื่องยนต์แบบไหนบ้างคงต้องรอลุ้นกันในงานเปิดตัว แต่เชื่อว่าทางเลือกคงไม่แตกต่างจากที่ผ่านๆ มา คือ ยึดแบบ 4 สูบเรียงเป็นหลักมีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและเทอร์โบดีเซลที่มีความจุเริ่มต้นระดับ 1,400 ซีซี ไปจนถึงตัวแรงแบบเบนซินเทอร์โบ 2,000 ซีซี ซึ่งน่าจะมีม้าในคอกเกิน 200 ตัว
จากความคลุมเคลือในอนาคตของโอเปิลเลยทำให้ไม่สามารถฟันธงลงไปว่านอกจากตลาดยุโรปที่จะใช้ชื่อโอเปิล และตลาดอังกฤษที่เปลี่ยนมาเป็นวอกซ์ฮอลล์แล้ว ตลาดแห่งอื่นๆ เช่น ออสเตรเลียเปลี่ยนมาเป็นโฮลเด้น และละตินอเมริกาเปลี่ยนมาเป็นเชฟโรเลต จะยังรับแอสตราไปรีแบรนด์ขายเหมือนที่ผ่านมากันอีกหรือเปล่า