พระรองขยับ! บีเอ็มดับเบิลยู ตั้งธงเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดรถหรูเกิน 30% เล็งเสริมคม“แซด4 ใหม่”ผ่านรุ่น sDrive23i High Line อัดออปชัน iDrive และ Navigation System ส่งราคาขึ้นไปถึง 5.049 ล้านบาท ทั้งยังดันตัวท็อป sDrive 35i เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 306 แรงม้า เป็นไม้เด็ดครึ่งปีหลัง คาดยอดขายโรดสเตอร์รุ่นดังทะลุ 100 คัน ขณะที่หรูรุ่นใหญ่ “ซีรีส์ 7 โมเดลเชนจ์” ประกอบในประเทศทำตลาดปีนี้แต่ยังไม่กำหนดเวลา สุดมั่นยอดขายแซง“เอส-คลาส”ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งประเภทรถซูเปอร์ซาลูน
โดนทั้งพิษเศรษฐกิจเล่นงาน เจอความเขี้ยวจากคู่ปรับตลอดกาล“เมอร์เซเดส-เบนซ์” และยังถูกตีกระหนาบด้วยรถยนต์นั่งขนาดกลางจากญี่ปุ่น ไปจนถึงปัญหาจากพวกเกรย์มาร์เก็ต แต่กระนั้น บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ยังสวมหัวใจสิงห์ พร้อมเดินหน้าลุยตลาดอย่างเข้มข้น
ค่ายใบพัดสีฟ้า ที่อาศัยโปรดักต์เป็นตัวเบิกทางมาตลอด และมาระยะหลังยิ่งเอาใจใส่เป็นพิเศษกับการเพิ่มรุ่นย่อยมากมายตามแต่อนุกรมจะพึงมี เรียกว่าตัวถังใหม่ๆ ทางเลือกขุมพลังที่ไม่จำกัดเพียงหนึ่ง นับเป็นความหลากหลายอันน่าตื่นตาตื่นใจของสาวกบิมเมอร์…ล่าสุดโรดสเตอร์ รุ่นดังอย่าง “แซด4 ใหม่” (Z4) ที่นำมาเปิดตัวในงานบางกอกฯมอเตอร์โชว์ 2009 สดๆร้อนๆ ก็เตรียมเพิ่มทางเลือกใหม่ๆให้ลูกค้ากระเป๋าหนักแล้ว
แซด4 ใหม่ รหัส E89 ที่ประเดิมให้ลูกค้าชาวไทยเป็นเจ้าของกับรุ่น sDrive23i กับตัวถังสุดสปอร์ตสไตล์โรดสเตอร์ 2 ที่นั่ง พร้อมหลังคาแข็งแบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ประกบเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร แบบ 6 สูบแถวเรียง 204 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สนนราคา 4.599 ล้านบาท ซึ่งหลังการเปิดตัวที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2009 จนถึงวันนี้ยอดจองก็ทะลักเข้ามาเกือบ 100 คันแล้ว
เมื่อรุ่นหลักอย่าง sDrive23i ได้การตอบรับดีเกินคาด ดังนั้นบีเอ็มดับเบิลยู จึงไม่รอช้าจัดแจงเพิ่มรุ่นย่อยกับเวอร์ชัน High Line ที่จะเสริมระบบ iDrive ใหม่ ฟังก์ชันรวมข้อมูลและระบบสั่งการระบบต่างของรถ รวมถึงออปชันอย่างระบบนำทาง (Navigation System) โดยบีเอ็มดับเบิลยูเตรียมเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมตั้งค่าหัวไว้ที่ 5.049 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเตรียมเสริมทัพ Z4 ด้วยตัวแรง sDrive 35i กับขุมพลังเบนซิน 6 สูบ 2,979 ซีซี พร้อมเทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 306 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,300-5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.2 วินาที ส่วนราคายังไม่เปิดเผย แต่คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาทแน่นอน
นั่นเป็นข่าวคราวล่าสุดของ Z4 ที่อย่างน้อยๆจะมี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ขณะเดียวกันทีเด็ดของบีเอ็มดับเบิลยูในปีนี้ยังไม่หมดเพราะมีคิวของ ซีรีส์ 7 รุ่นประกอบในประเทศ (CKD) รอทำตลาดอยู่ โดยเรื่องนี้ คาร์ล รูดิเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า
“เราเตรียมเปิดตัวซีรีส์ 7 รุ่นประกอบในประเทศภายในปีนี้ ส่วนระยะเวลาแน่นอนยังไม่ได้กำหนด ซึ่งเรามั่นใจโปรดักต์รุ่นนี้มาก และเชื่อว่าจะได้รับความนิยม พร้อมทำยอดขายเป็นอันดับหนึ่งในเซกเมนต์รถซูเปอร์ ซาลูนแน่นอน” …นั่นเป็นความมั่นใจของ “คาร์ล รูดิเกอร์” ที่เชื่อว่า ซีรีส์ 7 ที่ได้ความสดใหม่ จะจัดการกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ได้ไม่ยาก
