xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ย้ำ ‘มีวันนี้ได้เพราะครูดี’ แดงถ่อยป่วนพิธีมงคล ทำแม่พิมพ์เซ็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“อภิสิทธิ์” กล่าวสุนทรพจน์วันครู เผย “มีวันนี้ได้ เพราะครูดี” ชี้ครูต้องมีจริยธรรมจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ พร้อมขอให้เตรียมรับการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดความเสื่อม แต่ถือว่าเป็นความท้าทายต่อความรับผิดชอบ วอนครูทุกคนช่วยกันพัฒนาการศึกษา อย่าย่อท้อ ด้าน “ม็อบแดงถ่อย” ป่วนพิธีมงคล ทำแม่พิมพ์เซ็ง

วันนี้ 16 ม.ค.ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันครูประจำปี 2552 โดยมีครูทั่วประเทศเดินทางเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวสุนทรพจน์ว่า เราอยู่ในยุคสมัยที่สังคมมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ ถือได้ว่าขณะนี้เราอยู่ในโลกแห่งข่าวสารและเทคโนโลยีที่ทำให้โลกทั้งโลกเชื่อมเป็นหนึ่งเดียว และก็มีจุดร่วมทั้งทางด้านข้อมูลข่าวสาร ความคิด วัฒนธรรม การเงิน ธุรกิจ สำนึกสิ่งแวดล้อม และกระบวนการสังคมอื่นๆ ทำให้ประชาชนทุกหนทุกแห่งมีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัวและเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต

แต่ไม่ว่าความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายจะเกิดขึ้นอย่างไร ความรับผิดชอบของคนที่เป็นครูไม่เคยลดน้อยลง กลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น และท้าทายมากยิ่งขึ้นตามสภาพปัญหาของสังคมที่มีความหลากหลาย ซับซ้อน และปัญหาของเด็กที่มีมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้น สิ่งที่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่มีทั้งความเจริญก้าวหน้า และปัญหาที่นำมาซึ่งความเสื่อมนั้น เป็นสิ่งที่ท้าทายครูในยุคปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง การอุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ ทุ่มเทอย่างที่เคยทำมาก็จำเป็นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางวิธีการให้เหมาะสมกับความเป็นไปของสังคม จึงจะสามารถคงความเป็นครูในอุดมคติของคนส่วนใหญ่และเป็นปูชณียบุคคลที่มีบทบาทในการนำพาบ้านเมืองไปสู่ความเจริญต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในยุคสมัยนี้บทบาทของครูจึงมีความสำคัญในการพัฒนาคน โดยเฉพาะเด็กของเราเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะต้องปฏิบัติหน้าทีตามมาตรฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณของวิชาชีพในการศึกษาอย่างสม่ำเสมอแล้ว ครูยังต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม เป็นครูที่เราอยากเห็นอยากได้เป็น ตนจึงรู้สึกยินดี ที่ในปีนี้ทางคุรุสภาได้เห็นความสำคัญของการรณรงค์เพื่อให้ครูเป็นแบบอย่างที่ดี โดยการลด ละ เลิกอบายมุขต่างๆ

