วันนี้ (9 มี.ค.) บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดตัว ซีรีส์ 7 ใหม่ ในรอบสื่อมวลชน ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 30 ปลายเดือนนี้ โดยค่ายใบพัดสีฟ้าตัดสินใจนำเข้ามาทำตลาดในช่วงแรก 2 รุ่นคือ 740Li กับ 750Li สนนราคา 12,999,000 บาท กับ 15,699,000 บาทตามลำดับ
สำหรับการเป็นรถยนต์นำเข้าทั้งคัน บวกกับเทคโนโลยีอันโดดเด่น(แต่บางอย่างคู่แข่งตราดาวสามแฉกติดตั้งมาก่อนสักระยะแล้ว) ทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย พร้อมสมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้น(ที่คนซื้อมักไม่ได้ขับ) จึงไม่แปลกที่จะส่งให้ราคากระโดดไปกว่า 10 ล้าน....แล้วซีรีส์ 7 มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ซีรี่ส์ 7 ใหม่ เพิ่มความยาวฐานล้อจากรุ่นก่อนอีก 8 เซ็นติเมตร ทำให้ภายในกว้างขวาง สะดวกสบายเพิ่มขึ้น สำหรับทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง ในส่วนของความยาวรวมของตัวรถอยู่ที่ 5.2 เมตร หรือเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 3.3 เซนติเมตร และเมื่อรวมกับเทคโนโลยี Dynamic Damping Control ที่สามารถปรับระบบช่วงล่างของรถให้มีความนุ่มนวลที่สุดตามสภาพผิวถนนที่ต่างกัน เช่น ถนนเมืองหรือชานเมืองที่มีความขรุขระ หรือถนนทางด่วนยกระดับที่ราบเรียบ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายของผู้โดยให้อยู่ในระดับสูงสุดแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยอีกด้วย
ภายใต้รูปลักษณ์หรูหราจะเพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อาทิ ระบบ Integral Active Steering ซึ่งเป็นนวัตกรรมในส่วนของเทคโนโลยีระบบบังคับเลี้ยวอัจฉริยะ ที่ช่วยให้รถ ซีรีส์ 7 ใหม่มีเสถียรภาพในการบังคับเลี้ยวเป็นเลิศ โดยเฉพาะขณะใช้ความเร็วสูง อีกทั้งยังเพิ่มความคล่องตัวในการเลี้ยวในที่แคบๆ เช่น ในลานจอดรถ
วิศวกรของบีเอ็มดับเบิลยูยังติดตั้งระบบเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุดให้กับซีรีส์ 7 เช่น ระบบ Integrated Chassis Management ซึ่งจะเป็นระบบสมองกลหน่วยควบคุมส่วนกลาง มีหน้าที่ควบคุมและประสานงานของระบบความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบรักษาเสถียรภาพ Dynamic Stability Control ระบบ Integral Active Steering และ ระบบ Dynamic Drive Control ที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงาน ของทั้งระบบช่วงล่าง ระบบบังคับเลี้ยว และโปรแกรมของระบบเกียร์ ซึ่งการประสานงานที่มีประสิทธิภาพเป็นเลิศของระบบ Integrated Chassis Management อาศัยเทคโนโลยีเครื่องข่ายข้อมูลความเร็วสูง FlexRay ซึ่งมีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงกว่าระบบธรรมดาถึง 20 เท่า
บีเอ็มดับเบิลยู 750Li และ BMW 740Li ได้รับการติดตั้งระบบ Head-up Display ซึ่งเป็นระบบแสดงผลบนกระจกหน้ารถ เพื่อให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตามามองที่หน้าปัด โดยเฉพาะในขณะใช้ความเร็วบนทางด่วน นอกจากนั้นยังมีระบบ Night Vision ใหม่ ซึ่งเป็นระบบกล้องอินฟาเรดที่มาพร้อมกับความสามารถในการจับทิศทางและความเร็วของคนหรือสัตว์ เมื่อระบบสมองกลได้คำนวณระยะ ทิศทาง และความเร็วแล้ว เห็นว่าอาจจะเป็นอันตรายได้ ก็จะส่งสัญญาณเตือนโดยการสั่นเบาๆ บนพวงมาลัย เพื่อเตือนให้ผู้ขับได้รับรู้ถึงสถานการณ์ข้างหน้าที่อาจจะยังไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบนำทาง BMW Navigation Professional ซึ่งทำงานอยู่บนระบบฮาร์ดดิสก์เพื่อความรวดเร็วในการทำงาน และแผนที่จะแสดงผลบนจอมอนิเตอร์แบบ hi-resolution ขนาด 10.2 นิ้วบนแดชบอร์ด ในขณะที่ข้อมูลทิศทางสามารถแสดงผลบนระบบ Head-up Display ได้ด้วย และฮาร์ดดิสก์ขนาด 40 กิกกะไบท์ นอกจากจะเก็บข้อมูลแผนที่ดิจิตอลแล้ว ยังสามารถเก็บบันทึกไฟล์เพลงได้อีกด้วย
ด้านความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารก็พร้อมด้วย ระบบทีวีและดีวีดีด้วยจอมอนิเตอร์ 1 จอขนาด 8.8 นิ้วในด้านหน้า และ 2 จอขนาด 9.2 นิ้วที่สามารถทำงานอิสระต่อกันสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และระบบเครื่องเสียงระบบเซอร์ราวนด์ 16 ลำโพงที่ให้เสียงสมจริงเหมือนโรงภาพยนตร์ ซึ่งสามารถควบคุมผ่านระบบ iDrive ใหม่ ที่ติดตั้งทั้งในด้านหน้าและด้านหลัง
ทั้งนี้ เพื่อให้การเดินทางทั้งใกล้และไกลเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและสะดวกสบาย ที่นั่งด้านหลังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งมาพร้อมกับระบบนวดหลังและระบบเป่าลมเย็น นอกจากนั้นระบบปรับอากาศยังเป็นระบบแยกโซน 4 โซนซึ่งสามารถปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับที่ผู้โดยสารแต่ละคนต้องการ
750Li วางเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ 407 แรงม้า แรงบิดมหาศาลถึง 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-4,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 5.2 วินาที
ด้าน 740Li มากับเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 3.0 ลิตรแบบ 6 สูบแถวเรียง พร้อมเทอร์โบคู่ 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,500 รอบ และอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.0 วินาที โดยค่ายใบพัดสีฟ้าเคลมตัวเลขประหยัดน้ำมันเฉลี่ยไว้ 10 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับผู้สนใจเป็นเจ้าของ หรือแค่อยากชื่นชมอัครยานยนต์เฉยๆ เตรียมพบตัวจริงได้ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายนนี้