“แม้ 5 เดือน ที่ผ่านมา ยอดขายบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จะตกไปกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ด้วยทีเด็ดทั้ง ซีรีส์3 ไมเนอร์เชนจ์ (เปิดตัวบางกอกฯมอเตอร์โชว์ 2009)และแซด4 ใหม่ ที่เตรียมเพิ่มรุ่นย่อยในการทำตลาด รวมถึง ซีรีส์7 ใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ จะช่วยประคองยอดขาย และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดรถหรูจากปี 2551 ที่มีไม่ถึง 30% ให้เกิน 30% ในปีนี้”นาย รูดิเกอร์ กล่าว
อย่างไรก็ตามต่อข้อถามเรื่องสถานภาพที่โรงงานประกอบรถยนต์ที่จังหวัดระยอง นายรูดิเกอร์ เปิดเผยว่า ไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู ในส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์นั้น แม้ยอดผลิตจะไม่สูง แต่บริษัทได้ปรับแผนและไลน์ผลิตใหม่ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นสูงสอดคล้องกับความต้องการตลาด ส่งผลให้โรงงานยังอยู่ได้สบาย และมีกำไรอีกด้วย
ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า โดยเฉพาะด้านบริการหลังการขายที่นอกจากจะปรับปรุงโชว์รูมหลายแห่งแล้ว บริษัทยังเสริมด้วยศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ BMW Contact Center แบบครบวงจร (เวอร์ชันภาษาไทย) ที่จะคอยอำนวยความสะดวก และช่วยเหลือลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งนับเป็นแบรนด์หรูแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่มีบริการนี้เป็นของตนเอง
“บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเราเดินแผนอย่างระมัดระวัง ขณะที่การลงทุนใหม่ๆคงต้องดูตามสถานการณ์ตลาดและสภาพเศรษฐกิจ ที่สำคัญเมืองไทยยังมีปัจจัยการเมืองเกี่ยวข้องด้วย แต่ทั้งนี้เรายืนยันว่าจะดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็งต่อไป”นาย รูดิเกอร์ กล่าวสรุป
โดนทั้งพิษเศรษฐกิจเล่นงาน เจอความเขี้ยวจากคู่ปรับตลอดกาล“เมอร์เซเดส-เบนซ์” และยังถูกตีกระหนาบด้วยรถยนต์นั่งขนาดกลางจากญี่ปุ่น ไปจนถึงปัญหาจากพวกเกรย์มาร์เก็ต แต่กระนั้น บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ยังสวมหัวใจสิงห์ พร้อมเดินหน้าลุยตลาดอย่างเข้มข้น
ค่ายใบพัดสีฟ้า ที่อาศัยโปรดักต์เป็นตัวเบิกทางมาตลอด และมาระยะหลังยิ่งเอาใจใส่เป็นพิเศษกับการเพิ่มรุ่นย่อยมากมายตามแต่อนุกรมจะพึงมี เรียกว่าตัวถังใหม่ๆ ทางเลือกขุมพลังที่ไม่จำกัดเพียงหนึ่ง นับเป็นความหลากหลายอันน่าตื่นตาตื่นใจของสาวกบิมเมอร์…ล่าสุดโรดสเตอร์ รุ่นดังอย่าง “แซด4 ใหม่” (Z4) ที่นำมาเปิดตัวในงานบางกอกฯมอเตอร์โชว์ 2009 สดๆร้อนๆ ก็เตรียมเพิ่มทางเลือกใหม่ๆให้ลูกค้ากระเป๋าหนักแล้ว
แซด4 ใหม่ รหัส E89 ที่ประเดิมให้ลูกค้าชาวไทยเป็นเจ้าของกับรุ่น sDrive23i กับตัวถังสุดสปอร์ตสไตล์โรดสเตอร์ 2 ที่นั่ง พร้อมหลังคาแข็งแบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ประกบเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร แบบ 6 สูบแถวเรียง 204 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สนนราคา 4.599 ล้านบาท ซึ่งหลังการเปิดตัวที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2009 จนถึงวันนี้ยอดจองก็ทะลักเข้ามาเกือบ 100 คันแล้ว