ดังนั้น จรรยาบรรณของครูอาจารย์มีหลากหลายมาก ไม่ว่าเป็นจรรยาบรรณต่อตัวเอง ในการมีวินัย ฝึกฝนตนเองด้านวิชาชีพ ทั้งบุคลิกภาพ วิสัยทัศน์ เพื่อให้ทันต่อวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเงินที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ มีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพที่ต้องรักษาศรัทธา ซื่อสัตย์ สุจริตเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ แต่ที่สำคัญที่สุดคือจรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ หรือลูกศิษย์ลูกหานั่นเอง ที่ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ช่วยเหลือให้กำลังใจแก่ศิษย์ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ที่ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทักษะนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ ทั้งที่จะต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งกาย วาจา และจิตใจ ไม่กระทบตนเป็นปฏิปักษ์ต่อกายอารมณ์และจิตใจของศิษย์ และทั้งที่ต้องให้บริการด้วยความเสมอภาคโดยไม่เรียกรับผลประโยชน์โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ นอกจากนี้ยังมีจรรยาบรรณต่อผู้ร่วมวิชาชีพที่พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ จรรยาบรรณต่อสังคมในการเป็นผู้นำในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา รักษาผลประโยชน์การเป็นส่งรวม และระบบการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ภารกิจและสิ่งท้าทายเหล่านี้ รัฐบาลได้มุ่งมั่นที่จะให้กระบวนการพัฒนาคนของเราประสบความสำเร็จในการสร้างคนดี มีคุณธรรม มีคุณภาพ ด้วยความเชื่อที่ว่าประเทศชาติจะเจริญและทุกปัญหาจะแก้ได้ ถ้าหากว่าคนของเรามีคุณภาพ ดังนั้น รัฐบาลจึงมุ่งเน้นการทุ่มเทด้านการศึกษาและจะผลักดันให้มีการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบอย่างจริงจัง และแน่นอนที่สุดการปฏิรูปครั้งนี้จะต้องครอบคลุมไปถึงเรื่องการพัฒนาครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ได้ครูที่ดี ที่เก่ง มีคุณธรรมและมีวิทยฐานะสูงขึ้น มีคุณภาพชีวิต ขวัญ กำลังใจที่ดีที่จะนำไปสู่การทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่แม้นโยบายของรัฐบาลจะเป็นอย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการผลักดันให้ไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกฝ่าย โดยเฉพาะท่านทั้งหลาย ซึ่งผมเชื่อว่าไม่เกินกำลังที่จะทำให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับเด็ก เยาวชน และสังคมไทยของเรา

โดยส่วนตัวถือว่าวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงที่พึงจะได้รับการเคารพยกย่อง ตนสำนึกอยู่เสมอว่าความสำเร็จในการประกอบอาชีพการงานเป็นผลมาจากการได้รับการสั่งสอนอบรมจากบรรดาครูอาจารย์ที่ดีมาโดยตลอด แม้ช่วงชีวิตที่อยู่ในการศึกษาของไทยจะมีถึงเพียงแค่ชั้นประถม 6 แต่วันนี้อาจารย์ประจำชั้นของตนตอน ป.6 ทั้งสองท่านที่อยู่บนเวทีนี้ด้วย ถือได้ว่าเป็นแบบอย่างที่สำคัญสำหรับครูทั่วประเทศ

“ท่านอาจารย์ลินจง เป็นอาจารย์ที่แม้ผมจะไปต่างประเทศแล้วและกลับมาประกอบอาชีพ ท่านก็แสดงความห่วงใยในการทำงานของผมโดยตลอด แสดงให้เห็นความผูกพันที่ครูมีต่อลูกศิษย์ ซึ่งผมถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งอาจจะสำคัญที่สุดในการประกอบอาชีพครู

อาจารย์องอาจ แม้ผมไม่มีโอกาสพบกับท่านเลย หลังจากที่เรียนจบไป แต่ทุกท่านก็คงเห็นจากข่าวแล้วว่า ท่านเป็นคนที่เขียนคำกลอนให้ลูกศิษย์ทุกคนตอนเรียนจบ ป.6 ซึ่งสะท้อนว่า ท่านเป็นครูที่เอาใจใส่ลูกศิษย์ทุกคน สามารถใช้ความรู้ ทักษะด้านภาษาไทยได้เขียนบรรยายถึงลูกศิษย์ทุกคนได้จดจำถึงคำสอน คุณสมบัติ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เราเคยพูดถึงการปฏิรูปการศึกษาโดยให้เด็กเป็นศูนย์กลาง รูปธรรมที่เห็นได้ชัด เห็นได้จากสิ่งที่อาจารย์องอาจได้ทำ เพราะแสดงถึงความเอาใจใส่ลูกศิษย์ทุกคน

ผมยังมีครูในต่างประเทศที่มีวิญญาณความเป็นครู แม้แต่อดีตอาจารย์ที่ปรึกษาของผม ที่ตอนนี้เป็นที่ปรึกษาของธนาคารกลางอังกฤษ เมื่อเร็วๆ นี้ท่านได้เดินทางมาประเทศไทย เมื่อเห็นข่าวว่าผมอยู่ในวงการเมือง ก็นัดให้ไปพบ ผมจำได้ว่าพอพบท่านปั๊บ ท่านเอาบทความทางวิชาการยื่นใส่มือผม และบอกว่าเอาไปอ่านจะช่วยให้เข้าใจเศรษฐกิจและวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในโลกได้ ผมว่าถ้าท่านทั้งหลายมีวิญญาณของผู้สอน มีความเมตตาให้ลูกศิษย์ ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการเตรียมรับความท้าทายใหม่ๆ

