ไม่ต่างจากตอนที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำต้นแบบที่ชื่อว่า ConceptFascination มาจัดแสดงเมื่อปีที่แล้ว เพราะนี่คือการอุ่นเครื่องในการนำเสนอแนวทางการออกแบบเพื่อนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นจำหน่ายจริงอย่างอี-คลาสโฉมใหม่ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูก็จัดการเดินตามรอยนี้เช่นกัน กับการเผยโฉมต้นแบบใหม่ที่ชื่อว่า 5 Series Gran Turismo เพื่อเป็นร่างจำแลงในการแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในด้านรูปลักษณ์ภายนอกที่ซีดานระดับหรูขนาดกลางอย่างสายพันธุ์ซีรีส์ 5 โฉมใหม่ควรจะเป็นเมื่อถึงเวลาขายจริง ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในปลายปีนี้
คิวการเปิดตัวของต้นแบบใหม่รุ่นนี้จะอยู่ในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 ต้นเดือนมีนาคมนี้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวรถได้รับการพัฒนาตามแนวคิดที่เรียกว่า PAS หรือ Passive Activity Sedan หรือซีดานสุดล้ำที่เปี่ยมด้วยประโยชน์ใช้สอย และนั่นก็เลยทำให้ในตัวต้นแบบได้รับการออกแบบบนตัวถังฟาสแบ็ค 5 ประตู ซึ่งฝากระโปรงหลังสามารถเปิดขึ้นพร้อมกับกระจกบังลมหลัง เพิ่มความอเนกประสงค์ในการบรรทุกสัมภาระ และกว่ากันว่าเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของคริส แบงเกิ้ล ก่อนที่จะเขาจะอำลาจากการเป็นหัวหน้าในส่วนฝ่ายออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู
ส่วนเรื่องที่ว่าเมื่อกลายมาเป็นซีรีส์ 5 ใหม่แล้ว จะมีตัวถังนี้ทำตลาดนอกเหนือจากซีดาน 4 ประตูแบบตัวถัง 3 กล่อง และสเตชันแวกอน 5 ประตูหรือไม่นั้น ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากค่ายใบพัดสีฟ้า เพราะถ้าอิงจากการทำตลาดรูปแบบเดิมๆ ของซีรีส์ 5 นับจากตัวถัง E12 จนถึงรุ่นปัจจุบันที่กำลังจะปลดระวางจากตลาดอย่าง E60/E61 แล้ว ตัวถังไม่น่าจะมีอะไรมากกว่า 2 แบบข้างต้น แต่ในยุคที่ตลาดมีการแข่งขันอย่างดุเดือด ก็ยังไม่ควรปิดโอกาสของความเป็นไปได้เกี่ยวกับสร้างสีสันในตลาดด้วยตัวถังใหม่
แต่ก็ไม่แน่ด้วยเช่นกันที่ผู้ผลิตรถยนต์อาจจะยังเล่นมุขเดิมๆ ด้วยการสร้างกระแสความสนใจในกลุ่มลูกค้าให้กลายเป็น Talk of The Town ตามหน้าอินเตอร์เนต ด้วยการผลิตต้นแบบในรูปทรงที่แปลกและแตกต่างออกไป แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่…สรุปคือ คงต้องรอดูของจริงที่ซีรีส์ 5 ใหม่รหัสตัวถัง F10 ซึ่งมีคิวเปิดตัวปลายปีนี้ว่าจะมีอะไรเซอร์ไพรส์หรือไม่
ในรุ่นต้นแบบ ตัวรถมาพร้อมกับขนาดที่ใหญ่พอสมควรด้วยความยาว 4,998 มิลลิเมตร กว้างแบบรวมกระจกมองข้าง 2,207 มิลลิเมตร สูง 1,559 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อเหลือเฟือด้วยความยาวถึง 3,070 มิลลิเมตร มั่นใจได้เลยว่าข้างในกว้างขวางและโอ่โถงแน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของ Leg Room ของพื้นที่วางขาของเบาะนั่งทั้งด้านหน้าและหลัง
สำหรับงานออกแบบภายนอกเป็นการประยุกต์สไตล์การสร้างสรรค์มาจากซีรีส์ 7 ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว แต่คงเอกลักษณ์ที่สำคัญๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูเอาไว้ เช่น กระจังหน้ารูปไตคู่ หรือ Twin Kidney โดยที่ไฟหน้าเป็นแบบดวงกลมคู่ แต่ในยุคใหม่ๆ รถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูเปลี่ยนมาเป็นไฟดวงกลมคู่ในกรอบเหลี่ยม เรียกว่ารายละเอียดโดยรวมของตัวรถเหมือนกับการจับเอาซีรีส์ 7 รุ่นใหม่มาย่อส่วนเพื่อเจาะตลาดรถยนต์ระดับหรูขนาดกลาง
แนวเส้นหลังคาถูกออกแบบให้ลาดเทลงมาเพิ่มความสปอร์ต และอีกเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู คือ การออกแบบแนวเสาหลังคาหลังและแนวของประตูหรือกระจกบานหลังให้โค้งหักลงมาคล้ายกับตะขอ หรือ ตัว J หรือที่เรียกว่า Hofmeister kink หรือ Hofmeister kick หรือ Hofmeisterknick ในภาษาเยอรมัน ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกกับรุ่น 1500 ที่เปิดตัวในปี 1961 ในยุคที่มี Wilhelm Hofmeister เป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ และนำนามสกุลของผู้ริเริ่มมาใช้ตั้งชื่อแนวทางการออกแบบลักษณะนี้
ภายในห้องโดยสารเน้นความสวยและล้ำสมัย โดยเฉพาะการออกแบบเบาะนั่งหลังให้เป็นแบบแยกส่วนโดยมีแผงคอนโซลกลางยาวคั่นกลาง และเบาะหลังฝั่งซ้ายและขวาสามารถปรับเลื่อนถอยหลังได้ 100 มิลลิเมตร และพนักพิงสามารถปรับเอนหลังได้เช่นกัน ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระมีความจุ 570 ลิตร และจะเพิ่มเป็น 1,650 ลิตรเมื่อพับเบาหลังลงมา
ในเรื่องของรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถไม่มีการเปิดเผยออกมา เพราะดูแล้วจุดประสงค์หลักของการนำต้นแบบรุ่นนี้มาเปิดตัวคือ การสร้างกระแสความสนใจของคนทั่วโลกให้มีต่อซีรีส์ 5 ใหม่ เพื่อเตรียมตัวรับกับอีกความหรูจากแบรนด์เยอรมนีที่พร้อมเจาะตลาดรถยนต์