เมื่อรุ่นหลักอย่าง sDrive23i ได้การตอบรับดีเกินคาด ดังนั้นบีเอ็มดับเบิลยู จึงไม่รอช้าจัดแจงเพิ่มรุ่นย่อยกับเวอร์ชัน High Line ที่จะเสริมระบบ iDrive ใหม่ ฟังก์ชันรวมข้อมูลและระบบสั่งการระบบต่างของรถ รวมถึงออปชันอย่างระบบนำทาง (Navigation System) โดยบีเอ็มดับเบิลยูเตรียมเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมตั้งค่าหัวไว้ที่ 5.049 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเตรียมเสริมทัพ Z4 ด้วยตัวแรง sDrive 35i กับขุมพลังเบนซิน 6 สูบ 2,979 ซีซี พร้อมเทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 306 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,300-5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.2 วินาที ส่วนราคายังไม่เปิดเผย แต่คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาทแน่นอน
นั่นเป็นข่าวคราวล่าสุดของ Z4 ที่อย่างน้อยๆจะมี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ขณะเดียวกันทีเด็ดของบีเอ็มดับเบิลยูในปีนี้ยังไม่หมดเพราะมีคิวของ ซีรีส์ 7 รุ่นประกอบในประเทศ (CKD) รอทำตลาดอยู่ โดยเรื่องนี้ คาร์ล รูดิเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า
“เราเตรียมเปิดตัวซีรีส์ 7 รุ่นประกอบในประเทศภายในปีนี้ ส่วนระยะเวลาแน่นอนยังไม่ได้กำหนด ซึ่งเรามั่นใจโปรดักต์รุ่นนี้มาก และเชื่อว่าจะได้รับความนิยม พร้อมทำยอดขายเป็นอันดับหนึ่งในเซกเมนต์รถซูเปอร์ ซาลูนแน่นอน” …นั่นเป็นความมั่นใจของ “คาร์ล รูดิเกอร์” ที่เชื่อว่า ซีรีส์ 7 ที่ได้ความสดใหม่ จะจัดการกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส ได้ไม่ยาก
“แม้ 5 เดือน ที่ผ่านมา ยอดขายบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จะตกไปกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ด้วยทีเด็ดทั้ง ซีรีส์3 ไมเนอร์เชนจ์ (เปิดตัวบางกอกฯมอเตอร์โชว์ 2009)และแซด4 ใหม่ ที่เตรียมเพิ่มรุ่นย่อยในการทำตลาด รวมถึง ซีรีส์7 ใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ จะช่วยประคองยอดขาย และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดรถหรูจากปี 2551 ที่มีไม่ถึง 30% ให้เกิน 30% ในปีนี้”นาย รูดิเกอร์ กล่าว
อย่างไรก็ตามต่อข้อถามเรื่องสถานภาพที่โรงงานประกอบรถยนต์ที่จังหวัดระยอง นายรูดิเกอร์ เปิดเผยว่า ไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู ในส่วนของโรงงานประกอบรถยนต์นั้น แม้ยอดผลิตจะไม่สูง แต่บริษัทได้ปรับแผนและไลน์ผลิตใหม่ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นสูงสอดคล้องกับความต้องการตลาด ส่งผลให้โรงงานยังอยู่ได้สบาย และมีกำไรอีกด้วย
ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า โดยเฉพาะด้านบริการหลังการขายที่นอกจากจะปรับปรุงโชว์รูมหลายแห่งแล้ว บริษัทยังเสริมด้วยศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ BMW Contact Center แบบครบวงจร (เวอร์ชันภาษาไทย) ที่จะคอยอำนวยความสะดวก และช่วยเหลือลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งนับเป็นแบรนด์หรูแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่มีบริการนี้เป็นของตนเอง
“บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเราเดินแผนอย่างระมัดระวัง ขณะที่การลงทุนใหม่ๆคงต้องดูตามสถานการณ์ตลาดและสภาพเศรษฐกิจ ที่สำคัญเมืองไทยยังมีปัจจัยการเมืองเกี่ยวข้องด้วย แต่ทั้งนี้เรายืนยันว่าจะดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็งต่อไป”นาย รูดิเกอร์ กล่าวสรุป