ผมขอบคุณคุณครูอาจารย์และผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาทุกท่านที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละอดทน ขอเป็นกำลังให้ร่วมกันพัฒนาการศึกษาต่อไปอย่างได้ท้อถอย และขอชื่นชมยินดีกับครู ผู้บริหาร และบุคคลกรทางการศึกษาที่ได้ปฏิบัติงานมีผลงานดีเด่น จนได้รับรางวัลจากคุรุสภา หรือประกาศยกย่องเกียรติคุณ รวมทั้งขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการประกวดร้อยกลอง บทเทิดทูนเกียรติคุณครู ขอให้ท่านทั้งหลายมีความภูมิใจความรู้ความสามารถและสิ่งที่ได้ดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจมาโดยตลอด พร้อมทั้งขอให้ดำรงรักษาความดีงามนี้ไว้ เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่น เด็กและเยาวชนต่อไป”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายอภิสิทธิ์เป็นประธานพิธีบูชาบูรพาจารย์และมอบรางวัลในพิธีงานวันครูประจำปี 2552 อยู่นั้น ปรากฏว่าได้มีกลุ่มรักประชาธิปไตยสนามหลวง (กปส.) และเครือข่ายผู้รักประชาธิปไตย 4 ภาค หรือกลุ่มคนแดงประมาณ 10 คนที่ปักหลักชุมนุมอยู่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ได้เคลื่อนขบวนด้วยรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงออกจากทำเนียบฯ โดยทิ้งผู้ชุมนุมให้นอนห่มผ้าเฝ้ารั้วทำเนียบ 1 คนเท่านั้น ได้เคลื่อนมาชุมนุมด้านหน้าหอประชุมคุรุสภา ฝั่งถนนนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันครูที่มีครูและนักเรียนจากทั่วประเทศมาร่วมงานจำนวนมาก

โดยคนเสื้อแดงได้ตะโกนด่าทอนายอภิสิทธิ์อย่างหยาบคาย และได้เรียกนายอภิสิทธิ์ว่า “ด.ช.อภิสิทธิ์” พร้อมกับทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งนายอภิสิทธิ์อย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยดูแลความเรียบร้อยและได้บันทึกวิดีโอการชุมนุมครั้งนี้ด้วย แต่ก็ไม่วายทำให้ครู-นักเรียนที่มามาร่วมงานต่างพากันส่ายหัวเซ็งกับบรรยากาศงานมงคลของครู ซึ่งกลุ่มครูบางส่วนได้จับกลุ่มคุยกันว่า “สงสัยเขาไม่มีครูกันมั้ง ถึงไม่ให้เกียรติครูอย่างนี้”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางออกจากหอประชุมฯ ด้วยรถ BMW ซีรีส์ 7 ประจำตำแหน่งและรถติดตามขบวนที่จอดรอรับ โดยมีครูและนักเรียนไปยืนรออยู่ด้านหน้าทางออกหอประชุมจำนวนมากเพื่อขอมอบดอกไม้ และถ่ายรูปกับนายกฯ นั้น ปรากฏว่าคนเสื้อแดงได้เร่งเสียงลำโพงและได้ตะโกน “อภิสิทธิ์ ออกไป อภิสิทธิ์ ออกไป” จนทำให้ครูและนักเรียนบางส่วนตะโกนตอบโต้กลับไปว่า “อภิสิทธิ์ สู้ๆ อภิสิทธิ์ สู้ๆ” ดังกระหึ่มประมาณ 2 นาที แต่ไม่มีความวุ่นวายอะไร

ทั้งนี้ ในที่สุดนายอภิสิทธิ์ก็เดินทางออกจากหอประชุม กระทรวงศึกษาฯ โดยใช้ประตูด้านข้างของหอประชุม ด้วยรถตู้โฟล์คสีบรอนซ์เงิน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรถของกระทรวงศึกษาฯ ไปรับออกจากหอประชุมเพื่อเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลทันที จนทำให้ครูและนักเรียนที่รออยู่ไม่พอใจและพูดน้อยใจนายกฯ ส่วนคนเสื้อแดงเมื่อทราบว่านายอภิสิทธิ์ออกทางด้านข้างก็พากันสะใจและถากถางนายอภิสิทธิ์ที่ไม่กล้าออกมาสู้หน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น