แก๊งปาหินชิดซ้าย ผู้ก่อการร้ายชิดขวา เมื่อเจอกับยนตรกรรมล่าสุดจากค่ายใบพัดสีฟ้า “7 Series High Security” ที่เกิดมาเพื่อป้องกันบุคคลสำคัญ รวมถึงบรรดาเศรษฐีใหญ่ที่เพื่อนฝูงไม่รัก
บีเอ็มดับเบิลยู เยอรมนี เปิดตัว BMW 7 Series High Security ใหม่ ซึ่งผ่านมาตรฐานความปลอดภัย และระบบนิรภัยขั้นสูงสุดระดับ BRV 2009 (มาตรฐานใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้น) โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ 760Li และ 750Li
แน่นอนว่ารุ่น High Security พัฒนาบนพื้นฐานของซีรีย์ 7 รุ่นปัจจุบัน โดยเสริมเกราะนิรภัยที่ผลิตจากวัสดุไฮเทคในส่วนต่างๆ ทั้งในห้องโดยสาร ห้องเครื่องยนต์ และที่เก็บสัมภาระท้ายรถ รวมถึงบริเวณขอบประตูและจุดเชื่อมต่อระหว่างของกระจกและตัวถัง เพื่อให้การปกป้องสูงสุด
ทั้งสองรุ่นใช้กระจกที่มีความสามารถในการป้องกันกระสุน (Ballistic Protection Level) ระดับ VR7 (เป็นมาตรฐานสูงสุดของกระจกแล้ว โดยสามารถป้องกันลูกปืนอาก้าและเอ็ม16ได้) ขณะที่ตัวถังเสริมเกราะพิเศษ มีความสามารถในการป้องกันถึงระดับ VR9
ในส่วนของกระจกนั้นเป็นแบบกันกระสุนพิเศษที่มีการเคลือบสารโพลีคาร์บอเนต เพื่อไม่ให้เกิดการกระเซ็นของเศษกระจกเข้าสู่ตัวห้องโดยสารขณะถูกยิง นอกจากนี้ในบริเวณใต้ท้องรถยังเสริมเกราะพิเศษเพื่อป้องกันการประทุษร้ายจากใช้วัตถุระเบิด
บีเอ็มดับเบิลยูไม่ได้แจ้งว่า 7 Series High Security มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่าได้ออกแบบโครงสร้างตัวถัง แชสซี เป็นพิเศษเพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแล้ว ขณะเดียวกันช่วงล่างแบบดับเบิลวิชโบนในด้านหน้า และหลังมัลติลิงค์แบบ Integral V ยังให้ความนุ่มนวล พร้อมการทรงตัวเป็นเลิศ
ด้านพลังในการขับเคลื่อนถือว่ามีเหลือเฟือ เมื่อใต้ฝากระโปรงมีให้เลือกทั้งแบบ V12 และ V8 โดยBMW 760Li High Security จะวางเครื่องยนต์เบนซิน 6.0 ลิตร V12 พร้อมระบบอัดอากาศคู่ และเทคโนโลยีระบบฉีดน้ำมันแบบ High Precision Injection ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์เพียง 1,500 รอบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขณะที่อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.2 วินาที
ส่วน 750Li High Security ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4.4 ลิตร V8 พร้อมระบบอัดอากาศคู่ และเทคโนโลยีระบบฉีดน้ำมันแบบ High Precision Injection ให้กำลังสูงสุด 407 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.9 วินาที อย่างไรก็ตามความเร็วสูงสุดของรถยนต์ทั้งสองรุ่นนั้นถูกจำกัดไว้ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ระบบเบรกยังได้รับการออกแบบพิเศษ ด้านยางเป็นแบบรันแฟลตที่สามารถวิ่งต่อได้ถึงแม้ว่าถูกยิงหรือระเบิด พร้อมกับระบบเซ็นเซอร์วัดระดับความดันลมยางและระบบวัดอุณหภูมิที่ทำงานโดยอิสระแยกจากกันในแต่ละล้อ
BMW 7 Series High Security ยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์นิรภัยเพิ่มเติมต่างๆ เช่น ที่เก็บปืน อุปกรณ์สื่อสาร ระบบดับเพลิงพิเศษที่คลอบคลุมบริเวณต่างๆ ทั้งในส่วนของห้องเครื่องยนต์ ใต้ท้องรถ และในห้องโดยสาร รวมถึงระบบป้องกันก๊าซน้ำตาหรือก๊าซพิษ ซึ่งจะปิดช่องอากาศทั้งหมดในส่วนห้องโดยสารและจะป้อนอากาศจากถังอากาศสำรอง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ถูกประทุษร้ายโดยใช้ก๊าซโดยเฉพาะ
...สำหรับลูกค้าหรือหน่วยงานที่สนใจ “ซีรีส์ 7 รุ่นนิรภัยขั้นเทพ” สามารถเลือกออปชันต่างๆ (ที่กล่าวมาหรือมากกว่านั้น)ได้ตามใจชอบ โดยติดต่อไปยัง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทั้งนี้ถ้ามีรถแบบที่ต้องการในสต๊อกที่เยอรมนีอยู่แล้ว ก็รอรับได้ภายใน 1 อาทิตย์ (Air Freight) - 3 เดือน (Sea Freight) ซึ่งข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ
บีเอ็มดับเบิลยู เยอรมนี เปิดตัว BMW 7 Series High Security ใหม่ ซึ่งผ่านมาตรฐานความปลอดภัย และระบบนิรภัยขั้นสูงสุดระดับ BRV 2009 (มาตรฐานใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้น) โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ 760Li และ 750Li
แน่นอนว่ารุ่น High Security พัฒนาบนพื้นฐานของซีรีย์ 7 รุ่นปัจจุบัน โดยเสริมเกราะนิรภัยที่ผลิตจากวัสดุไฮเทคในส่วนต่างๆ ทั้งในห้องโดยสาร ห้องเครื่องยนต์ และที่เก็บสัมภาระท้ายรถ รวมถึงบริเวณขอบประตูและจุดเชื่อมต่อระหว่างของกระจกและตัวถัง เพื่อให้การปกป้องสูงสุด
ทั้งสองรุ่นใช้กระจกที่มีความสามารถในการป้องกันกระสุน (Ballistic Protection Level) ระดับ VR7 (เป็นมาตรฐานสูงสุดของกระจกแล้ว โดยสามารถป้องกันลูกปืนอาก้าและเอ็ม16ได้) ขณะที่ตัวถังเสริมเกราะพิเศษ มีความสามารถในการป้องกันถึงระดับ VR9
ในส่วนของกระจกนั้นเป็นแบบกันกระสุนพิเศษที่มีการเคลือบสารโพลีคาร์บอเนต เพื่อไม่ให้เกิดการกระเซ็นของเศษกระจกเข้าสู่ตัวห้องโดยสารขณะถูกยิง นอกจากนี้ในบริเวณใต้ท้องรถยังเสริมเกราะพิเศษเพื่อป้องกันการประทุษร้ายจากใช้วัตถุระเบิด
บีเอ็มดับเบิลยูไม่ได้แจ้งว่า 7 Series High Security มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่าได้ออกแบบโครงสร้างตัวถัง แชสซี เป็นพิเศษเพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแล้ว ขณะเดียวกันช่วงล่างแบบดับเบิลวิชโบนในด้านหน้า และหลังมัลติลิงค์แบบ Integral V ยังให้ความนุ่มนวล พร้อมการทรงตัวเป็นเลิศ
ด้านพลังในการขับเคลื่อนถือว่ามีเหลือเฟือ เมื่อใต้ฝากระโปรงมีให้เลือกทั้งแบบ V12 และ V8 โดยBMW 760Li High Security จะวางเครื่องยนต์เบนซิน 6.0 ลิตร V12 พร้อมระบบอัดอากาศคู่ และเทคโนโลยีระบบฉีดน้ำมันแบบ High Precision Injection ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์เพียง 1,500 รอบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขณะที่อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.2 วินาที
ส่วน 750Li High Security ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4.4 ลิตร V8 พร้อมระบบอัดอากาศคู่ และเทคโนโลยีระบบฉีดน้ำมันแบบ High Precision Injection ให้กำลังสูงสุด 407 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.9 วินาที อย่างไรก็ตามความเร็วสูงสุดของรถยนต์ทั้งสองรุ่นนั้นถูกจำกัดไว้ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ระบบเบรกยังได้รับการออกแบบพิเศษ ด้านยางเป็นแบบรันแฟลตที่สามารถวิ่งต่อได้ถึงแม้ว่าถูกยิงหรือระเบิด พร้อมกับระบบเซ็นเซอร์วัดระดับความดันลมยางและระบบวัดอุณหภูมิที่ทำงานโดยอิสระแยกจากกันในแต่ละล้อ
BMW 7 Series High Security ยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์นิรภัยเพิ่มเติมต่างๆ เช่น ที่เก็บปืน อุปกรณ์สื่อสาร ระบบดับเพลิงพิเศษที่คลอบคลุมบริเวณต่างๆ ทั้งในส่วนของห้องเครื่องยนต์ ใต้ท้องรถ และในห้องโดยสาร รวมถึงระบบป้องกันก๊าซน้ำตาหรือก๊าซพิษ ซึ่งจะปิดช่องอากาศทั้งหมดในส่วนห้องโดยสารและจะป้อนอากาศจากถังอากาศสำรอง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ถูกประทุษร้ายโดยใช้ก๊าซโดยเฉพาะ
...สำหรับลูกค้าหรือหน่วยงานที่สนใจ “ซีรีส์ 7 รุ่นนิรภัยขั้นเทพ” สามารถเลือกออปชันต่างๆ (ที่กล่าวมาหรือมากกว่านั้น)ได้ตามใจชอบ โดยติดต่อไปยัง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทั้งนี้ถ้ามีรถแบบที่ต้องการในสต๊อกที่เยอรมนีอยู่แล้ว ก็รอรับได้ภายใน 1 อาทิตย์ (Air Freight) - 3 เดือน (Sea Freight) ซึ่งข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ
