แม้จะร่วงจากการเป็นตลาดรถยนต์หมายเลข 1 ของโลก แต่ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดอเมริกาอยู่เหมือนเดิม คำกล่าวนี้เป็นจริงแค่ไหน ก็ดูได้จากจำนวนรถยนต์ใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อขายในภูมิภาคนี้เป็นหลัก ซึ่งยังมีออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และต้นแบบรุ่น New Coupe Concept ของโฟล์คสวาเกนคือหนึ่งในนั้น
จริงอยู่ที่บอกว่าเป็นต้นแบบ แต่ข่าวภายในของโฟล์คสวาเกนยืนยันแบบชัวร์ๆ แล้วว่ามีผลิตขายจริงแน่ เพื่อแทรกกลางระหว่างรุ่นซิร็อคโค่ และ CC หรือพัสสาท CC ในยุโรป โดยจะว่าไปแล้วงานนี้คือ การเดินตามรอยคู่ปรับในตลาด C-Segment ในเมืองลุงแซม ซึ่งนอกจากตัวถังซีดานแล้ว อีกตัวถังที่จะต้องมีขายคู่กันคือ คูเป้ ดูได้จากฮอนด้า ซีวิค, เกีย ฟอร์เต้, ฟอร์ด โฟกัส (รุ่นเก่าก่อนที่จะเปลี่ยนโฉมมาเป็นรุ่นใหม่นี้), เชฟโรเลต โคบอลต์หรือนิสสัน เซนทรา
ต้นแบบรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับกอล์ฟ/เจ็ตต้ารุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบัน แต่มากับตัวถังทรงสปอร์ตคูเป้ 4 ที่นั่งที่มีความปราดเปรียว และในตัวต้นแบบมากับโทนสีใหม่ที่เรียกว่า Tungsten Silver Metallic โดยตัวรถมีความยาว 4,540 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,410 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร ซึ่งคาดว่าเมื่อเป็นรุ่นจำหน่ายจริงหน้าตาของตัวรถก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้มากนัก
ตัวรถมากับเทคโนโลยีไฮบริดที่น่าสนใจ เพราะเป็นการจับเอาเครื่องยนต์ในตระกูล TSI ซึ่งเป็นขุมพลังบล็อกเล็ก 1,400 ซีซีติดเทอร์โบขนาด 150 แรงม้ามาดัดแปลงให้เป็นระบบไฮบริดด้วยการจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 27 แรงม้า และส่งกำลังด้วยเกียร์คลัตช์คู่แบบ DSG 7 จังหวะ
ฝีเท้าถือว่าจัดเอาเรื่อง ใช้เวลาเพียง 8.6 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความเร็วสูงสุด 227 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยที่มีความประหยัดน้ำมันในระดับ 23.4 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการขับในรูปแบบผสม และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ส่วนระบบขับเคลื่อนก็เป็นแบบล้อหน้า
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เวอร์ชันคูเป้ของเจ็ตต้าน่าจะได้ฤกษ์ขายในกลางปีนี้ ส่วนจะมีส่งมาขายในตลาดอื่นๆ หรือไม่นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป
จริงอยู่ที่บอกว่าเป็นต้นแบบ แต่ข่าวภายในของโฟล์คสวาเกนยืนยันแบบชัวร์ๆ แล้วว่ามีผลิตขายจริงแน่ เพื่อแทรกกลางระหว่างรุ่นซิร็อคโค่ และ CC หรือพัสสาท CC ในยุโรป โดยจะว่าไปแล้วงานนี้คือ การเดินตามรอยคู่ปรับในตลาด C-Segment ในเมืองลุงแซม ซึ่งนอกจากตัวถังซีดานแล้ว อีกตัวถังที่จะต้องมีขายคู่กันคือ คูเป้ ดูได้จากฮอนด้า ซีวิค, เกีย ฟอร์เต้, ฟอร์ด โฟกัส (รุ่นเก่าก่อนที่จะเปลี่ยนโฉมมาเป็นรุ่นใหม่นี้), เชฟโรเลต โคบอลต์หรือนิสสัน เซนทรา
ต้นแบบรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับกอล์ฟ/เจ็ตต้ารุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบัน แต่มากับตัวถังทรงสปอร์ตคูเป้ 4 ที่นั่งที่มีความปราดเปรียว และในตัวต้นแบบมากับโทนสีใหม่ที่เรียกว่า Tungsten Silver Metallic โดยตัวรถมีความยาว 4,540 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,410 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร ซึ่งคาดว่าเมื่อเป็นรุ่นจำหน่ายจริงหน้าตาของตัวรถก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้มากนัก
ตัวรถมากับเทคโนโลยีไฮบริดที่น่าสนใจ เพราะเป็นการจับเอาเครื่องยนต์ในตระกูล TSI ซึ่งเป็นขุมพลังบล็อกเล็ก 1,400 ซีซีติดเทอร์โบขนาด 150 แรงม้ามาดัดแปลงให้เป็นระบบไฮบริดด้วยการจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 27 แรงม้า และส่งกำลังด้วยเกียร์คลัตช์คู่แบบ DSG 7 จังหวะ
ฝีเท้าถือว่าจัดเอาเรื่อง ใช้เวลาเพียง 8.6 วินาทีสำหรับการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความเร็วสูงสุด 227 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยที่มีความประหยัดน้ำมันในระดับ 23.4 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการขับในรูปแบบผสม และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ส่วนระบบขับเคลื่อนก็เป็นแบบล้อหน้า
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เวอร์ชันคูเป้ของเจ็ตต้าน่าจะได้ฤกษ์ขายในกลางปีนี้ ส่วนจะมีส่งมาขายในตลาดอื่นๆ หรือไม่นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป